ทีมกินโค้ช! 10 ทีมเปลี่ยนกุนซือบ่อยสุดในรอบ 10 ปี

ทีมกินโค้ช

อาชีพผู้จัดการทีมนับว่าเป็นอาชีพที่มีอัตราการตกงานสูง โดยเฉพาะกับทีมใหญ่ๆแล้ว เมื่อผลงานไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ทางสโมสรก็ไม่ได้มีเวลาให้แก้ตัวมากนัก สุดท้ายก็จะจบลงด้วยการแยกทางกันไป ซึ่งก็มีหลายทีมที่เปลี่ยนแปลงในตำแหน่งนี้เยอะซะจนเรียกได้ว่าเป็นทีมกินโค้ช

วันนี้ UFAARENA จะมานำเสนอ ทีมที่เปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมบ่อยที่สุดในโลกฟุตบอลตลอด 10 ปีที่ผ่านมาว่าจะมีใครกันบ้างที่ได้ชื่อว่าเป็นทีมกินโค้ช

 

เปแอสเช 6 คน

Time up for Christophe Galtier? PSG already searching for new manager with  Jose Mourinho, Julian Nagelsmann & Zinedine Zidane being considered |  Goal.com

นับตั้งแต่ นาซเซอร์ อัลเคไลฟี่ เข้ามาเทคโอเวอร์เมื่อปี 2011 เปแอสเชก็กลายสภาพเป็นทีมที่ต้องการความสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งตอนนั้นมี อองตวน กอมบูอาเร คุมทีมอยู่ก็ไม่ใช่คนที่ทาง อัลเคไลฟี่ ต้องการ ก่อนจะไปดึงตัวโค้ชระดับท็อปอย่าง คาร์โล่ อันเชล็อตติ เข้ามาแทนที่ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังหลังพาทีมคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ทันทีนับตั้งแต่ปี 2013/14 แต่ในฤดูกาลถัดมาก็มีอันต้องแยกทางกับทีมเนื่องจากขัดแย้งกับบอร์ดบริหาร

ต่อจากนั้นก็เป็นโลรองต์ บล็องค์ นั่งแท่นกุนซือตั้งแต่ปี 2013-2016 ก่อนโดนปลดอีกเนื่องจากไม่สามารถพาทีมคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ และตั้ง อูไน เอเมอรี่เข้าแทนแต่ก็จบแบบเดิม ที่แม้จะคว้าแชมป์ลีกได้แต่ไม่สามารถไปถึงถ้วย UCL ตามเป้าหมาย เช่นเดียวกับ โธมัส ทูเคิ่ล และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่โดนปลดด้วยเหตุผลเดียวกัน จนมาถึงปัจจุบันที่ใช้ คริสตอฟ กัสติเย่ร์ ซึ่งผลงานก็กระท่อนกระแท่นเหลือเกินในลีก แถมใน UCL ก็ตกรอบไปเป็นที่เรียบร้อย และชะตากรรมก็อาจจะไม่พ้นโดนปลดเหมือนคนอื่นๆ

 

ยูเวนตุส 6 คน 

Allegri insists he will stay on as Juventus manager despite 15-point  deduction | Goal.com

แม้จะดูเป็นทีมที่ไม่ค่อยเปลี่ยนกุนซือ แต่ช่วงแรกหลังจากที่ทัพม้าลายดีดตัวเองกลับมาสู่เวที กัลโช่ เซเรียอา เริ่มจากการเปลี่ยนตัว ชิโร่ เฟร์ราร่า มาเป็น อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่ แต่โดนปลดไปทั้งที่คุมทีมไปได้แค่ 21 เกมเท่านั้นด้วยผลงานที่ไร้ความสม่ำเสมอพาทีมจบอันดับ 7 ของตาราง ก่อนจะตั้ง ลุยจิ เดลเนรี่ มาแทนแต่ก็คุมได้แค่ปีเดียวและโดนปลดด้วยเหตุผลเดียวกันคือการจบอันดับ 7 ของตาราง

