สโมสรดังทั่วยุโรปต่างมีระบบฝึกสอนและพัฒนาเยาวชนที่มีประสิทธิภาพจนสามารถสร้างให้นักเตะคนนั้นก้าวขึ้นไปเป็นแข้งระดับโลกได้อย่างเช่น บาร์เซโลน่า,อาแจ็กซ์, อาร์เซน่อล หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ในยุคก่อน)
แต่แน่นอนว่าการแข่งขันในทีมย่อมสูงตามไปด้วย เพราะนอกจากจะต้องแข่งขันกับเพื่อนร่วมรุ่นแล้ว ยังมีแข้งรุ่นพี่ในทีมชุดใหญ่เป็นกำแพงขวางกั้นโอกาสฉายแววอีก ทำให้บางคนต้องจำใจเลือกย้ายออกจากทีมไป แม้ว่าทีมเหล่านั้นจะเป็นสโมสรดังที่การันตีแชมป์แทบทุกปีก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การตัดสินลาทีมดังครั้งนั้นกลับทำให้นักเตะหลายคนได้มีโอกาสแจ้งเกิดในเส้นทางลูกหนังมากขึ้นหลายเท่าตัว หรือพัฒนาฝีเท้าจนก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับโลกได้ก็มีไม่ใช่น้อยเช่นกัน
และนี่คือ 11 11 ดาวรุ่งที่เลือกบอกลาทีมดังในช่วงเยาวชน ก่อนจะไปโด่งดังกับทีมอื่นชนิดที่ทีมเก่าคงทำให้พวกเขามาถึงจุดนี้ไม่ได้
มาร์โก รอยส์ (ดอร์ทมุนด์)
หนึ่งในนักเตะไม่กี่คนของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่บาเยิร์น มิวนิค ยังไม่ได้คว้าตัวไปร่วมทีมได้ (ในตอนนี้) ซึ่งปัจจุบันตัวรอยส์ยังคงค้าแข้งในถิ่น ซิกนัล อิดูน่า ปาร์ค อยู่ แม้จะข่าวลือว่าทีมอื่นๆให้ความสนใจก็ตาม แต่น่าจะเป็นเพราะอาการบาดเจ็บเป็นพักๆที่ทำให้สโมสรที่มีข่าวเลิกล้มความสนใจไป
แข้งหน้าหล่อวัย 30 ปี เคยถูกทีมเสือเหลืองปล่อยออกจากทีมในปี 2006 เนื่องจากถูกมองว่าผอมเกินไป แต่เขาก็พิสูจน์ได้ในเวลาต่อมาว่า การมีร่างกายไม่ใหญ่โตก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร หลังแจ้งเกิดกับ ร็อต-ไวส์ อาร์เล่น จนได้ย้ายไปอยู่กับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ดอร์ทมุนด์ต้องคว้า รอยส์ กลับไปร่วมด้วยค่าตัว 17 ล้านยูโร ในปี 2011
คลาส แยน-ฮุนเตลาร์ (พีเอสวี)
เดอะ ฮันเตอร์ อาจจะเป็นที่รักของแฟนบอลอาแจ็กซ์ แต่จริงๆแล้ว ฮุนเตลาร์เองเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีมอริอย่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาก่อน โดยกับทีมเยาวชนของที่นั้นตั้งแต่ปี 2000 และได้ลงสนามในชุดใหญ่แค่นัดเดียวเท่านั้น ในยุคของ กุส ฮิดดิ้งค์ ก่อนจะถูกปล่อยให้ เดอ กราฟสคัป และ อโกลล์ อเพลดอร์น ยืมตัวไปใช้งาน
หัวหอกชาวดัชต์ได้ลงเล่นฟุตบอลอย่างสม่ำเสมอเป็นครั้งแรกหลังย้ายไปอยู่กับ เฮเรนวีน แบบถาวรในปี 2004 และซัดไป 39 ประตูจากการลงเล่น 60 นัด จนทำให้ยอดทีมแห่งอัมสเตอร์ดัมคว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 9 ล้านยูโร และสร้างชื่อจนกลายเป็นกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับมองที่สุด ตลอดเวลา 2 ปีที่อยู่กับทีม
ฆวน มาต้า (เรอัล มาดริด)
แฟนบอลหลายๆคนเริ่มรู้จักกับ ฆวน มาต้า เป็นครั้งแรกในสมัยที่เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ บาเลนเซีย แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะลืมไปว่า เขาลงเล่นอาชีพครั้งแรกกับ เรอัล มาดริด กาสตีย่า ในปี 2006 ทำไปทั้งหมด 10 ประตู จาก 39 นัด ซึ่งฟอร์มเหล่านั้นเข้าตาแมวมองของทีมค้างคาวพอดี ทำให้บาเลนเซียคว้าตัวเพลย์เมกเกอร์ไปร่วมทีมด้วยการจ่ายค่าฉีกสัญญาให้กับ โลส บลังโกส
ซึ่งแค่ปีแรกในถิ่น เมสตาย่า สเตเดี้ยม มาต้าก็พาทีม โลส เชส คว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ ร่วมกับ ดาบิด บีย่า และ ดาบิด ซิลบา ได้อย่างงดงาม ก่อนจะย้ายมาอยู่กับเชลซีในปี 2011 ปัจจุบัน แข้งวัย 30 ปีกำลังค้าแข้งอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่
รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ (แมนฯยูไนเต็ด)
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้น เมื่อพวกเขาเลือกที่จะปล่อย ซีเลอร์ ออกจากรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2010 ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เขาน่าจะสืบทอดตำแหน่งต่อจาก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ได้เลยแท้ๆ ซึ่งนายทวารชาวเยอรมันเลือกย้ายไปอยู่กับ ฮันโนเวอร์ เนื่องจากไม่มีโอกาสลงสนามบ่อยครั้งในยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และถูกปล่อยให้ นอร์ธแฮมป์ตัน ยืมตัวไปใช้งานถึง 2 ครั้ง
ซีเลอร์ ได้ลงเล่นในบุนเดสลีก้าเกือบ 200 นัด นับตั้งแต่นั้น ก่อนจะย้ายมาอังกฤษอีกครั้งกับเลสเตอร์ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเบียดแย่งมือหนึ่งจาก แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ได้ อย่างไรก็ตาม มือกาวเมืองเบียร์ได้กลับไปเล่นในลีกบ้านเกิดอีกครั้งกับ สตุ๊ตการ์ท ทีมที่ทำให้เขาสนุกกับการค้าแข้งอีกครั้ง
โลอิค เรมี่ (ลียง)
เรมี่ คว้าเหรียญแชมป์ลีกเอิงได้ 1 ครั้งกับลียงในปี 2007 แต่บทบาทของเขาต่อความสำเร็จในสโมสรช่างมีน้อยนิดเหลือเกิน ซึ่งตัวโอแอลก็ไม่ขวางทางหัวหอกลูกหม้อ เมื่อนีซ ติดต่อขอซื้อไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร ในปี 2008 และกลายเป็นทีมแรกที่เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว หลังยิงไป 26 ลูกในลีก จากการลงสนามทั้งหมด 68 นัด
หลังจากนั้น เรมี่ ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ มาร์กเซย, คิวพีอาร์ และ นิวคาสเซิล ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เชลซีในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 จากนั้นจึงย้ายไปอยู่กับ ลาส ปัลมาส กับ เกตาเฟ่ ในสเปนช่วงสั้นๆ ปัจจุบัน แข้งวัย 32 ปีได้ย้ายกลับมาเล่นในบ้านเกิดกับ ลีลล์ เมื่อปีที่ผ่านมา
ซามูเอล เอโต้ (เรอัล มาดริด)
เอโต้ โด่งดังจนก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าระดับโลก หลังพาบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ ลาลีก้า 3 สมัย และ แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 2 สมัย แต่ทว่าอาชีพค้าแข้งของเขาในสเปนกลับเริ่มต้นจากทีมอริของบาร์ซ่าอย่าง เรอัล มาดริด หัวหอกชาวแคเมอรูนลงสนามให้ โลส บลังโกส แค่ 3 นัดในลาลีก้า จากนั้นจึงถูกปล่อยให้ เลกาเนส, เอสปันญ่อล, และ มายอร์ก้า ยืมไปใช้งาน ก่อนจะขายขาดให้กับทีมชาวเกาะในปี 2000
อีก 4 ปีต่อมา ยอดทีมจากแคว้นกาตาลุนย่าได้คว้าตัวเอโต้ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร และกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด กับ เป็ป กวาร์ดิโอล่า แม้ช่วงหลังๆนี้ เขาจะไม่ค่อยโอเคนัก ยามที่พูดถึง กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ตาม
พอล ป็อกบา (แมนฯยูไนเต็ด)
เดือนสิงหาคมปี 2016 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ป็อกบา ได้เซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเป็นเพราะกองกลางเฟรนช์แมนเคยอยู่กับปีศาจแดงมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว แต่ความต้องการโชว์ฝีเท้าในทีมชุดใหญ่ ทำให้เขาเลือกเก็บกระเป๋าออกจากอังกฤษในอีก 3 ปีต่อมา
