ศึกเอล กลาซิโก้ระหว่าง เรอัล มาดริด พบกับ บาร์ซ่า เป็นเกมเบอร์ต้นๆในวงการฟุตบอลที่แฟนทั่วโลก รอคอยและให้ความสนใจอยู่เสมอๆ
ด้วยศักดิ์ศรี, ชื่อชั้น และประวัติศาสตร์ ทำให้ทั้ง 2 ทีมมักใส่กันเกินร้อยเสมอยามดวลแข้งกัน และไม่มีใครยอมใครสมกับที่พวกเขาทั้งคู่ต่างมองอีกฝ่ายเป็นอริตลอดกาลเสมอ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นคู่ปรับกัน แต่ก็เคยมีนักเตะของแต่ละทีม โยกไปเล่นกับทีมคู่แข่งอยู่ไม่น้อย และ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 10 แข้งดังที่เคยสวมทั้งเสื้อสีขาวและสีเลือดหมู
จอร์จี้ ฮาร์จี้
จอร์จี้ ฮาร์จี้ ได้ชื่อว่าเป็นแข้งที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมชาติโรมาเนีย รายนี้ทำผลงานได้อย่างเหลือเชื่อในศึกฟุตบอลโลกปี 1990 ด้วยการพา ทีมชาติโรมาเนีย เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายและนั่นเองก็ทำให้ เรอัล มาดริด ซื้อตัวเขาเข้าไปร่วมทัพทันที แต่ทว่าแข้งแดนผีดิบ ได้รับโอกาสเพียง 2 ฤดูกาลเท่านั้นพร้อมกับทำผลงานลงไป 84 นัดยิงไป 20 ประตู ก่อนจะถูกขายให้กับ เบรสซ่า ในปี 1992
แต่มาใน 1994 ฮาร์จี้ ก็มาระเบิดฟอร์มอีกครั้งกับทัวนาเมนท์เดิมในฟุตบอลโลกและคราวนี้ บาร์ซ่า ก็จัดการคว้าตัวโคตรแข้งรายนี้ไปอยู่ คัมป์ นู ได้สำเร็จแต่ก็เหมือนโดนคำสาป ฮาร์จี้ ได้อยู่เพียง 2 ปีเท่ากันกับตอนที่อยู่ เรอัล มาดริด และสุดท้ายเจ้าตัวก็ไปประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามที่ กาลาตาซาราย
แบรนด์ ชูสเตอร์
ตอนที่ แบรนด์ ชูสเตอร์เซ็นสัญญากับ บาร์เซโลน่า เขายังเป็นดาวรุ่งอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น ซึ่งการเซ็นสัญญาครั้งนี้ก็เกิดขึ้นมาจากการที่เขาทำผลงานในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้ดีเมื่อปี 1980 นั่นเองแต่ทว่าการอยู่ในถิ่น คัมป์ นู ไม่ค่อยดีนักเนื่องจาก ชูสเตอร์ ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บโดยตลอด แต่ผลงานก็ใช่ย่อยลงไป 170 นัดยิงไป 63 ประตู
อย่างไรก็ตามดีลไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในปี 1988 เมื่อดาวเตะทีมชาติเยอรมัน ย้ายจาก บาร์ซ่า ไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด และเขาก็ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลาลีก้า 2 ฤดูกาลติดต่อกับกับ ‘ราชันชุดขาว’ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจออกจากทีมไปอยู่กับ แอตเลติโก้ มาดริด ในปี 1993
หลุยส์ มิลย่า
หลุยส์ มิลย่า คือหนึ่งในผลผลิตของอคาเดมี่แห่ง บาร์เซโลน่า เขาประสบความสำเร็จกับทีมพอสมควรด้วยการคว้าแชมป์ ลาลีก้า สเปน และ โกปา เดล เรย์ ภายใต้การคุมทีมของ โยฮัน ครัฟฟ์ แต่แล้วในปี 1990 โอกาสสวมเสือสีเลือดหมูก็สิ้นสุดลง
เรอัล มาดริด ที่เห็นโอกาสทองฉกตัว มิลย่า ไปอย่างไวและให้บทบาทสำคัญแก่มิดฟิลด์ตัวรับชาวสแปนิช ซึ่งตลอดการค้าแข้งใน ซานติเอโก้ เบร์นาบิว ตั้งแต่ปี 1990-1997 เขาคว้าแชมป์ ลาลีก้า ได้ 2 ครั้ง โกปา เดล เรย์ อีก 1 ครั้งกับยอดทีมแห่งเมืองหลวง ก่อนที่เขาจะผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมในปัจจุบัน เพียงแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป
หนึ่งในดาวเตะชื่อก้องโลกแห่งวงการลูกหนังของเดนมาร์ก ซึ่ง ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป เป็นการซื้อตัวเข้ามาของ โยฮัน ครัฟฟ์ ในปี 1989 อีกทั้งยังประสบความสำเร็จมากมายตลอดช่วงระยะเวลาที่อยู่ยังถิ่น คัมป์ นู โดยคว้าแชมป์ ลาลีก้า ได้ 4 สมัย โกปา เดล เรย์ 1 สมัย และแชมป์สโมสรยุโรปหรือ ยูโรเปี้ยน คัพ ในตอนนั้นอีก 1 สมัยร่วมกับทีม
ทว่า เรอัล มาดริด คู่ปรับตลอดกาล ก็จัดการฉกตัวมาได้สำเร็จในปี 1994 แต่ดาวเตะแดนโคนมก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนักเขาใช้เวลา 2 ปีที่ มาดริด และคว้าแชมป์ ลาลีก้า ได้ 1 สมัยร่วมกับทีมก่อนที่จะย้ายออกไปเล่นที่ ญี่ปุ่น กับ วิซเซิ่ล โกเบ ในปี 1996
หลุยส์ เอ็นริเก้
หลุยส์ เอ็นริเก้ อาจเคยค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า รวมถึงได้โอกาสคุมทีมเก่าในช่วงหนึ่งด้วย แต่ก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นดาวเตะของ เรอัล มาดริด มาก่อนซึ่ง ‘ราชันชุดขาว’ ไปได้ตัวเขามาจาก สปอร์ติ้ง กีฆ่อน ในปี 1991 และแน่นอนว่าเขาประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ ลาลีก้า และ โกปา เดล เรย์ อย่างละสมัยก่อนที่จะย้ายข้ามฟากไปอยู่กับยอดทีมแห่งแคว้นกาตาลัน แบบไร้ค่าตัวเนื่องจากเขาไม่ยอมต่อสัญญากับ มาดริด
เอ็นริเก้ มาอยู่ คัมป์ นู ในปี 1996 พร้อมผงาดโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ บาร์ซ่า แชมป์ ลาลีก้า 2 สมัย, โกปา เดล เรย์ 2 สมัย และการลงเล่นไป 207 นัดยิงไป 73 ประตูก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าหัวใจของเขาอยู่กับ อาซูลกราน่า อย่างเต็มตัว
โรนัลโด้
ไม่มีใครไม่รู้จักสำหรับเจ้าของฉายา ‘โล้นทองคำ’ โรนัลโด้ หัวหอกแห่งทีมชาติบราซิลรายนี้แน่นอน โดยเขาถูก บาร์เซโลน่า ซื้อตัวมาจาก พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่งและในฤดูกาลแรกและเป็นฤดูกาลเดียวของเขากับ บาร์ซ่า นั้น โรนัลโด้ ซัดไป 34 ประตูจากการลงเล่น 38 นัดทำให้ อินเตอร์ มิลาน ทุ่มเงินก้อนโตซื้อตัวไปในที่สุด
หลังจากไปบาดเจ็บอยู่กับ ‘งูใหญ่’ หลายปี โรนัลโด้ ก็โชว์ฟอร์มเทพสุดๆในศึกฟุตบอลโลกปี 2002 ซึ่งพา บราซิล คว้าแชมป์ได้ ทำให้หวนกลับมาเล่นที่สเปนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นฝั่งของ เรอัล มาดริด ที่คว้าตัวไปร่วมทีม เป็นหนึ่งในแข้งยุคแห่ง ‘กาลาติกอส’ แม้ประสบความสำเร็จพอสมควรกับแชมป์ลาลีก้า 2 สมัย แต่ก็น่าเสียดายที่ว่าหัวหอกรายนี้ไม่เคยสัมผัสถ้วย ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก แต่อย่างใด
หลุยส์ ฟิโก้
สำหรับ หลุยส์ ฟิโก้ น่าจะเป็นการย้ายทีมข้ามฝากที่แฟนบอลหลายคนจดจำได้ขึ้นใจมากที่สุด โดยเฉพาะเหล่า กูเล่ส์ ที่ไม่พอใจสุดๆ ชนิดไม่ญาติดีด้วยอีกต่อไป ทั้งๆที่เขาพา บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ลาลีก้า ได้ถึง 2 สมัยเช่นเดียวกับ โกปา เดล เรย์ แต่ช่วงเวลาดีๆก็มาสิ้นสุดลง เมื่อดาวเตะชาวโปรตุกีส ย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด คู่ปรับตลอดกาลในปี 2000
