เบรสชา อาจไม่สโมสรที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่เชื่อว่าเป็นหนึ่งในทีมจากอิตาลีที่แฟนบอลบ้านคุ้นชื่อไม่น้อยเช่นกัน
‘เลอ โรนดิเนลเล่’ ก่อตั้งขึ้นในปี 1911 ซึ่งในปัจจุบันมีอายุยาวนานกว่า 112 ปีแล้ว แต่ไม่เคยคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้เลยแม้แต่รายการเดียว และเคยอยู่ลีกสูงสุดแค่ 22 ฤดูกาลเท่านั้น
อย่างไรก็ดี พวกเขามักจะมีนักเตะระดับตำนานย้ายมาค้าแข้งอยู่บ่อยครั้ง แม้จะเป็นช่วงบั้นปลายอาชีพก็ตาม รวมไปถึงผลิตแข้งดาวรุ่งมาประดับวงการลูกหนังอยู่พอสมควร
และ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 8 แข้งดังระดับโลกที่คุณอาจจะลืมว่าพวกเขาเคยค้าแข้งกับสโมสรเล็กๆในแคว้นลอมบาร์เดียด้วย
โรแบร์โต้ บาจโจ้ (2000-2004)
ลงเล่นทุกรายการ : 101 นัด
ยิงได้ : 46 ประตู
โรแบร์โต้ บาจโจ้ ประสบความสำเร็จอย่างมากและกลายเป็นนักเตะระดับตำนานยามค้าแข้งกับ ยูเวนตุส แต่ทันทีที่เขาย้ายออกจากตูริน ก็ไม่สามารถขึ้นไปอยู่ ณ จุดนั้นได้เลย ไม่ว่าจะ อินเตอร์ มิลาน หรือ เอซี มิลานที่เขาคว้าแชมป์ลีก 1 อีกสมัยในปี 1996
จากนั้นในปี 2000 เจ้าของฉายา ‘เทพบุตรเปียทองคำ’ ตัดสินไม่ต่อสัญญากับ ‘งูใหญ่’ ในวัย 33 ปี และย้ายไปอยู่กับทีมน้องใหม่ในเซเรียอาอย่าง เบรสชา แบบช็อคโลก ทั้งๆที่มีทีมใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า,นาโปลี และอีกหลายสโมสรในพรีเมียร์ อังกฤษ ต้องการตัวเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม บาจโจ้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงบั้นปลายอาชีพกับทีมเล็กๆ ในอิตาลี ก่อนจะปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับสโมสรแห่งนี้แบบตำนานในท้ายที่สุด แม้จะไม่มีแชมป์ส่งท้ายเลยก็ตาม
จอร์จี้ ฮาจี้ (1992-1994)
ลงเล่นทุกรายการ : 61 นัด
ยิงได้ : 14 ประตู
เชื่อว่าแฟนบอลยุค 90 ต้องรู้จักและชื่นชอบในฝีเท้าของ จอร์จี้ ฮาจี้ ตำนานวงการลูกหนังโรมาเนีย แน่นอน แต่บางคนอาจจะลืมไปแล้วเช่นกันว่า ‘มาราโดนาแห่งคาบสมุทรบอลข่าน’ คนนี้ก็เคยค้าแข้งกับทีมเล็กในแดนมักกะโรนีอย่าง เบรสชา มาแล้วเช่นกัน
สมัยอยู่ เรอัล มาดริด ยอดแข้งแดน “ผีดิบ” ดูไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ทำให้สโมสรตัดสินใจขายเขาให้ทีมเล็กๆ จากอิตาลี ในปี 1992 แต่ว่าในปีแรกที่เขาและทีมก็ต้องตกไปอยู่ในเซเรีย บี ซะอย่างนั้น ต่อมา ฮาจี้ ก็อยู่ช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาลีกสูงสุดได้ในปีถัดมา และด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นจนพาทัพผีดิบคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลกปี 1994 ทำให้ บาร์เซโลน่า คว้าตัวเขาไปร่วมทีมหลังจบทัวร์นาเมนต์
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (2001-2003)
ลงเล่นทุกรายการ : 29 นัด
ยิงได้ : 4 ประตู
ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่เป็ป กวาร์ดิโอล่า อยู่กับ บาร์เซโลน่า เขาพาทีมคว้าแชมป์มากมายจนกลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร แต่ในเวลาต่อมาเขาเลือกลาทีมบ้านเกิดเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในอาชีพค้าแข้ง ซึ่งสถานีต่อไปของเขาคือ เบรสชา สโมสรเล็กๆในอิตาลีที่ไม่มีใครคาดคิดว่ากองกลางชาวสแปนิชจะเลือกย้ายมา
แม้จะขึ้นชื่อว่าเก่งกาจเพียงใดยามอยู่ในถิ่น คัมป์นู แต่ฝีเท้าของ กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่เป็นที่จดจำมากนักตลอด 3 ฤดูกาลที่อยู่ใน ‘เลอ โรนดิเนลเล่’ นอกจากเรื่องการตรวจเจอสารกระตุ้นจนโดนแบนยาวไป 4 เดือน ซึ่งภายหลังเขาก็ต่อสู้คดีจนถูกตัดสินให้พ้นข้อกล่าวหานี้ในปี 2009 โน้นเลย
ลูก้า โทนี่ (2001-2003)
ลงเล่นทุกรายการ : 50 นัด
ยิงได้ : 16 ประตู
