ฟุตบอลอิตาลีในอดีตเคยรุ่งเรืองเหนือลีกอื่นๆ แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างทำให้ดร็อปลงไปจนน่าใจหาย กลายเป็นลีกที่ถูกค่อนขอดว่าเป็นลีกคนแก่ และถูกมองข้ามไป
แต่ปัจจุบันพวกเขากำลังค่อยๆกลับมาทั้งระดับลีก ระดับเกมยุโรป และระดับทีมชาติ จนทำให้นึกถึงยุคสมัยที่ได้ชื่อว่า 7 สาวน้อย จากการแข่งขันกันอย่างสูสีและเข้มข้น
วันนี้ UFAARENA จะพาไปย้อนอดีตยุคที่รุ่งเรือง ตกต่ำ และฟื้นสภาพของวงการฟุตบอลอิตาลี ว่ากว่าที่จะกลับมาได้แบบทุกวันนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
วันวานตำนาน 7 สาวน้อย
ในช่วงยุค 80 ลากยาวมาจนถึงต้นๆยุค 2000 กัลโช่ เซเรียอา ถือว่าเป็นลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ที่รวมนักเตะชั้นยอดเอาไว้แบบคับคั่ง เคยพีคที่สุดในช่วงปี 1996-2002 ที่ถูกเรียกว่ายุคสมัยของ 7 สาวน้อย นำโดย ยูเวนตุส ภายใต้การคุมทีมของ มาร์เซโล่ ลิปปี้ พร้อมด้วยจอมทัพอย่าง ซีเนดีน ซีดาน และดาวยิงฟอร์มแรงอย่าง อเลกซานโดร เดล ปิเอโร่ ถัดมาที่ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งมียอดดาวยิงอย่าง โรนัลโด้ R9 และ คริสเตียน วิเอรี่ นำทัพ
ทีมที่สามได้แก่ เอซี มิลาน ที่มีสตาร์ล้นทีมตั้งแต่แนวรับยันแนวรุก จนสามารถกวาดความสำเร็จบนเวทียุโรปมาได้เพียบ ทางด้าน ฟิออเรนติน่า ก็มีตัวชูโรงเป็น กาเบรียล บาติสตูต้า และ รุย คอสต้า ขณะที่ ลาซิโอ ก็เป็นแหล่งผลิตแข้งชั้นยอดไม่ว่าจะเป็น พาเวล เนดเวด , เอร์นาน เครสโป และ ฆวน เซบาสเตียน เวรอน
อีกสองทีมประกอบด้วย โรม่า ภายใต้การนำทัพของ เจ้าชายหมาป่าอย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อดติ ที่เป็นแกนหลักของทีมมาตั้งแต่เป็นดาวรุ่งยันแขวนสตั๊ด สุดท้ายกับ ปาร์ม่า อีกหนึ่งทีมที่รวมดาวดังไว้อัดแน่นพอๆกับ เอซี มิลาน โดยมี จานลุยจิ บุฟฟ่อน เป็นเด็กปั้นตัวชูโรงของทีม พร้อมกับสตาร์อีกหลายรายไม่ว่าจะเป็น ลิลิยง ตูราม, ฟาบิโอ คันนาวาโร่ และ เอ็นริโก้ เคียซ่า
ทั้ง 7 ทีมนับเป็นทีมสุดแกร่งที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันมาหลายปี และหากนักเตะคนไหนอยากพิสูจน์ฝีเท้า ก็ต้องมาวัดกันที่นี้
การล่มสลายจากหลายทาง
แม้จะมีความรุ่งโรจน์มาหลายทศวรรษแต่สุดท้ายก็พังทลายด้วยปัญหาหลายๆด้าน อย่างที่รู้กันฟุตบอลอิตาลี เจอข่าวฉาวในปี 2006 กับคดี กัลโช่โปลี ที่มีการเลือกตัวผู้ตัดสินโดยทีมใหญ่ๆ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกันแทบทุกทีม ไม่ว่าจะเป็น เอซี มิลาน , ลาซิโอ , ฟิออเรนติน่า , อินเตอร์ มิลาน และ ทีมที่โดนหนักสุดในรอบนี้คือ ยูเวนตุส ที่โดนปรับตกชั้นไปเลยจากเรื่องนี้ แม้ภายหลังจะมาพิจารณาคดีกันอีกครั้งและยกฟ้องไป แต่ผลกระทบก็เกิดขึ้นแล้ว
