บ่อยครั้งที่ผู้รักษาประตูส่วนใหญ่คงได้แต่เฝ้าฝันการถูกโยกไปเล่นตำแหน่งเอ้าท์ฟิลด์ และ เปเป้ เรน่า ก็เคยได้โอกาสนี้แบบไม่คาดคิดในช่วงสมัยที่ค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2006
ก่อนหน้านี้ แฟนบอลคงเคยเห็น นายทวารบางคนถูกโยกมาเล่นกับตำแหน่งนอกกรอบ 18 หลาบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ฟาเบียน บาร์กเตซ ในเกมอุ่นเครื่องกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ เดวิด เจมส์ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2005 ถูกดันให้มาเล่นเป็นตัวรุกในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทั้งๆ ที่มีกองหน้าจริงๆ อยู่ม้านั่งสำรองก็ตาม
หลังจากนั้นอีก 1 ปี ต่อมา นายทวารชาวสแปนิช ก็ตามรอย อดีตนายด่านรุ่นพี่ ‘หงส์แดง’ ได้โอกาสเล่นเป็นกองกลางแบบไม่มีใครคาดคิด แม้จะไม่ใช่เกมนัดสำคัญของทีมก็ตาม
อุ่นเครื่องกับ ‘ปีศาจแดงเมืองเบียร์’
ช่วงก่อนเปิดศึกฤดูกาล 2006-07 ลิเวอร์พูล มีคิวอุนเครื่องกับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น สโมสรจากเยอรมัน ในประเทศลิกเตนสไตน์ ซึ่งทีมก็หิ้ว เจอร์เมน เพนแนนท์ แข้งใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งย้ายมาค่าตัว 6.7 ล้านปอนด์ ไปร่วมเตะอุ่นเครื่องด้วยทันที
นี่ถือเป็นนัดที่ 3 จากเกมอุ่นเครื่องในช่วงนั้น โดย 2 เกมแรก พลพรรคของ ‘หงส์แดง’ ก็เอาชนะไปได้ไม่ยากกับคู่แข่งที่ชื่อชั้นเป็นรอง ทั้ง เร็กซ์แฮม 2-0 และ ครูว์ อเล็กซานดร้า 1-0
รวมไปถึงแข้งใหม่ที่ย้ายมาก่อนหน้านี้ ทั้ง เคร็ก เบลลามี่, ฟาบิโอ ออเรลิโอ และ กาเบรียล ปาเล็ตต้า ก็อยู่ในทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ณ วันนั้นด้วย แต่แมตช์ดังกล่าวมีเหตุการณ์ประหลาดที่น่าจดจำเกิดขึ้น แบบที่ เบนิเตซ, ลูกทีม หรือแฟนบอลในวันนั้น ไม่มีทางคิดว่าจะเกิดขึ้นแน่นอน
เบอร์ 14 ที่ไม่ใช่ อลอนโซ่
หลังจากจบครึ่งแรกไปแบบไม่มีประตู สโมสรจากลีกรองเยอรมัน ก็จัดการเบิกสกอร์แรกก่อน ในนาทีที่ 56 และ ลิเวอร์พูล ก็ใช้เวลาไม่นานนัก ก็ยิงตีเสมอพร้อมทำประตูพลิกขึ้นนำได้ จาก เบลลามี่ นาทีที่ 60 และ หลุยส์ การ์เซีย ในนาทีที่ 67
ทว่าต่อมา ‘ปีศาจแดงแห่งเมืองเบียร์’ ก็ตีเสมอได้ทันควันในเวลาต่อมาไม่นาน และ เบนิเตซ ก็ต้องพบกับเรื่องที่ชวนให้ปวดหัวทันที เมื่อ การ์เซีย และ ออเรลิโอ 2 ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงไปในครึ่งหลัง มีอาการบาดเจ็บ โดย ณ ตอนนั้นทีมเปลี่ยนตัวสำรองลงไปหมดแล้ว
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้ว สามารถกลับลงสนามในเกมนั้นได้ แต่ เบนิเตซ กลับโชว์แนวคิดสุดล้ำ ด้วยการส่ง เรน่า ลงไปเล่นแทน การ์เซีย ในตำแหน่งกองกลางฝั่งซ้าย และที่น่าแปลกที่สุดคือ การเปลี่ยนตัวครั้งนี้เกือบได้ผล
นายด่านชาวสแปนิช ที่สวมเสื้อเบอร์ 14 ซึ่งเป็นของ ชาบี อลอนโซ่ เพื่อนร่วมชาติในเกมวันนั้น เกือบทำประตูชัยให้ทีม หลังถูกเปลี่ยนตัวลงไป เมื่อได้โอกาสเน้น ๆ หลัง เบลลามี่ จ่ายตัดหลังจากกราบซ้ายมาให้ซัดโล่ง ๆ
แต่ นายทวาร ‘หงส์แดง’ ดันยิงเฉี่ยวเสาไปอย่างน่าเสียดาย แต่แทนที่จะสร้างความผิดหวังให้กับหลายคนในทีม ภาพที่จับไปยัง สต๊าฟของ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าพวกเขากลับหัวเราะคึกคักกับจังหวะการยิงประตูของ นายทวารแดนกระทิง ผู้รับบทบาทกองกลางจำเป็นอย่างสนุกสนานซะอย่างนั้น
หนเดียวและหนสุดท้าย
การเล่นเป็นกองกลางของ เรน่า กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากของแฟนบอลที่ชมเกมในวันนั้น พร้อมกลายเป็นไฮไลท์สำคัญของการแข่งขัน แม่ว่า ไกเซอร์สเลาเทิร์น จะเป็นฝ่ายที่คว้าชัยไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 ก็ตาม
“ผมมีโอกาสจะแจ้งในการทำประตู แต่ตอนนี้ผมรู้ว่ามันยากแค่ไหนแล้วกับการทำประตูให้ได้” มือโกลแดนกระทิง กล่าวหลังเกมนั้น
“การเล่นในตำแหน่งกองกลางเป็นทางออกสุดท้ายเพราะเราใช้ตัวสำรองของเราทั้งหมดแล้ว มันไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น แต่ผมก็ต้องทำ”
เกมอุ่นเครื่องอีก 2 นัดต่อมา เขาก็กลับไปทำหน้าที่เฝ้าเสาตามปกติ และไม่ต้องโยกมาเล่นเป็นกองกลางอีกแล้ว แต่ ลิเวอร์พูล ก็จบช่วงพรีซีซั่นไม่สวยเท่าไหร่ หลังพ่ายทั้ง กราสฮ็อปเปอร์ ซูริค 2-0 และ ไมนซ์แบบหมดสภาพ 5-0 ตามลำดับ
น่าเศร้าที่นั่นกลายเป็นครั้งที่สุดท้ายที่แฟนบอล ‘หงส์แดง’ เห็น มือกาวหัวใส ลงเล่นในตำแหน่งกองกลาง แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะคงไม่มีใครอยากเสี่ยงโยกนายทวารไปเล่นในตำแหน่งเอ้าท์ฟิลด์อย่างแน่นอน
แต่อย่างน้อย ฝีเท้าของ เรน่า ในตำแหน่งกองกลาง ก็ยังพอไปวัดไปวาได้ เมื่อเทียบกับ เดวิด เจมส์ ที่ถูก แมนซิตี้ โยกไปเล่นกองหน้า แต่ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย
และนี่คงเป็นหนึ่งในเหตุการณ์เกี่ยวกับนายทวารที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในโลกลูกหนังเลยทีเดียว