ลุยซ์ตามรอย : 11 แข้งดังคว้าทั้งแชมป์สโมสรยุโรปและอเมริกาใต้

ลุยซ์ตามรอย : 11 แข้งดังคว้าทั้งแชมป์สโมสรยุโรปและอเมริกาใต้

เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฟลาเมงโก้ ทีมดังจากลีกบราซิล สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ระดับทวีปอย่าง โกปา ลิเบอร์ตาดอเรส เป็นสมัยที่ 3  หลังเอาชนะ แอตเลติโก้ พาราเนนเซ่ คู่แข่งร่วมลีก 1-0

แข้งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘กาบิโกล’ กาเบรียล บาร์โบซ่า ผู้ยิงประตูชัยในเกมนั้น ช่วยให้ฟลาเมงโก้กลายเป็นสโมสรเบอร์หนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ได้ แต่อีกคนที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ ดาวิด ลุยซ์ กองหลังตัวเก๋าวัย 35 ปี ที่คว้าระดับทวีปได้ 2 ทวีป หลังเคยคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกกับ เชลซี ในปี 2012

อย่างไรก็ดี อดีตแข้ง สิงห์บลูส์ ก็ไม่ใช่นักเตะคนแรกที่คว้าได้ทั้งแชมป์ทวีปอเมริกาใต้และทวีปยุโรป ซึ่งทาง UFA ARENA พาไปรู้จักกับแข้งดังอีก 10 คนที่เคยทำแบบนี้ได้ก่อน ลุยซ์ ผ่านบทความชิ้นนี้

 

ดีด้า (ครูไซโร่, มิลาน)

Why the trailblazing Dida deserves to be remembered as one of his  generation's best goalkeepers

เนลสัน เดอ เฆซุส ซิลบา หรือที่แฟนบอลรู้จักในชื่อสั้นๆว่า ดีด้า ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนายทวารชาวบราซิลที่ดีที่สุดตลอดกาล โดยเขากลายเป็นที่จดจำในช่วงที่เฝ้าเสาให้กับ เอซี มิลาน ช่วงยุค 2000 และพาทีมคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกถึง 2 ครั้งในปี 2003 และ 2007

แต่ก่อนที่อดีตนายทวารทีมชาติบราซิลจะโยกย้ายมาสร้างชื่อในยุโรป เขาเคยเป็นที่รู้จักไปทั่วบ้านเกิดในตอนที่ค้าแข้งกับ ครูไซโร่ พร้อมกับคว้าแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ในปี 1997

 

คาฟู (เซา เปาโล, เอซี มิลาน)

Cafu. on Twitter: "Winning the Champions League is one of the greatest  memories of my career. Every player, every fan shall have the right to  dream of the same thing, the same

คาฟู เป็นแข้งที่ลงเล่นในทีมชาติบราซิลมากที่สุด และยังเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ลงเล่นในนัดชิงฟุตบอลโลกถึง 3 ครั้ง ซึ่งคว้าแชมป์มาได้ 2 ครั้งในปี 1994 และ 2002 

นอกจากนี้ แบ็คขวาจอมบุกเป็นหนึ่งในทีมเซา เปาโล ชุดคว้าแชมป์ทวีปได้ 2 สมัยซ้อนในปี 1992 และ 1993 หลังจากนั้นอีก 14 ปี เขาก็มาคว้าแชมป์สโมสรยุโรปกับเอซี มิลาน ในปี 2007

 

ฮวน ปาโบล โซริน (ริเวอร์เพลท, ยูเวนตุส)

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ฤดูกาล 1995-96 ถือเป็นฤดูกาลที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตค้าแข้งของ ฮวน ปาโบล โซริน  แล้ว หลังเขาคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก และ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ได้ในปีเดียวกัน 

ยูเวนตุสเซ็นเขาไปร่วมทีมในปี 1995 หลังโชว์ฟอร์มเด่นและเป็นกัปตันทีมอาร์เจนติน่าในบอลโลกชุดเยาวชนปีนั้น แม้จะอยู่ในชุดแชมป์ยุโรป แต่แข้งแดนฟ้าขาวก็ปรับตัวเข้ากับ ‘เบี่ยงโคเนรี่’ ไม่ได้ จนต้องย้ายกลับเล่นในบ้านเกิด ก่อนจะคว้าแชมป์ทวีปอเมริกาใต้กับ ริเวอร์ เพลท ในช่วงปลายปีนั้น

 

โรเก้ จูเนียร์ (พัลเมรัส, มิลาน)

