แรช-การ์นาโช่! ผีรัว2ลูก10นาทีท้ายบุกชนะลีดส์

แรชฟอร์ด

“ผีแดง” มาเร่งครึ่งหลังยิง 2 ประตูในช่วง 10 นาทีท้าย แรชฟอร์ด โหม่งกับ การ์นาโช่ ยิงตอกฝาโลงบุกชนะ ลีดส์ หืดจับ 2-0

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2022-23 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 17 ที่มี 19 คะแนนจากการลงสนาม 21 นัด เปิดสนามเอลแลนด์ โร้ด รับการมาเยือนของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 ที่มี 43 คะแนน ทั้งสองทีมเพิ่งเจอกันมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อกลางสัปดาห์เสมอกัน 2-2

เกมนี้ ไมเคิ่ล สคูบาล่า กุนซือขัดตาทัพของเจ้าบ้าน เกมนี้มีการปรับทีมเล็กน้อยจากเกมล่าสุดให้ ไซเซนซิโอ ซัมเมอร์วิลล์ ลงมาเป็นตัวจริงเพื่อเล่นเกมรุกร่วมกับ แจ็ค แฮร์ริสัน, วิลเฟร็ด ยอนโต้ เพื่อทำเกมสนับสนุน แพทริค แบมฟอร์ด กองหน้าตัวเป้า

ด้าน เอริค เทน ฮาก เฮดโค้ช “ผีแดง” เกมนี้ต้องปรับทีมในตำแหน่งเกมรับเลือก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ลงเป็นเซนเตอร์คู่กับ ลุค ชอว์ แดนกลางไม่มี คาเซมิโร่ ที่ติดโทษแบน ทำให้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ได้ลงเล่นเป็นคู่กองกลางตัวจริงกับ เฟร็ด แทน เช่นเดียวกับ เจดอน ซานโช่ ที่ยิงเกมก่อนได้ลงตัวจริง

เกมครึ่งแรกทั้งสองทีมเปิดเกมรุกแลกกันสูสี มีโอกาสลุ้นประตูพอๆ กัน แต่ก็ยังไม่เฉียบคมพอทำให้ครบ 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0

กลับมาครึ่งหลังเกมยังสนุกสูสีนาที 65 ทีมเยือนเกือบขึ้นนำ ชอว์ เก็บบอลกลับมาให้ การ์นาโช่ ที่ไหลต่อให้ เฟร็ด ที่หน้าเขตโทษก่อนส่งให้ ดาโลต์ ซัดไกลเยื้องหน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวาไปชนคานอย่างจัง

จนแล้วจนรอดนาที 80 ก็มีประตูแรกจนได้ ชอว์ เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายก่อนโยนบอลไปให้ แรชฟอร์ด โหม่งเข้าประตูไป แม้จะมีการเช็ก VAR ว่าล้ำหน้าหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีการเปลี่ยนคำตัดสินส่งผลให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0

เท่านั้นไม่พออีก 5 นาทีต่อมา “ผีแดง” ตัดบอลได้กลางสนามก่อนทำชิ่งส่งต่อให้ เว็กฮอร์สต์ เบิ้ลให้ การ์นาโช่ ทะลุเข้าไปในเขตโทษก่อนยิงผ่นมือ เมสลิเยร์ ตุงตาข่ายให้่ทีมหนีห่าง 2-0

นาทีสุดท้ายทีมเยือนส่งบอลเข้าประตูอีกครั้งจาก แรชฟอร์ด ที่โฉบมายิงเสาแรกเข้าไป ทว่ามีการเช็ก VAR แล้วโดนจับล้ำหน้าเสียก่อน เช่นเดียวกับลูกยิงของ เว็กฮอร์สต์ ที่ยิงจ่อๆ เข้าไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาชนะ ลีดส์ 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 46 คะแนนแซง แมนฯ ซิตี้ ที่แข่งที่หลังขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูงแล้ว

ตัวเต็งแล้วไง : 5 ทีมยุโรปพ่ายศึกชิงแชมป์สโมสรโลก

ตัวเต็งแล้วไง : 5 ทีมยุโรปพ่ายศึกชิงแชมป์สโมสรโลก