เมื่อไหร่ที่กดเข้าในโหมดอาชีพใน FIFA ผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะติดนิสัยเดิมๆ ด้วยการกดเลือกทีมเดียวกับที่เคยเล่นในทุกๆ ภาคที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะทีมนั้นจะเป็น สโมสรที่คุณตามเชียร์, ทีมระดับท็อปของโลก หรือเป็นสโมสรเงินถุงเงินถัง ก็มักจะเลือกเล่นกันแบบยาวๆ แต่เมื่อเล่นไปพักใหญ่ย่อมเกิดอาการเบื่อขึ้นมา ซึ่งทำให้หลายคนมองหาความท้าทายใหม่เพื่ออรรถรสในการเล่นมากขึ้น
บางครั้งการเลือกทีมระดับล่างหรือ ตัวเต็งตกชั้น ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้านั่นยังท้าทายไม่มากพอ UFA ARENA ขอแนะนำชาเลนจ์สุดหินที่จะช่วยเพิ่มรสชาติในการเล่น FIFA โหมดอาชีพให้แตกต่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแน่นอน ส่งท้ายภาค 23 ที่กำลังอยู่ในช่วงท้ายพอดี
ทีมชาติเดียว
เริ่มด้วยเงื่อนไขแบบไม่ซับซ้อนก่อนเลย ด้วยการสร้างทีมที่มาจากนักเตะชาติเดียวกันทั้งหมด
เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ พรีเมียร์ลีก ประสบปัญหาขาดแคลนแข้งชาวอังกฤษ ระดับท็อป และถึงแม้เอฟเอ จะมีกฏโฮมโกรว์นเพิ่มเข้ามา แต่ก็อนุญาตให้มีผู้เล่นต่างชาติถึง 17 คน แต่ในอนาคตก็อาจเปลี่ยนไปก็เป็นได้ เนื่องจากการเบร็กซิทในเดือนมกราคมปี 2021
เพราะฉะนั้น ทำไมไม่ลองจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองก่อนด้วยการเซ็นสัญญาแข้งชาวผู้ดีมาเท่านั้นในตอนที่คุมสโมสรจากอังกฤษ แน่นอนว่าในทีมย่อมมีผู้เล่นต่างชาติอยู่แล้ว งั้นลองให้เวลาในการปล่อยตัวออกจากทีมซัก 1-2 ฤดูกาล ก็ไม่เสียหาย
และแน่นอน คุณสามารถทำแบบนี้กับสโมสรไหนที่คุณคุมก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ, สเปน, อิตาลี หรือ แม้กระทั่ง เจลีกวันของ ญี่ปุ่น
ใช้แข้งท้องถิ่น
หากเงื่อนไขชาติเดียวกัน มันง่ายเกินไป งั้นทำไมไม่ลองใช้นโยบายการเสริมทัพแบบเดียวกับที่ แอธเลติก บิลเบา ใช้ดูล่ะ?
นั่นก็คือ การใช้นักเตะที่กำเนิดในแคว้นบาสก์ หรือมีเชื้อสายของชาวบาสก์ มาเล่นในทีมเท่านั้น ซึ่ง บิลเบา ก็ทำตามธรรมเนียมของสโมสรมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งจนถึงปัจจุบันไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งๆ ที่ทีมอื่นๆ ในสเปน หันไปคว้าแข้งต่างถิ่นต่างแดนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
นอกจากนี้ยังสามารถนำรูปแบบนี้มาปรับใช้กับสโมสรในประเทศต่างๆได้ อย่างเช่น ในอังกฤษ ก็เลือกใช้นักเตะจากแมนเชสเตอร์ เท่านั้น หากคุม แมนฯยูไนเต็ด หรือ แมนฯ ซิตี้ และถ้าไม่แน่ใจว่านักเตะคนนั้นเกิดไหนก็ลองถามอาจารย์ Google บนโลกออนไลน์ได้ทุกเมื่อ
ทีมนานาชาติ
ถ้าการใช้เด็กท้องถิ่นยังไม่ใช่แนวทางที่โปรดปรานอีก นั่นลองจัดแบบตรงกันข้ามไปเลยด้วยการสร้างทีมดาวดังจากแต่ละประเทศบนโลกใบนี้ดู
เงื่อนไขที่สำคัญของความท้าทายนี้คือ คุณสามารถคว้านักเตะได้เพียงชาติเดียวต่อคนเท่านั้น เพราะฉะนั้นการบริหารจัดการผู้เล่นในทีมย่อมโหดหินกว่าปกติหลายเท่าตัว และคงปาดเหงื่อแน่ หากพบว่าแข้ง 25 คนต้องเหนื่อยล้าหลังกลับมาจากช่วงพักเบรกทีมชาติ
เกรียงไกรด้วยดาวรุ่ง
หนึ่งในการเพิ่มเติมที่ดีที่สุดในโหมดอาชีพ ของ FIFA ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือการสร้างทีมเยาวชน ซึ่งช่วยให้คุณสามารถปั้นดาวรุ่งขึ้นมาเอง แม้ส่วนใหญ่ผู้เล่นเลือกคว้าเหล่าวันเดอร์คิดในชีวิตจริงๆ มาร่วมทีมมากกว่า
การใช้ทีมเยาวชน อาจเป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการมองหาดาวรุ่งที่ดีที่สุด แต่คงเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อย หากเราสร้างทีมจากแข้งลูกหม้อจนกลายเป็นแข้งระดับโลก พร้อมกับคว้าแชมป์มากมายกับสโมสร
แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ไม่ได้บอกให้คุณต้องโละแข้งมากประสบการณ์ออกจากทีมแต่อย่างใด แต่ถ้าอยากเพิ่มความท้าทายอีกระดับจะลองดูก็ได้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
คลาสออฟ 92 ยุคใหม่จะถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง หรือ สิ่งที่ อลัน แฮนเซ่น พูดว่าทีมดาวรุ่งคว้าแชมป์ไม่ได้เป็นความจริง? ก็แล้วแต่คุณจะเลือกในเกมนี้
คว้าแชมป์กับทีมเมืองหลวง
ความท้าทายในรูปแบบนี้ อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับคอเกม Football Manager แต่คุณสามารถนำมาปรับใช้ในเกม FIFA ได้ และอาจจะยากขึ้นมาเล็กน้อยด้วยการเพิ่มข้อจำกัดอีกซักหน่อย
เป้าหมายก็คือ การคว้าแชมป์ลีก กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับสโมสรในเมืองของประเทศ ก่อนจะย้ายไปเมืองหลวงประเทศอื่นๆ และทำแบบเดียวกันต่อไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากประเทศทที่มีค่าสัมประสิทธิ์จาก ยูฟ่า สูงและไล่ลงมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นจะเริ่มคุมทีมจาก เมืองมาดริดในสเปน จากนั้นค่อยย้ายไป ลอนดอน, เบอร์ลิน, โรม และ ปารีส ตามลำดับ
สำหรับบางประเทศ การคว้าแชมป์ลีกและทวีปพร้อมๆกันอาจไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ เช่น เรอัล มาดริด หรือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่เป็นตัวเต็งอยู่แล้ว แต่เรื่องง่ายคงไม่เกิดขึ้นในตอนที่คุณคุมทีมอย่าง แฮร์ธ่า เบอร์ลิน หรือ ยูนิโอน เบอร์ลิน ในเยอรมนีแน่นอน เพราะฉะนั้น การเริ่มต้นคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา หรือ เดเอฟเบ โพคาล ก่อน ก็เป็นสิ่งที่ดูสมเหตุสมผลมากกว่า
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้เกมของ EA อาจยากกว่า FM ก็คือ ผู้เล่นมีเวลาแค่ 15 ฤดูกาลเท่านั้นในการเล่นโหมดอาชีพ ดังนั้นบริหารจัดการทีมแต่ละปีให้ดีๆก่อนหมดเวลาล่ะ
ตามรอย เป็ป กวาร์ดิโอล่า หรืออดีตแข้งดัง
ถ้าไม่อยากเริ่มเส้นทางการคุมทีมตั้งแต่ต้น FIFA ก็มีทางเลือกให้ผู้เล่นเป็นนักเตะดาวรุ่งและกลายเป็นดาวเตะเบอร์หนึ่งของโลก แต่หลังจากที่แขวนสตั๊ดเรียบร้อย คุณก็จะตามรอยแข้งดังหลายคน ซึ่งก็คือการเป็นกุนซือ
นี่จะทำให้คุณเดินตามเส้นทางของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะนักเตะอาชีพ และผู้จัดการทีม แม้ในชีวิตจริงมีไม่กี่คนที่ทำแบบนี้ได้ แต่ในโลกของเกม เรื่องนี้คงไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินเอื้อม แม้มันจะไม่ง่ายกว่าความท้าทายแบบอื่นๆก็ตาม
อย่างไรก็ตาม คุณต้องตัดสินใจให้ดีในช่วงเวลาแขวนสตั๊ด เพราะหลังจากนั้นคุณจะมีเวลาแค่ 15 ฤดูกาลเท่านั้นในการทำหน้าที่ผู้จัดการทีม
ควบงานสโมสรกับทีมชาติ
อีกส่วนเพิ่มเติมในโหมดอาชีพในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ที่สามารถให้ผู้เล่นคุมสโมสร ร่วมกับดูแลทีมชาติไปพร้อมๆ กัน
แต่นั่นเป็นสิ่งที่หลายคนหลีกเลี่ยง แถมบางคนยังตั้งค่าปิดการคุมทีมชาติตั้งแต่เริ่มโหมดอาชีพด้วยซ้ำ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มจำนวนการแข่งขันต่อฤดูกาลให้มากขึ้นกว่าปกติ
ดังนั้น ทำไมไม่ลองท้าทายตัวเองด้วยการคว้าแชมป์ทั้งระดับสโมสรกับระดับทีมชาติ และกลายเป็นกุนซือที่ดีที่สุดตลอดกาลดูล่ะ? มันอาจจะใช้เวลาต่อฤดูกาลมากกว่าเดิมซักหน่อย แต่การเล่นแบบนี้ก็ช่วยทดสอบความอดทน และ ความสามารถในการจัดการทีมของคุณได้เป็นอย่างดี