ซึ่งคนที่เข้ามาแทนที่ก็เป็น อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เข้ามาพาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการประเดิมคว้าแชมป์ตั้งแต่ปีแรกลากยาวมาถึงปี 2014 ก็เปลี่ยนมาเป็น มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี จนถึงปี 2019 ตรงจุดนี้ก็เป็นอีกช่วงเวลาที่ทัพม้าลายมีการเปลี่ยนกุนซือแบบปีต่อปี โดยคนที่เข้ามาสานต่อคือ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่แม้จะพาทีมคว้า สคูเด็ตโต้ได้แต่ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีกก็ยังไม่ถึงฝัน ก่อนที่จะเลือกลาออกไปเองตอนจบซีซั่น จนทีมต้องตั้ง อันเดรีย ปีร์โล่ ที่เพิ่งรับงานคุมทีมเยาวชนของทีมหมาดๆ มาแทนแต่ผลงานก็ไม่ได้ดี และเสียแชมป์ลีกเป็นปีแรกในรอบ 9 ปี

จนถึงล่าสุดก็ได้หวนกลับไปใช้ มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรีคนเดิม แต่ผลงานในลีกก็ยังไม่ได้ดีขึ้น แถมยังมีปัญหานอกสนามเข้ามารุมเร้าด้วย

 

เรอัล มาดริด 7 คน

Carlo Ancelotti urges Real Madrid not to 'assume' their Champions League  tie with Liverpool is over | PlanetSport

อีกหนึ่งทีมที่โหยหาความสำเร็จมาประดับสโมสรอยู่เสมอ ซึ่งมันก็แรกมากับกองซากของผู้จัดการทีมที่เข้ามาและออกไปกันแทบจะปีต่อปี เริ่มจาก มานูเอล เปเยกรินี่ ที่เข้ามาคุมทีมแค่ซีซั่นเดียวก็โดนปลดออกไป เนื่องจากไร้แชมป์ติดมือเลยสักรายการ มาถึงมือ โชเซ่ มูรินโญ่ ในปี 2010 ที่พาทีมกลับมาชูถ้วยได้ทันทีในปีแรก แต่พอถึงปีที่ 3 ของการคุมทีม ความสัมพันธ์กับทั้งลูกทีม และ บอร์ดบริหารก็แย่ลงจนสุดท้ายต้องจบไปแบบไม่สวยนัก 

ถัดมากับ คาร์โล่ อันเชล็อตติ ที่มารับช่วงต่อ ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมคว้า 4 แชมป์ในปีแรก แต่พอปีถัดมามือเปล่าทุกถ้วยก็มีอันโดนปลดไปก่อนจะดึง ราฟาเอล เบนิเตซมาทำทีม แต่ก็อยู่ได้แค่ซีซั่นเดียวด้วยผลงานที่นอกจากจะมือเปล่าแล้ว ความสัมพันธ์ภายในทีมก็ย่ำแย่ด้วย ก่อนจะหันไปตั้ง ซีเนดีน ซีดาน ตำนานทีมเข้ามาคุมทีม และทำผลงานได้ดีเกินคาดพาทีมกวาดแชมป์ไปถึง 9 รายการในช่วงเวลาแค่ 2 ปี นับเป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จสุดในช่วง 10 ปีหลัง

La Liga: Real Madrid sack coach Julen Lopetegui 139 days after appointing  him

หลังจากนั้นเจ้าตัวเลือกอำลาทีมไปพัก ซึ่งราชันชุดขาวได้ตั้ง ฆูเลี่ยน โลเปเตกี มาแทนแต่คุมได้แค่ 14 นัดก็โดนปลดด้วยผลงานอันย่ำแย่ เป็นนายใหญ่ที่คุมทีมน้อยสุดในช่วง 10 ปีหลัง ก่อนตั้ง ซานติเอโก้ โซลารี่ มาแทนแต่ผลงานก็ย่ำแย่พอกัน จนต้องเรียกตัวคนคุ้นเคยอย่าง ซีดานมาช่วยทีมอีกครั้ง นับเป็นช่วงเวลาที่แสนวุ่นวายจากการเปลี่ยนโค้ช 3 คน ภายในฤดูกาลเดียว ส่วนในปัจจุบันที่ ซีดานเพิ่งลาทีมไปเมื่อฤดูกาลก่อน ก็เป็น อันเชล็อตติ ที่กลับมาทำทีมอีกครั้งและกวาดความสำเร็จทุกรายการไปครองได้ทันที