ป็อกบาได้ย้ายมาลงเอยกับ ยูเวนตุส หลังจากที่ อินเตอร์ และ โรม่า ปฏิเสธโอกาสที่จะคว้าเขาไปร่วมทีม ซึ่งตลอดเวลา 4 ปีในตูริน เขาสร้างชื่อจนกลายเป็นหนึ่งในกองกลางระดับโลกได้อย่างไร้ข้อสงสัย จนทำให้ ยูไนเต็ดต้องควักเงินกว่า 89.3 ล้านปอนด์ เพื่อดึงเขากลับมาร่วมทีมอีกครั้งในฤดูกาล 2016-17
เชส ฟาเบรกาส (บาร์เซโลน่า)
เด็กหนุ่มจากบาร์เซโลน่าได้ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดในปี 2003 เมื่อเขาบอกลาทีมบ้านเกิดเพื่อย้ายไปร่วมทีมอาร์เซน่อล ของอาร์เซน เวนเกอร์ แต่ทว่าที่นั่นเขาได้กลายเป็นคนสำคัญของเหล่ากูนเนอร์สทุกหมู่เหล่า หลังได้ประเดิมสนามชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 ในปี 2003 และกลายเป็นกัปตันทีมปืนใหญ่ในปี 2009
ทว่าโอกาสกลับไปร่วมทีมอาซูลกราน่าอีกครั้งใน 2 ปีถัดมา มันยากที่จะปฏิเสธได้ แต่ทันทีที่กองกลางเลือดกระทิงกลับไป ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ จนในปี 2014 ฟาเบรกาสต้องย้ายกลับมาเล่นในอังกฤษอีกครั้งกับ เชลซี และพาทีมสิงห์บลูคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างสวยงาม
ไรอัน ชอว์ครอส (แมนฯยูไนเต็ด)
สโต๊คคว้าตัว ชอว์ครอส จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมด้วยด้วยค่าตัวแค่ 1 ล้านปอนด์ แม้ว่าจะมีการเปิดเผยในภายหลังว่า เฟอร์กี้ พยายามอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้เขาย้ายทีมแล้ว และต่อจากนั้น กองหลังลูกหม้อปีศาจแดงก็กลายเป็นตัวหลักของช่างปั้นหม้อนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมกับคว้าปลอกแขนกัปตันทีมและติดทีมชาติอังกฤษด้วย
“เขาต้องการให้ผมต่อสัญญาใหม่กับทีมและจากนั้นก็ปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวผม” ชอว์ครอสกล่าว “ผมต้องการสิ้นสุดอาชีพค้าแข้งด้วยการลงเล่นมากถึง 500 นัด และถ้าผมยังอยู่กับยูไนเต็ด เรื่องนี้ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน”
อัลบาโร่ โมราต้า (เรอัล มาดริด)
ดูเหมือนว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จะชอบเงื่อนไขดึงนักเตะเก่ากลับมาร่วมทีม และนั่นก็เป็นการวางหมากที่ชาญฉลาดของประธานสโมสรเรอัล มาดริด เมื่อพวกเขาปล่อยให้ โมราต้า ย้ายไปยูเวนตุสในปี 2014 แม้กองหน้าชาวสแปนิชจะไม่สามารถแย่งตัวจริงจาก คาริม เบนเซม่าได้ในตอนนั้น แต่เขาก็สามารถถล่มประตูได้มากมายยามย้ายไปเล่นในแดนมักกะโรนี รวมถึงยิงประตูนัดเจอกับมาดริดในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบตัดเชือกด้วย
เปเรซได้ใช้เงื่อนไขสัญญาดังกล่าวกับทีมม้าลายและโมราต้าในเดือนมิถุนายนปี 2016 และกลับมายิงไปทั้งหมด 20 ประตูจากทุกรายการร่วมกัน ก่อนที่จะ(หลอก)ขายให้กับเชลซีไป 60 ล้านปอนด์ หัวการค้าจริงๆนะ เปเรซ
อาเดรียน ราบิโอต์ (แมนฯซิตี้)
ในช่วงที่ยังเป็นเยาวชน ราบิโอต์ไม่เคยอยู่กับสโมสรได้ไหนนานนัก หนึ่งในนั้นคือสมัยที่เขาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2008 ซึ่งแข้งจากแซงต์ โมรีส ก็อยู่ในทีมเยาวชนของ เรือใบสีฟ้า แค่ 6 เดือนเท่านั้น ก่อนจะย้ายกลับบ้านเกิดในฝรั่งเศส โดยแม่ของเขาได้อ้างภายหลังว่า สโมสรปฏิบัติกับลูกของเธอได้ไม่ดีเท่าไหร่
กองกลางเลือดน้ำหอมได้กลับมาเจอทีมเก่าตอนเป็นเยาวชนอีกครั้งในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายในเดือนเมษายนปี 2016 ซึ่งตัวเขายิงประตูให้เปแอชเชได้ด้วย แต่สุดท้ายก็เป็นฝั่งของมานูเอล เปเยกรินี่ ที่คว้าชัยและผ่านไปเล่นรอบตัดเชือกได้สำเร็จ ปัจจุบัน ราบิโอต์ได้ย้ายซบยูเวนตุสในซัมเมอร์นี้แบบไร้ค่าตัว หลังมีปัญหากับทีมเมืองหลวงฝรั่งเศสในฤดูกาลที่ผ่านมา