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ในช่วงที่พัลไมรัส ครองความยิ่งใหญ่ในบราซิลและทวีปอเมริกาใต้ โรเก้ จูเนียร์คือปราการหลังตัวหลักที่ช่วยสร้างความสำเร็จในทีมในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ลีกบราซิลปี 1996 หรือ บราซิล คัพ 1998 และถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนละติน อเมริกา อย่าง โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส เขาก็ได้สัมผัสมาแล้วในปี 1999

อย่างไรก็ตาม เมื่อแข้งชาวบราซิลเลี่ยนได้ย้ายมาค้าแข้งในยุโรป เขาก็ไม่สามารถกลายเป็นตัวหลักเหมือนตอนเล่นให้ทีมบ้านเกิดได้เลย แต่อย่างน้อย การได้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์กับ เอซี มิลาน ในปี 2003 ก็พอจะทำให้เขาอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลอยู่บ้าง แม้จะไม่มากไม่มายก็ตามที

  

คาร์ลอส เตเวซ (โบคา จูเนียร์ส, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

Carlos Tevez snubs Man City as he hails Man Utd's 2008 Champions League win  among greatest achievements of his career | The Sun

คาร์ลอส เตเบซ ประสบความสำเร็จทั้งการค้าแข้งในอเมริกาใต้ และ ยุโรป หลังพา โบคา จูเนียร์ ค้าแชมป์โกปา ลิเบอร์ตาดอเรส ในปี 2003 หลังจากนั้นอีก 5 ปีต่อมา เขาก็ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร

ปัจจุบัน กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ได้ประกาศแขวนสตั๊ดไปตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว หลังหมดไฟในวงการ โดยมีสาเหตุจากการที่สูญเสีย เซกุนโด้ ผู้เป็นพ่อและแฟนเบอร์หนึ่งของเขาจากโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2021

 

วอลเตอร์ ซามูเอล (โบคา จูเนียร์ส, อินเตอร์ มิลาน)

Uživatel UEFA Champions League na Twitteru: „Wish Inter hero & 2010  #UCL winner Walter Samuel a happy birthday! 🎁🎂🎉 'The Wall' is 39 today  💪 https://t.co/gUrB2G5e8X“ / Twitter

ไม่ผิดนัก หากจะบอกว่า วอลเตอร์ ซามูเอล ได้มีโอกาสย้ายมาเล่นในยุโรปเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2000 เป็นเพราะ เขาช่วยให้โบคา จูเนียร์ คว้าแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ในปีนั้นได้ ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่เขาค้าแข้งกับทีมบ้านเกิด

ถัดมาอีก 10 ปี กองหลังชาวอาร์เจนไตน์คว้าแชมป์ระดับทวีปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาทำได้กับ อินเตอร์ มิลาน ภายใต้การคุมทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ แถมประสานงานกับ ลูซิโอ้ กองหลังมากทักษะชาวบราซิลเลี่ยนได้อย่างลงตัว จนช่วยให้ ‘งูใหญ่’ คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ปีนั้นมาครองอย่างสมเกียรติ

 

โรนัลดินโญ่ (แอตเลติโก มิเนโร่, บาร์เซโลน่า)

UEFA Champions League on Twitter: "2006 #UCL winner Ronaldinho has retired  from football 🙌 https://t.co/EJTHCqcoFd" / Twitter

โรนัลดินโญ่ ประสบความสำเร็จมากมายตลอดอาชีพค้าแข้ง ไม่ว่าจะเป็นรางวัลระดับทีมชาติ,สโมสร หรือส่วนตัว แต่ช่วงที่เขาพีกที่สุดคือตอนที่ค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า พร้อมกับพาทีมคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2006 

ในช่วงบั้นปลายอาชีพ เหยินเล็กได้ย้ายกลับไปบราซิล และร่วมทีมฟลาเมงโก้ในปี 2011 แต่ในฤดูกาลต่อมา เขาเลือกย้ายไปอยู่กับ แอตเลติโก มิเนโร่ และคว้าแชมป์โกปา ลิเบอร์ตาดอเรส ในปีนั้นเลย

 

เนย์มาร์ (ซานโตส, บาร์เซโลน่า)

Neymar consiguió la Triple Corona - TyC Sports

หัวหอกจอมพริ้วของปารีส แซงต์ แชร์กแมง อย่าง เนย์มาร์ มีสถิติการลงเล่นกับซานโตสที่น่าประทับใจมากๆ หลังยิงไป 54 ประตูจาก 100 นัด และช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ในปี 2011

จากนั้นในปี 2013 เขาก็ย้ายมาเล่นกับบาร์เซโลน่า ก่อนจะช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 5 ในฤดูกาล 2014-15 พร้อมกับสร้าง 3 ประสานแนวรุกที่อันตรายที่สุดในโลกอย่าง ‘MSN’ แต่ด้วยความต้องการจะเป็นแข้งระดับโลกและออกจากร่มเงาของเมสซี่ เขาจึงย้ายไปค้าแข้งกับทีมเมืองหลวงแดนน้ำหอมในปี 2017

ซึ่งสุดท้ายก็ทำไม่ได้ เนื่องจากทัศนคติและอาการบาดเจ็บ แต่อย่างน้อย เนย์มาร์ ก็ได้กลับมาเล่นร่วมกับ เมสซี่ อีกครั้ง หลังดาวเตะฟ้าขาวย้ายมา เปแอสเช ในปี 2021 และทั้งคู่กำลังทำผลงานได้ร้อนแรงสุดๆในฤดูกาลนี้ 

 

ดานิโล่ (ซานโตส, เรอัล มาดริด)

Danilo adds 18th trophy to his cabinet with Serie A success | MARCA in  English

แบ็คขวาอย่าง ดานิโล่ เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของ เนย์มาร์ และเป็นนักเตะของซานโตสในชุดที่คว้าแชมป์โกปา ลิเบอร์ตาดอเรส ในปี 2011 ก่อนจะย้ายไปปอร์โต้ในปีเดียวกันและอยู่ค้าแข้งถึง 3 ปี จึงโยกย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริดในปี 2015

แม้จะไม่ได้เป็นตัวหลักของ ‘ราชันชุดชุดขาว’ แต่แข้งวัย 31 ปี ก็คว้าแชมป์ยุโรปกับ โลส บลังโกส ถึง 2 สมัยในปี 2016, 2017 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ยูเวนตุส ตามลำดับ

 

ราฟินญ่า (ฟลาเมงโก้, บาเยิร์น มิวนิค)

O adeus de um campeão", perfil da Libertadores destaca saída de Rafinha do  Flamengo - Flamengo - Notícias e jogo do Flamengo - Coluna do Fla

อดีตแบ็คขวาบาเยิร์น มิวนิค ราฟินญ่า คว้าแชมป์โคปา ลิเบอรตาดอเรส กับ ฟลาเมงโก้ ประจำปี 2019 และกลายเป็นนักเตะอีกคนคว้าทั้งแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส และ แชมเปี้ยนส์ลีก

โดยในช่วงที่แข้งวัย 37 ปี อยู่กับทีมเสือใต้ เขาคว้าแชมป์มากมายตลอด 8 ปีที่อยู่ในแคว้นบาวาเรีย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์บุนเดสลีก้า 7 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 4 สมัย รวมไปถึง ถ้วยบิ๊กเอียร์ในปี 2013 ด้วย ซึ่งปัจจุบันก็ยังค้าแข้งอยู่กับ เซา เปาโล

 

ดาวิด ลุยซ์ (ฟลาเมงโก้, เชลซี)

Chelsea hero David Luiz makes history by winning the Copa Libertadores - We  Ain't Got No History

ดาวิด ลุยซ์ กลายเป็นนักเตะรายล่าสุดที่คว้าทั้งแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส และ แชมป์ยุโรป อย่างถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก

โดยในช่วงแรกที่เล่นให้กับ เชลซี กองหลังหัวฟู ก็พาทีมคว้าถ้วย UCL ทันทีในฤดูกาล 2011-12 และประสบความสำเร็จในรายการอื่นๆด้วย ทั้งแชมป์ยูโรป้าลีก 2 สมัย, พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ อีก 2 สมัย

หลังลา สิงห์บลูส์ ลุยซ์ ก็ย้ายไปเล่น อาร์เซน่อล เป็นเวลา 2 ปี ก่อนย้ายกลับไปเล่นกับ ทีมบ้านเกิดตั้งแต่ปี 2021 และมีส่วนให้ทีมคว้าแชมป์ระดับทวีป รวมไปถึงบอลถ้วยในประเทศอย่าง โคปา โด บราซิล ด้วย

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ครั้งหนึ่งในชีวิต : 7 สโมสรที่คุณอาจไม่รู้ว่าเคยเล่นนัดชิงบอลยุโรป
ครั้งหนึ่งในชีวิต : 7 สโมสรที่คุณอาจไม่รู้ว่าเคยเล่นนัดชิงบอลยุโรป