 

บาร์เซโลน่า 8 คน

Xavi: Former Barcelona midfielder focused on Al Sadd role amid talks to  succeed Ronald Koeman | Football News | Sky Sports

หลังจากที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำทีมครองความยิ่งใหญ่มาตั้งแต่ปี 2008 จนถึงปี 2012 เจ้าตัวได้อำลาตำแหน่งไป พร้อมกับส่งไม้ต่อให้กับ ติโต้ วิลาโนว่า ที่ยังคงสานต่อคว้าแชมป์ลาลีก้าได้ แต่ด้วยปัญหาสุขภาพทำให้คุมทีมได้แค่ปีเดียวก็อำลาตำแหน่งไป และเป็น ตาต้า มาติโน่ มาทำทีมแทนอย่างไรก็ตามเจ้าตัวตัดสินใจลาออกเองหลังผ่านไปแค่ฤดูกาลเดียว เนื่องจากไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลาลีก้าได้

เมื่อตาต้า อำลาตำแหน่งไปก็ถูกส่งต่อมาถึงคนที่ใช่อีกครั้งอย่าง หลุยซ์ เอ็นริเก้ ที่พาทีมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง กวาดแชมป์ไปมากมายในช่วงระหว่างปี 2014-2017 ก่อนที่จะลาทีมไปคุมทีมชาติสเปนเป็นการจบอย่างสวยงาม แต่หลังจากนั้น บาร์ซ่าก็เข้าสู่ช่วงขาลงของบรรดาผู้จัดการทีมไม่ว่าจะเป็น เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ , กิเก้ เซเตียน และ โรนัลด์ คูมัน ที่ทั้ง 3 คนมีแชมป์รวมกันแค่ 4 รายการเท่านั้น นับเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสำหรับแฟนบอลต่างดาว

จนกระทั่งไม้ต่อถูกส่งมาถึง ชาบี เอร์นานเดส ในฤดูกาลปัจจุบัน ที่กำลังทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ และมีลุ้นในการคว้าแชมป์ลาลีกา โดยมีคะแนนนำคู่ปรับอย่าง เรอัล มาดริดอยู่ถึง 12 แต้ม

 

โอลิมปิค มาร์กเซย 10 คน

Video: Marseille coach Tudor complains in variety of languages - Football  Italia

ความสำเร็จของ มาร์กเซย ต้องย้อนไปถึงปี 2010 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกเอิงมาครองได้ด้วยฝีมือการคุมทีมของ ดิดิเย่ร์ เดชองส์ แต่หลังจากที่เจ้าตัวอำลาทีมไปเมื่อปี 2012 พวกเขาก็ไม่เคยได้ถ้วยไหนมาครองอีกเลย แถมก็เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผู้จัดการทีมแบบปีต่อปี ไล่มาตั้งแต่ เอลี่ โบป์ , โชเซ่ อนิโก้ , มาร์เซโล่ ลิปปี้ , แฟรงค์ ปาซซี่ และ มิเชล กว่าจะมีกุนซือที่คุมทีมได้เกิน 1 ปีก็ต้องรอถึงปี 2016 กับการมาของ รูดี้ การ์เซีย ที่คุมทีมยาวถึงปี 2019 แต่ก็ยังคงมือเปล่าไร้แชมป์

ต่อจากนั้นก็เป็น อังเดร วิลลาส โบอาส เข้ามารับช่วงต่อถึงปี 2021 แต่ก็เช่นเดิมคือไม่สามารถหาความสำเร็จมาให้ทีมได้ และส่งให้ทีมเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผู้จัดการทีมปีต่อปีอีกรอบ ไล่มาตั้งแต่ ฆอร์เก้ ซามเปาลี ที่แม้จะพาทีมจบรองแชมป์ได้ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจแยกทางกับทีมก่อนเริ่มปรีซีซั่น เนื่องจากไม่พอใจการเสริมทัพของ มาร์กเซย และเป็น อิกอร์ ทูดอร์ ที่ถูกดึงมาแทนที่และทำผลงานได้น่าประทับใจจากการรั้งอันดับ 3 ของตารางปัจจุบัน

 

เอซี มิลาน 10 คน

AC Milan cancel training after Pioli tests positive for coronavirus |  Goal.com South Africa