ข่าวฉาวดังกล่าวทำให้มีสตาร์หลายรายย้ายออกจากลีกไป แถมนักเตะชั้นยอดก็ต้องมีการฉุกคิดแล้วก่อนที่จะย้ายเข้ามา แต่อีกปัจจัยที่ทำให้ฟุตบอลอิตาลี ล่มสลายคือสภาพเศรษฐกิจของประเทศอิตาลี ที่ผุพังมานานแล้วก่อนที่จะเกิดเรื่องดังกล่าวเสียอีก จนมาเจือเรื่องฉาวนี้ก็เหมือนเป็นการย้ำแผลให้เปิดกว้างมากขึ้น เนื่องจากความคาดหวังที่พวกเขาจะร่วมลุ้นเป็นเจ้าภาพฟุตบอลยูโร และ ฟุตบอลโลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมา พอมีเรื่องฉาวพวกเขาก็โดนตัดออกจากการเป็นแคนดิตเดตทันที
เมื่อเวลาผ่านไปบรรดานักเตะดังๆที่อยู่ในลีกก็โดนขายออกไปนอกลีก เพราะแต่ละทีมก็ต้องการเงินมาพยุงสโมสร ในขณะที่นักเตะที่ไม่ได้ถูกขายออก อายุก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความดึงดูดของลีกลดน้อยลงไป แถมเรื่องเศรษฐกิจก็ยังมีผลกระทบไปถึงโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตนักเตะก็หยุดชะงักไป จนไม่มีนักเตะดีๆขึ้นมาทดแทนสตาร์ที่ทั้งย้ายออกและอายุเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลกระทบไปถึงขั้นที่ว่า มาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นแนะนำให้ทีมชาติถอนตัวจากศึกฟุตบอลยูโร 2012 เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปแข่งขัน นับจากปี 2006 วงการฟุตบอลอิตาลีก็มีปัญหามาตลอดโดยเฉพาะเรื่องการเงิน
วงการฟุตบอลอิตาลีปัจจุบัน
หลังจากพบเจอกับปัญหาการเงินมาหลายปี ฟุตบอลอิตาลีก็เริ่มกลับมาได้อีกครั้ง ไล่มาตั้งแต่การเสริมทัพอย่างบ้าคลั่งของ ยูเวนตุส ที่ดึงดาวดังอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้มาสู่ทีมเมื่อปี 2018 ก็ทำให้ลีก กัลโช่ เซเรียอา กลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้ง แม้สถานะของลีกในสายตานักเตะยังคงเป็นแหล่งชุบตัวของบรรดาแข้งที่ล้มเหลวจากลีกใหญ่ หรือเป็นที่พักใจของพวกนักเตะตัวเก๋ากันแล้ว แต่ด้วยความเก๋าประสบการณ์นี้เองที่ช่วยให้ดาวรุ่งหลายคนพัฒนาขึ้นมามาก
การเสริมทัพดังกล่าวเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าลีกแดนรองเท้าบู้ท ยังคงมีดีพอในการดึงนักเตะชื่อดังเข้ามาได้ แถมหลังจากนั้นบรรดาทีมอื่นๆก็ยกระดับขึ้นมาแข่งแย่งแชมป์ได้ด้วยหลังทัพ “ม้าลาย” ครองความยิ่งใหญ่กันยาวนาน 9 ปี เปิดด้วย อินเตอร์ มิลาน ที่ทะยานขึ้นมาคว้าแชมป์ในปี 2020 ต่อด้วย เอซี มิลาน ที่คว้าแชมป์ปี 2021 และในปัจจุบัน นาโปลี ก็แทบจะนอนมาแล้วจากการนำห่างทีมอันดับสองถึง 19 แต้ม
นอกจากนี้ผลงานในระดับเวทียุโรปฤดูกาล 2022/23 ก็นับเป็นปีที่ฟุตบอลอิตาลีพีคสุดๆ จากการที่มีทีมผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย มากที่สุดนับรวม แชมเปี้ยนส์ลีก , ยูโรป้าลีก และ คอนเฟอเรนซ์ลีก ทั้งหมด 6 ทีม (เอซี มิลาน , อินเตอร์ มิลาน , นาโปลี , ยูเวนตุส , โรม่า , ฟิออเรนติน่า ) แถมผลงานก็ไม่น้อยหน้าทีมจากลีกอื่นเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับทีมชาติที่แม้จะอกหักกับรายการฟุตบอลโลก 2022 แต่ก็นับว่าประสบความสำเร็จกับฟุตบอลยูโร 2020 ที่ได้ชูถ้วยแชมป์ด้วยสไตล์การเล่นแบบใหม่โดยเน้นเกมรุก ผ่าขนบเดิมของพวกเขาที่เคยเน้นเกมรับมาตลอด
7 ทีมแกร่งยุคปัจจุบัน
ถ้าจะบอกว่าปัจจุบันยุคสมัยของ 7 สาวน้อย ที่แฟนบอลคิดถึงกำลังจะกลับมาอีกครั้งก็คงไม่ผิดนัก เมื่อทุกทีมใน กัลโช่ เซเรียอา ค่อยๆยกระดับขึ้นมา และฟื้นตัวจากปัญหาเศรษฐกิจ มีทั้งการปั้นนักเตะดาวรุ่ง และการดึงดาวดังตัวเก๋าเข้ามาผสมได้อย่างลงตัว แม้หน้าตาของบรรดา 7 ยอดทีมก็อาจจะเปลี่ยนไปบ้างบางราย แต่บรรดาหน้าเดิมก็ยังอยู่กันเกือบครบ
หน้าเก่าๆก็จะมี เอซี มิลาน ที่แม้จะฟอร์มตกในฤดูกาลนี้ แต่พวกเขาก็ถือว่าเป็นทีมแชมป์เก่าที่กำลังสร้างทีมขึ้นมาใหม่ อินเตอร์ มิลาน ทีมแกร่งอดีตแชมป์เมื่อปี 2021 ที่ฟอร์มหลังแยกทางกับ อันโตนิโอ คอนเต้ ยังคงต้องปรับกันอีกเยอะ แต่ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว แถมผลงานก็ยังน่าประทับใจ ลาซิโอ ทีมที่มีเกมรุกและเกมรับบาลานซ์ที่สุดในลิสต์ เพียงแต่พวกเขาต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บรบกวนตลอดปี
โรม่า ทีมภายใต้การคุมทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ผลงานลุ่มๆดอนๆ แต่ด้วยความเหนียวแน่นของเกมรับถือว่าเป็นจุดเด่นของพวกเขาในปีนี้ และหน้าเก่าทีมสุดท้ายคือ ยูเวนตุส ที่ประสบปัญหารอบด้าน ทั้งนักเตะบาดเจ็บ คดีฉาวที่ถูกกล่าวหาว่าแต่งบัญชี จนโดนตัดแต้มไป 15 แต้ม แต่ยังสามารถเร่งฟอร์มขึ้นมามีลุ้นพื้นที่ยุโรปได้
ถัดมาที่หน้าใหม่ในการถูกเรียกว่า 7 สาวน้อยก็มี อตาลันต้า ภายใต้การทำทีมของ จานปิเอโร่ กาสเปรินี่ ที่ค่อยๆสร้างทีมขึ้นมาจากนักเตะที่ไม่ได้มีชื่อชั้นโด่งดัง แต่เน้นการเล่นเป็นทีม บอลระบบแน่นๆ แม้ยังไม่มีถ้วยแชมป์มาการันตีความสำเร็จ แต่นับตั้งแต่ กาสเปรินี่ เข้ามาทำทีมเมื่อปี 2016 ทัพเทพธิดา ก็ไม่เคยจบอันดับต่ำกว่า 10 เลยสักปี แถมยังเคยจบอันดับ 3 ของตาราง 3 ทีมติด (2018-2020) อีกด้วย
สุดท้ายกับ นาโปลี ที่ในช่วงเวลาเฟื่องฟูของฟุตบอลอิตาลี พวกเขากลับสวนทางตกลงไปอยู่ใน เซเรียบีช่วงปลาย 90 จนถึงปี 2006 กว่าจะขึ้นมาเล่นใน เซเรีย อา อีกครั้ง แต่นับจากปี 2009 ทัพอัซซูร่า ก็ไม่เคยจบต่ำกว่าอันดับ 10 เลยสักฤดูกาล แถมยังมีโค้ชมือดีเวียนเข้ามาคุมทีมด้วยไม่ว่าจะเป็น ราฟาเอล เบนิเตซ , เมาริซิโอ ซาร์รี่ , คาร์โล่ อันเชล็อตติ จนมาถึง ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ ที่กำลังพาพวกเขามีลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมทั้งเกมรุกเกมรับ กลายเป็นทีมที่ถูกยกว่าแกร่งที่สุดในยุโรปชั่วโมงนี้แล้ว
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันวงการลูกหนังอิตาลี กำลังฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่ากับบรรดาลีกใหญ่อื่นๆ ทีละนิด แน่นอนว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหน่อยในการกลับไปเป็นเหมือนยุคเฟื่องฟู แต่ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีของฟุตบอลแดนรองเท้าบู้ท