ลูก้า โทนี่ คือหนึ่งในหัวหอกจอมพเนจรชื่อดังแห่งวงการลูกหนังอิตาลี โดยเขาได้ย้ายมาเล่นให้ทีมแคว้นลอมบาร์เดีย ในปี 2001 ซึ่งถือเป็นสโมสรที่ 7 ในอาชีพค้าแข้งของเขา ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นโทนี่มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น
กองหน้าร่างโย่งอยู่ในถิ่น สตาดิโอ้ มาริโอ้ ริกามอนติ 3 ปี และได้ลงเล่นรวมกับแข้งระดับตำนานอย่าง โรแบร์โต้ บาจโจ้ และ เป็ป กวาร์ดิโอล่า จากนั้นจึงย้ายไปสร้างชื่อกับ ปาแลร์โม่ ในปี 2003 ซึ่งขณะนั้นอยู่ในลีกรองอิตาลี ก่อนจะยิงกระจายช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน เซเรียอา ได้สำเร็จ
มาเร็ค ฮัมซิค (2004-2007)
ลงเล่นทุกรายการ : 74 นัด
ยิงได้ : 12 ประตู
แข้งระดับตำนานของนาโปลี และทีมชาติสโลวาเกีย ก็เป็นอีกคนที่โชว์ฝีเท้ากับ เบรสชา ซึ่งเป็นทีมนอกบ้านเกิดทีมแรกที่ ฮัมซิค ได้มาค้าแข้งอีกด้วย โดยย้ายมาด้วยค่าตัว 500,000 ยูโร ในวัยเพียง 17 ปี
ฮัมซิค อยู่ ‘ลา เลโอเนสซ่า’ ถึง 3 ฤดูกาล แต่ว่าเขาได้โลดแล่นในลีกสูงสุดแค่ปีเดียวเท่านั้น ก่อนที่ทีมจะต้องตกชั้นไป แต่เขาก็ยังอยู่ช่วยทีมเต็มที่ และโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม จนทำให้ทีม ‘อัซซูร่า’ ซึ่งเป็นน้องใหม่ใน เซเรีย อา ได้กระชากเขาไปร่วมทีมในปี 2007 และกลายเป็นตำนานของที่นั่นในเวลาต่อมา
สเตฟาน อัปเปีย (2002-2003)
ลงเล่นทุกรายการ : 32 นัด
ยิงได้ : 7 ประตู
สเตฟาน อัปเปีย คือกองกลางที่โลดแล่นอยู่ในลีกอิตาลีนานอยู่หลายปี และคอบอลกัลโช่น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตาแข้งชาวกาน่า คนนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเคยค้าแข้งกับยักษ์ใหญ่ในประเทศอย่าง ยูเวนตุส มาแล้ว
แต่ทีมที่ อัปเปีย ประสบความสำเร็จในแง่ของฟอร์มการเล่นมากที่สุดกลับเป็น ‘ลา เลโอเนสซ่า’ ที่เขาย้ายมาแบบยืมตัวในปี 2002 โดยทำผลงานได้อย่างโดดเด่นพอตัวในปีนั้น หลังยิงไป 7 ประตูจากการลงเล่น 31 นัดในทุกรายการ ซึ่งนั่นเป็นใบเบิกทางให้เขาได้ย้ายไปร่วมทีม “ม้าลาย” ในเวลาต่อมา
ลุยจิ ดิ เบียโจ้ (2003–2006)
ลงเล่นทุกรายการ : 88 นัด
ยิงได้ : 19 ประตู
ดิ เบียโจ้ โด่งดังอยู่พอตัวในช่วงรอยต่อของปลายยุค 90 ถึงต้นปี 2000 ซึ่งครั้งหนึ่ง เขาเคย สถาปนาตัวเองขึ้นไปเป็น 1 ในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดคนหนึ่งของยุโรป ในสมัยที่ค้าแข้งกับ โรม่า และ อินเตอร์ ทว่าก็ไม่มีวาสนาพอที่คว้าแชมป์รายการใหญ่ได้เลย
ในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้ง มิดฟิลด์หัวใส ตัดสินย้ายมาเล่นให้เบรสชา ซึ่ง ณ ตอนนั้นมีเทพบุตรเปียทองคำอย่าง โรแบร์โต้ บาจโจ้ ค้าแข้งอยู่ โดยตัว ดิ เบียโจ้ เองถือว่าทำผลงานได้ดีพอตัว ในตลอดเวลา 3 ปีที่อยู่กับทีม ‘เลอ โรนดิเนลเล่’ ก่อนจะย้ายไปแขวนสตั๊ดกับ อัสโคลี่ ในเวลาต่อมา
อันเดรีย ปีร์โล่ (1995-1998)
ลงเล่นทุกรายการ : 59 นัด
ยิงได้ : 6 ประตู
ไม่มีใครไม่รู้จักลูกหม้อของ เบรสชา อย่าง อันเดรีย ปีร์โล่ แน่นอน โดยเขาเริ่มเล่นในชุดเยาวชนของทีมตั้งแต่ปี 1992 ก่อนจะได้เลื่อนไปเล่นในชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 1995 แต่มีโอกาสลงเล่นให้ลีกสูงสุดแค่นัดเดียวเท่านั้นก็ต้องตกชั้นไปเล่นใน เซเรีย บี
ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ปีร์โล่ ได้เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งในตำแหน่งหน้าต่ำมาก่อน ซึ่งทำผลงานได้น่าประทับใจจน อินเตอร์ คว้าตัวไปร่วมทีม ทว่ากลับประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ก่อนจะย้ายมาทีมเก่าแบบยืมตัวอีกครั้งเพื่อค้นพบตำแหน่งที่แท้จริงของตนเองอย่าง ตัวทำเกมจากแนวลึก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปีร์โล่ ก็ฉายฟอร์มเด่นจนกลายเป็นแข้งระดับตำนานของ มิลาน และ ยูเวนตุส ได้ในที่สุด