ทีมยักษ์หลับแห่งอิตาลี ที่ปัจจุบันเริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้วภายใต้การทำทีมของ สเตฟาโน่ ปิโอลี่ แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาเจอกับมรสุมทั้งนอกและในสนาม เช่นเดียวกับตำแหน่งกุนซือที่เปลี่ยนมือแทบจะแบบปีต่อปีนับตั้งแต่ฤดูกาล 2010/11 ที่ มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี พาทีมคว้าแชมป์ สคูเด็ตโต้ มาได้ก่อนจะอำลาทีมไปในปี 2014 หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าสู่ช่วงเก้าอี้ดนตรีผู้จัดการทีม โดยส่วนใหญ่เป็นอดีตนักเตะของทีมไล่มาตั้งแต่ เมาโร ทัซซ็อตติ , คาเรนซ์ เซดอฟ , ฟิลิปโป้ อินซากี้ , คริสเตียน บล็อคคี่ และ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ส่วนที่ไม่ใช่นักเตะเก่าของทีมก็มีอย่าง ซินิซ่า มิไฮโลวิช , วินเซนโซ่ มอนเตล่า , มาร์โก้ จามเปาโล และ ปัจจุบันกับ ปิโอลี่

โดยมีแค่ 2 คนเท่าที่ได้คุมทีมมากกว่า 1 ซีซั่น ก่อนจะมาถึงมือ ปิโอลี่ นั่นคือ กัตตูโซ่ และ มอนเตล่า แถมในเรื่องของความสำเร็จตลอด 10 ปีที่ผ่านมากว่าจะได้มาคว้าแชมป์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วได้ ก็มีเพียงแค่แชมป์ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย เมื่อปี 2017 รายการเดียวเท่านั้น ส่วนนายใหญ่คนปัจจุบันคุมทีมมาตั้งแต่ปี 2019 แล้วนับว่าอยู่คุมทีมนานที่สุดนับตั้งแต่ อัลเลกรี ลาทีมไปเลยทีเดียว

 

เชลซี 11 คน

เปิดใจครั้งแรก! แลมพาร์ดร่ายยาวผ่านไอจีหลังถูกปลด | Goal.com ภาษาไทย

เช่นเดียวกับหลายทีมที่มีนายทุนใหญ่เข้ามาเทคโอเวอร์ ก็จะกลายสภาพเป็นทีมที่กระหายความสำเร็จในทุกปี โดยเฉพาะ เชลซี ภายใต้การบริหารงานของ โรมัน อับราโมวิช ที่มีทั้งความทะเยอทะยาน และความเด็ดขาดในการตัดสินใจ ด้วยความทุ่มเทและแพชชั่นในฟุตบอลของเจ้าตัวทำให้ไม่เกี่ยงที่จะดึงผู้จัดการทีมชั้นนำมาสู่ทีมพร้อมให้งบเสริมทัพมหาศาล โดยในช่วง 10 ปียอดทีมจากกรุงลอนดอนมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมมากมายเป็นอันดับต้นๆของพรีเมียร์ลีก ไล่มาตั้งแต่ คาร์โล่ อันเชล็อตติ ที่โบกมือลาทีมไปในปี 2011 ก่อนจะหันไปให้โอกาสกุนซือหนุ่มไฟแรงอย่าง อังเดร วิลลาส โบอาส ที่อยู่คุมได้ไม่ถึงปีก็โดนปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากผลงานในสนามไม่เข้าตา

แต่คนที่มารับช่วงต่ออย่าง โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่ถูกวางให้เป็นแค่รักษาการณ์เท่านั้นกลับทำได้เหนือความคาดหมายด้วยการพาทีมคว้า แชมเปี้ยนส์ลีกสมัยแรกของทีมมาครองได้สำเร็จ แต่ในฤดูกาลถัดมาเมื่อผลงานตกต่ำอีกครั้งก็โดนปลดกลางซีซั่นเหมือนกัน พร้อมตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ มาสานต่อ แต่ก็เช่นเดิม เจ้าตัวคุมได้แค่ครึ่งฤดูกาลก็เป็นอันตกเก้าอี้ไปอีก

