พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ส่อไม่ลงท้าชิงตำแหน่งสมัยที่ 3 พร้อมเชิญชวนผู้ที่มีความรู้ มีศักยภาพ เสียสละเข้ามาช่วยกันบริหาร เพื่อเป็นทางเลือกให้สโมสรสมาชิก ได้พิจารณา
โดยสถานการณ์ฟุตบอลไทยเวลานี้เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติ เนื่องจากยังไม่มีเจ้าใด ที่จะเข้ามาเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดแทนที่ของ AIS ที่กำลังจะหมดสัญญาในเดือนก.ย.นี้ หลังเวลานี้มีผู้เข้ามาประมูลพร้อมจ่ายเพียง 50 ล้านต่อปีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าที่เคยได้รับจาก AIS ตลอด 3 ฤดูกาลถึง 1,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อปีของ ไทยลีก รวมทุกส่วนแล้วนั้นสูงถึง 343 ล้านบาท ทำให้ 16 สโมสรในไทยลีก เตรียมแยกมาจัดการแข่งขันเพื่อหาสปอนเซอร์ด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะได้บทสรุปในวันที่ 3 ก.ค. นี้
ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 28 มิ.ย. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมความพร้อมไทยลีกฤดูกาลใหม่ ด้วยตัวเอง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง เพจFAIR โดยมีใจความสำคัญดังนี้
“ณ เวลานี้ยังคงไม่มีความคิดที่จะลงสมัคร และไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน โดยภารกิจด่วนและสำคัญในตอนนี้คือการประคับประคองและทำอย่างไรให้ฟุตบอลไทยเดินหน้าต่อไปได้ ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการชมและดูคอนเทนต์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับความคุ้มค่า คุ้มทุน ของผู้ถือลิขสิทธิ์ที่จะไปต่อยอดหารายได้ เราเองก็ต้องการสนับสนุนสโมสรให้มากที่สุด ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมีข้อจำกัดมากมาย แต่ก็ต้องช่วยกันทุกภาคส่วนเพื่อให้วงการฟุตบอลไทยให้เดินไปได้”
“สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ เมื่อฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นกีฬามหาชนอันดับหนึ่งของคนไทย วงการฟุตบอลไทยจึงมีผู้ที่มาจากหลากหลายที่มาที่ไป และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม จากระบบราชการ จากทุกขั้วอำนาจ โดยการใช้วงการฟุตบอลไทยเป็นสนามต่อสู้ ต่อรองเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง ธุรกิจ หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว ทั้งที่จริงๆ แล้วกีฬาฟุตบอลควรจะดำเนินงานได้โดยปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลหรือองค์กรภายนอก ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาฟุตบอลโดยรวม เมื่อเจอกับสิ่งเหล่านี้หลายท่านก็ถอดใจ เพราะไม่อยากเข้ามาให้เปลืองตัว และมีศัตรู ผมยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง และเชิญชวนผู้ที่มีความรู้ มีศักยภาพ เสียสละเข้ามาช่วยกันบริหาร และพัฒนาวงการฟุตบอลไทย กันมากๆ และยืนยันว่ายินดีสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความตั้งใจ และมีศักยภาพพร้อมที่จะเข้ามาสานงานบริหารฟุตบอลไทย” บิ๊กอ๊อด กล่าว
สำหรับการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศ และ สภากรรมการบริหาร จะมีขึ้นในการประชุมใหญ่ สามัญประจำปี 2567 ซึ่งตามข้อบังคับ สมาคมฯ จะต้องจัดเลือกตั้งภายในเวลา 3 เดือนหลังนายกคนปัจจุบัน หมดวาระ ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เอาจริงละนะ! สมยศสั่งรวบรวมหลักฐานเอาผิดแฟนบอลจุดพลุ