โลส บลังโกส ตัดสินใจยื่นข้อเสนอ 60.1 ล้านยูโร เพื่อเป็นค่าสินสอดให้กับ ฟิโก้ แน่นอนว่าดีลนี้เป็นดีลที่ช็อกที่สุดในวงการซื้อขายนักเตะช่วงปี 2000 เลยก็ว่าได้และการตัดสินใจครั้งนี้ของ ‘ราชันชุดขาว’ ก็ถูกต้องทุกประการเมื่อ ฟิโก้ เป็นกำลังสำคัญเคียงข้างกับ ซีเนดีน ซีดาน ช่วยให้ทีมคว้าทั้ง ลาลีก้า สเปน และ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ
ซามูเอล เอโต้
ซามูเอล เอโต้ คือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอลทวีปแอฟริกา หลังประสบความสำเร็จสุดกับ บาร์เซโลน่า และ อินเตอร์ มิลาน เพียงแต่ในช่วงเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง เขาเคยอยู่กับ เรอัล มาดริด มาก่อนในปี 1997 เพียงแต่ทีมเมืองหลวงแดนกระทิง ไม่มีที่ว่างให้เขาได้ลงสนาม จึงปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัว ก่อนขายขาดให้ มายอร์ก้า ในปี 2000 ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์
แต่กว่าที่ ราชันชุดขาว จะคิดได้ก็สายไปแล้ว หลังหอกทีมชาติแคเมอรูน กลายเป็นกองหน้าดาวรุ่งที่หลายคนจับตามอง หลังมาเล่นให้กับทีม ‘ชาวเกาะ’ เต็มตัว ก่อนเป็น บาร์ซ่า ที่คว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2004 และประสบความสำเร็จตลอด 5 ปีในถิ่นคัมป์ นู ทั้งแชมป์ลาลีก้า 3 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย
ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า
หลังแจ้งเกิดกับ ริเวอร์ เพลท บาร์เซโลน่า ก็ไม่รอช้ารีบคว้า ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า มาร่วมทีมในปี 2001 พร้อมระเบิดฟอร์มเก่งตั้งแต่แรก ด้วยผลงาน 21 ประตูในทุกรายการ แต่ฟอร์มก็ค่อยดร็อปลงไป ก่อนกลายเป็นส่วนเกินในแนวรุก หลังการมาของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด กุนซือใหม่ในปี 2004 โดยถูกปล่อยให้ โมนาโก และ เซบีย่า ยืมไปใช้งานในช่วง 2 ปีหลังจากนั้น และถูกปล่อยตัวออกจากคัมป์ นู หลังหมดสัญญากับ บาร์ซ่า ในซัมเมอร์ปี 2007
ด้วยชื่อชั้นและฝีเท้าในอดีต ทำให้ เรอัล มาดริด ลองเสี่ยงดึง ‘เอล โคเนโฆ่’ มาร่วมทีมแบบไร้ค่าตัว แม้ได้ชูถ้วยแชมป์ลาลีก้าในฤดูกาล 2006-07 แต่ตลอด 2 ปีกับ ราชันชุดขาว เขาลงสนามส่วนใหญ่ในฐานะตัวสำรองเท่านั้น แถมยิงแค่ 5 ประตูในทุกรายการ
ฆูเลน โลเปเตกี
หลายคนอาจหลงลืมไปว่า อดีตกุนซือของ เซบีย่า อย่าง ฆูเลน โลเปเตกี ก็เคยได้โอกาสลงเล่นให้กับ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า เช่นกัน โดยสมัยค้าแข้ง เขาเริ่มต้นในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับทีมเยาวชนของ โลส บลังโกส ตั้งแต่ปี 1985 ก่อนถูกดันขึ้นชุดใหญ่ในปี 1988 แต่ก็ได้โอกาสลงเฝ้าเสาแค่เกมเดียว ก็ถูกขายให้ โลโกรเนส ในปี 1991
อีก 3 ปีต่อมา กุนซือวัย 56 ปี ก็ได้ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่ตัวเลือกสำรองของทีมต่อจาก การ์เลส บุสเก็ตส์ พร้อมกลายเป็นมือสาม หลังการมาของ บิคคอร์ บาย่า ก่อนย้ายไป ราโย บาเยกาโน่ ในปี 1997 และแขวนถุงมือในอีก 5 ปีต่อมา
บทความที่เกี่ยวข้อง