Champions League: How Roberto di Matteo masterminded Chelsea's magical win  in Munich | Football News | Sky Sports

รอบนี้เป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ได้กลับมาคุมทีมเป็นหนที่สอง แต่คุมทีมได้แค่ 2 ปีก็โบกมือลาไปเพราะการมีปัญหากับบอร์ดบริหาร ทำให้ กุส ฮิดดิ้ง เจ้าพ่อขัดตาทัพถูกดึงกลับมาช่วยทีมอีกรอบ โดยเป็นการคุมจนจบฤดูกาลเท่านั้น ก่อนหันไปตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้เข้ามาสานต่อ แต่ก็ด้วยเหตุผลเดียวกับ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” สุดท้ายเจ้าตัวก็อำลาทีมไปอีกถัดมาเป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่แม้ทางบอลจะไม่ถูกใจแฟน แต่ก็ยังมีความสำเร็จติดมือ ซึ่งเจ้าตัวแยกทางไปด้วยเหตุผลที่อยากกลับไปอิตาลี

หลังจากนั้นทาง เชลซีก็หันไปหาตำนานแข้งของทีมอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่กำลังเดินสายอาชีพกุนซือ แต่น่าเสียดายที่การคุมทีมเก่าของเจ้าตัวไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือสักรายการสุดท้ายก็โดนปลดไปและเป็น โธมัส ทูเคิ่ลที่เข้ามาทำทีมแทน แถมประสบความสำเร็จอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าของทีมมีการเปลี่ยนมือมาเป็น ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ นายใหญ่ชาวเยอรมันก็โดนปลดออกจากตำแหน่งไปและเอา เกรแฮม พอตเตอร์ เข้ามาแทนที่ในช่วงต้นซีซั่น ซึ่งก็มาพร้อมกับคำวิจารณ์และการต่อต้านจากแฟนบอล จนสุดท้าย เมื่อผลงานย่ำแย่ ทางโบห์ลี่ยก็จำใจต้องปลดคนที่ตัวเองเลือกมาอีกหน ปัจจุบันลมหวนดึง แฟรงค์ แลมพาร์ด เข้ามาขัดตาทัพชั่วคราว

 

โบคา จูเนียร์ 14 คน

La primera decisión de Mariano Herrón como DT interino de Boca

ทีมดังจากอาร์เจนติน่า ถือเป็นทีมยักษ์ใหญ่ประจำทวีปอเมริกาใต้ แน่นอนว่าพวกเขาโหยหาความสำเร็จอยู่เสมอ ซึ่งการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมแบบปีต่อปีต้องบอกว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำ เพราะมันแทบจะเป็นการเปลี่ยนแบบปีละหลายคนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วโดยเฉพาะในช่วงปี 2010 ที่แค่ปีเดียวเปลี่ยนผู้จัดการทีมถึง 5 คนไล่ตั้งแต่ อเบล อัลเวส ที่โดนดึงมาแทน อัลฟิโอ บาซิล ตามด้วย โรแบร์โต้ ปอมเปย์ , เคลาดิโอ บรอคคี่ และ ปอมเปย์ หวนมาคุมทีมเป็นคำรบ 2

หลังจากนั้นแม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแบบปีละหลายคนแล้ว แต่ก็ยังเป็นการเปลี่ยนแบบปีต่อปีอยู่ดี ไล่มาตั้งแต่ ฆูลิโอ ฟัลซิโอนี่ , คาร์ลอส เบียนชี่ กว่าจะมาเริ่มเสถียรก็เป็น โรดอลโฟ อาร์รัวบาร์เรนา และ กิลเลอร์โม เชลอลอตโต้ แต่ก็เป็นการคุมแค่คนละ 2 ปีเท่านั้นสุดท้ายก็กลับมาลงอีหรอบเดิมกับการเปลี่ยนกุนซือทุกปี กุสตาโว่ อัลฟาโร่ , มิเกล รุซโซ่ , เซบาสเตียน บัตตาเกลีย และ ฮูโก้ อิบราร่า 

