40 แต้มคือตัวเลขหลักๆที่แต่ละทีมต้องการเพื่อการันตีรอดตกชั้นในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ทว่า เวสต์แฮม กลับเป็นทีมเดียวที่ต้องร่วงจากลีกสูงสุดแดนผู้ดี ทั้งๆที่เก็บได้มากกว่า 40 คะแนน
หากย้อนดูค่าเฉลี่ยแต้มหนีตกชั้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 35 แต้ม ซึ่งทีม ‘ขุนค้อน’ ในฤดูกาล 2002-03 ที่เก็บได้ถึง 42 คะแนน คงรอดตกชั้นได้สบายๆ หากได้เล่นในช่วงเวลาดังกล่าว
อีกทั้ง The Telegraph สื่อจากแดนผู้ดียังเคยอ้างว่า โอกาสรอดตายของทีม ยังมีมากกว่า 98.4% แต่สุดท้ายสโมสรจากลอนดอนกลับตกชั้นแบบน่าเหลือเชื่อ
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปย้อนรำลึกถึง เวสต์แฮม เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ตกชั้นแบบชวนช็อค แม้เก็บแต้มได้ตามเป้าทะลุ 42 คะแนนก็ตาม
อุดมไปด้วยแข้งดัง
สิ่งที่ The Telegraph กล่าวอ้างในข้างต้น ดูไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด เพราะนอกจากเก็บได้มากกว่า 40 คะแนนแล้ว เวสต์แฮม ยังเต็มไปด้วยดาวเตะดาวรุ่งอนาคตไกล หรือตัวเก๋ามากประสบการณ์อีกไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็น เดวิด เจมส์, เกล็น จอห์นสัน, โจ โคล, ไมเคิ่ล คาร์ริค, เทรเวอร์ ซินแคลร์, เฟรเดริค กานูเต้, เจอร์เมน เดโฟ หรือ กองหน้าไอคอนของทีมอย่าง เปาโล ดิ คานิโอ ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาไปได้ไม่ไกล คือการที่ทีมมักขายดาวรุ่งฝีเท้าของทีมไปหลายราย ในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ คงต้องย้อนไปในช่วงที่ขาย ริโอ เฟอร์ดินานด์ ให้กับ ลีดส์ ในเดือนพฤศจิกายนปี 2000 แม้ตัวนักเตะไม่ได้ต้องการจะย้ายก็ตาม แต่ เทอร์เรนซ์ บราวน์ ประธานสโมสร ที่กำลังวางแผนปรับปรุง อัพตัน ปาร์ค รู้สึกว่าข้อเสนอของ ลีดส์ ที่มากกว่า 18 ล้านปอนด์ ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน
เงินเหล่านั้นบางส่วนถูกนำมาใช้เพื่อเสริมทัพ แต่ก็ไม่มีใครทำผลงานได้เข้าตานัก ทั้ง ริโกแบร์ ซง และ ติตี้ กามาร่า ที่ซื้อมาจาก ลิเวอร์พูล หรือ คริสเตียน เดลลี่ จาก แบล็คเบิร์น ในช่วงหน้าหนาว ทำให้ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ กุนซือในตอนนั้น เรียกร้องให้ บราวน์ ลงทุนเสริมทัพอีกหน่อย ทว่าเขาก็ตกงานแบบไม่รู้ตัวในเวลาต่อมา
“การย้ายออกจากสโมสร เป็นสิ่งสุดท้ายที่อยู่ในหัวของผม เมื่อผมออกไปในตอนเช้านี้ ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันเกิดขึ้น หลังจากได้ประชุมกับท่านประธาน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป และผมก็พบว่าตัวเองตกงานแล้ว” เร้ดแน็ปป์ กล่าวหลังโดนปลด
คนที่มาแทนที่ก็คือ เกล็นน์ โรเดอร์ โค้ชมือขวาของ เร้ดแนปป์ เอง แม้ถูกต่อต้านจากแฟนๆ เนื่องจากไม่ใช่โค้ชชื่อดังอย่างที่พวกเขาต้องการ แต่ถึงอย่างนั้นในฤดูกาล 2001-02 เขาก็พาทีมจบอันดับ 7 ได้ ซึ่งถือเป็นปีแรกในการคุม ขุนค้อน เต็มตัว
ไม่สมกับที่คาดหวัง
ไม่แปลกที่ความคาดหวังจะเพิ่มมากขึ้น ในฤดูกาล 2002-03 และแม้แต่ เชราร์ อุลลิเย่ร์ กุนซือของ ลิเวอร์พูล ในตอนนั้น ยังยกให้ทีมจากลอนดอนตะวันออก มีลุ้นทำอันดับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกด้วยซ้ำ
ทว่า เวสต์แฮม ก็บั่นทอนโอกาสนั้นด้วยตัวเอง ด้วยการเสริมทัพแบบถาวรเพียงคนเดียว ด้วยการคว้า แกรี่ บรีน มาร่วมทีม แถมเป็นการได้มาแบบไร้ค่าตัวด้วย
และเกมเหย้านัดแรกฤดูกาลนั้นกับ อาร์เซน่อล ลางร้ายก็ส่อแววให้เห็น เมื่ออุตส่าห์นำห่าง ทีม ‘ปืนใหญ่’ ถึง 2 ลูก แต่สุดท้ายเกมก็จบลงด้วยผลเสมอ 2-2 ทั้งๆ ที่ตอนนำ 2-1 ทีมมีโอกาสนำห่างเป็นลูกที่ 3 ด้วย แต่ กานูเต้ กลับยิงจุดโทษไม่เข้า
หลังจากเกมนั้น ขุนค้อน ของ โรเดอร์ ก็ไม่ชนะใครใน อัพตัน ปาร์ค เป็นเวลานานกว่า 11 นัด หรือช่วงเวลาร่วม 5 เดือน ก่อนมาชนะได้ในเกมพบ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0
เมื่อบวกกับการที่ทีมเอาชนะได้แค่ 3 นัดก่อนช่วงคริสมาสต์ และเสียประตูเป็นว่าเล่น ก็ไม่แปลกที่หลายคนจะมองว่าพวกเขากลายเป็นทีมหนีตกชั้นไปแล้ว
อีกทั้งผู้เล่นหลายคนในทีม ก็ถูกกล่าวหาว่าทำตัวทะนงตนเกินฝีเท้าของตัวเอง และบรรยากาศใน อัพตัน ปาร์ค ก็ยิ่งย่ำแย่ กัดกร่อนจิตใจของนักเตะลงเรื่อยๆ
ในช่วงต้นเดือนกันยายน โรเดอร์ ต้องขอร้องให้แฟนๆหยุดด่าทอ คาร์ริค ในขณะที่ บราวน์ ประธานสโมสร ตกเป็นเป้าหมายของการประท้วง ในเกมที่พ่ายคาบ้านต่อ เซาแธมป์ตัน เดือนธันวาคม
ฟอร์มกระเตื้องขึ้นก่อนพบเรื่องช็อค
เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ เวสต์แฮม หล่นไปรั้งอันดับบ๊วยของลีก หลัง พ่าย ลิเวอร์พูล คารัง 3-0 แต่ถึงอย่างนั้น หลายคนก็ยังเชื่อว่าทีมนี้ดีเกินไปที่จะตกชั้น
ความวุ่นวายนอกสนามเกิดขึ้นอีก เมื่อ ดิ คานิโอ ผู้ซึ่งไม่เคยมองว่า โรเดอร์ เป็นหัวหน้าอยู่แล้ว ได้โต้เถียงกับกุนซือชาวอังกฤษ ต่อหน้าสาธารณะ เมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกระหว่างเกมที่พบกับเวสต์บรอมวิช และแม้ว่าทีมจะชนะ 2-1 เขาก็แสดงความไม่พอใจในภายหลัง
“เกล็น ยังเป็นผู้จัดการอายุน้อยและทำผิดพลาด” หอกชาวอิตาเลี่ยน กล่าว “เพียงเพราะเราชนะไม่ได้หมายความว่าการตัดสินใจทั้งหมดของเขาเป็นสิ่งที่ดี”