โดยปัจจุบันเป็น มาริอาโน่ เฮอร์รอน ที่เพิ่งถูกดันขึ้นมาเป็นกุนซือรักษาการณ์เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง และยังไม่มีวี่แววของผู้จัดการทีมคนใหม่ที่จะเข้ามาทำทีมอย่างเต็มตัว ต้องรอดูว่า โบคา จูเนียร์ จะเดินเกมแบบไหนต่อไป และคนใหม่ที่เข้ามาจะอยู่ได้นานแค่ไหน

 

วัตฟอร์ด 17 คน

Wilder: Meet Our New Head Coach - Watford FC

ทีมที่ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่ใช้งานผู้จัดการทีมสิ้นเปลืองที่สุดในวงการลูกหนังอังกฤษช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นทีมที่ป้วนเปี้ยนอยู่โซนท้ายตาราง เทียวขึ้นเทียวลงลีกสูงสุดกับแชมเปี้ยนชิพ แต่ก็เปลี่ยนกุนซือบ่อยชนิดที่ว่ามีแค่ 2 คนที่ได้คุมทีมเกิน 50 นัดคือ ฆาบี้ การ์เซีย ที่คุมทีมในช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2018/19 ด้วยจำนวน 66 นัดและ จานฟรังโก้ โซล่า ที่เคยคุมทีมไป 75 นัดในช่วงครึ่งซีซั่นแรกของฤดูกาล 2012/13 เรียกว่าแม้จะเป็นคนที่ได้ชื่อว่าคุมทีมนานที่สุดก็ยังไม่มีใครคุมได้เกิน 1 ฤดูกาลเลยสักรายนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา โดยคนที่ได้คุมทีมน้อยที่สุดคือ บิลลี่ แม็คคินลี่ย์ ที่ได้ทำงานไปแค่ 2 เกมเท่านั้น

โดยในฤดูกาลปัจจุบัน ทัพต่อมหาภัยเพิ่งสั่งปลด สลาเวน บีลิช ที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่บนเวที แชมเปี้ยนส์ชิพที่กองอยู่อันดับ 11 ของตาราง พร้อมตั้ง คริส วิลเดอร์ มาแทนเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง แต่หลังผ่านมา 4 นัดชนะแค่ เกมเดียว ที่เหลือ เสมอ 1 แพ้ 2 นับว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วงไม่น้อย

 

ฟลาเมงโก้ 23 คน

O Campeonato Carioca é muito mais importante para o Vitor Pereira do que a  Copa Libertadores | Goal.com Brasil

อีกหนึ่งทีมจากอเมริกาใต้ และเป็นทีมที่ครองความยิ่งใหญ่ประจำลีกบราซิล เช่นเดียวกับ โบคา จูเนียร์ ที่เรีบกว่าเหมือนกันอย่างกับแกะ โดยเฉพาะในปี 2010 ฟลาเมงโก้เปลี่ยนผู้จัดการทีมไปมากถึง 3 รายไล่มาตั้งแต่การไล่ อันดราเด้ออกแล้วนำ โรเจริโอ ลอเรนโก้ มาแทน แต่คุมทีมได้แค่ 20 นัดก็โดนปลดแล้วดึง ไซลาสมาแทน แต่ก็ไม่เวิร์คอยู่ได้แค่เดือนเดียวก็โดนเด้ง ยังดีที่หลังจากนั้นได้ วันเดอร์เลย์ ลุคชอมบูร์โก้ ที่มากอบกู้สถานการณ์ได้

นายใหญ่ชาวบราซิเลี่ยนคุมทีมอยู่นานถึงปี 2012 ก็อำลาทีมไปให้กับ โจเอล ซานทาน่ามารับช่วงต่อ แต่ก็กลับเข้าลูปเดิมคือการเปลี่ยนตัวกุนซือยับๆ ปี 2012 ใช้กุนซือ 2 คน ปี 2013 หนักเลยคือใช้ถึง 4 คน 2014 อีก 3 คน หลังจากนั้นก็กลายเป็นมหกรรมการเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็นว่าเล่น เรียกว่าในช่วงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ฟลาเมงโก้ ใช้ผู้จัดการทีมทิ้งๆขว้างๆไปมากถึง 23 ราย 

เยอะแล้วหรอ : 10 กุนซือค่าตัวแพงสุดในวงการลูกหนัง

เยอะแล้วหรอ : 10 กุนซือค่าตัวแพงสุดในวงการลูกหนัง