ดิ คานิโอ ถูกดร็อปออกจากทีมในเวลาต่อมา และต้องมองดูทีมค่อยๆ ทำผลงานดีขึ้นในเวลาต่อมา
การคว้า รูฟัส เบรเว็ตต์ และ เลส เฟอร์ดินานด์ เข้ามาในช่วงเดือนมกราคม ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อทีมค่อยๆ ทำแต้มไล่ โบลตัน, เบอร์มิ่งแฮม และ ลีสด์ ยูไนเต็ด ที่ทำอันดับเหนือกว่าได้
ทว่าหลังเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรห์ 1-0 ช่วงปลายเดือนเมษายน ข่าวร้ายก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ เมื่อ โรเดอร์ หมดสติในออฟฟิศ และถูกนำส่งโรงพยาบาลหลังมีอาการเนื้องอกในสมอง
42 แต้มก็ไม่ยังพอ
เทรเวอร์ บรุ๊คกิ้ง ตำนานของสโมสร เข้ามาทำหน้าที่ขัดตาทัพในช่วง 3 นัดสุดท้ายสุดสำคัญ ซึ่งปลุกเร้าให้ทีมพยายามเค้นฟอร์มเต็มที่ เพื่อโอกาสอยู่รอด รวมถึงทำเพื่อ โรเดอร์ ที่กำลังรักษาตัวอยู่ด้วย
ลูกยิงช่วงท้ายเกมของ กานูเต้ ใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ เวสต์แฮม บุกไปคว้า 3 แต้มที่ เมน โร้ด ขณะที่เกมต่อมา ทีมก็คว้าชัยได้ตามเป้าจากประตูโทนของ ดิ คานิโอ ในเกมเปิดรังพบ เชลซี ซึ่งแม้ยังไม่การันตีรอดตกชั้น 100 เปอร์เซนต์ แต่โอกาสทำได้ก็มีสูงมากๆ
ทว่าสุดท้ายแล้ว พวกเขาทำได้แค่เสมอ เบอร์มิ่งแฮม 2-2 ในขณะที่ โบลตัน คู่แข่งหนีตาย กลับเอาชนะ โบโร่ ได้ในวันเดียวกัน ทำให้ทีม ‘ขุนค้อน’ ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก หลังโลดแล่นมา 10 ฤดูกาล แฟนๆ หลายคนพูดไม่ออก ขณะที่ บราวน์ ก็มองว่านี่ถึงเปลี่ยนของสโมสรแล้ว
การที่พวกเขาเค้นฟอร์มเก็บได้ถึง 23 แต้มจาก 11 นัดสุดท้าย ถือเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ แต่การทำนายของ อุลลิเย่ร์ ที่มองว่า ทีมจากลอนดอนตะวันออก มีลุ้นไป UCL อาจไม่ผิด หากพวกเขาไม่โชว์ฟอร์มหลุด เก็บได้เพียง 6 แต้มจาก 14 นัดในช่วงหน้าหนาว
บรรดาดาวดังของทีม ถูกขายออกไปหลังจากนี้ ก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วงกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของ อลัน พาร์ดิว ในปี 2005
ทุกวันนี้ แฟนๆ หลายคนก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม เวสต์แฮม ถึงตกชั้นไปอย่างนั้น ทั้งๆทีมมีศักยภาพในการลุ้นจบท็อปซิกซ์ได้เลย แถมยังเก็บแต้มได้ทะลุ 40 แต้มตามเป้าเพื่อเอาตัวรอดในลีกสูงสุดด้วยซ้ำ
การตกช้ั้นของ เวสต์แฮม อาจเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ในทางกลับกัน พวกเขาก็ต้องโทษตัวเองเช่นกันที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในฤดูกาลนั้น