ครั้งหนึ่ง ออสการ์ บอร์ก เคยร่วมเล่นกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด, ดีเคลน ไรซ์ และ สก็อต แม็คโทมิเนย์ แต่ในขณะที่ทั้ง 3 คนนั้นกำลังค้าแข้งอยู่ในพรีเมียร์ลีก บอร์กกลับห่างไกลจากหนทางกลับไปเล่นฟุตบอลระดับสูงเข้าไปเรื่อยๆ
กองหลังชาวเมืองเซอร์ลี่ย์ที่เคยอยู่กับ เวสต์แฮม และ แอสตัน วิลล่า มาก่อน แถม เขาเคยมีโอกาสได้เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 และได้ใช้เวลาร่วมกับทีมในช่วงพรีซีซั่นด้วย
แต่การย้ายทีมอย่างเป็นทางการก็ไม่เคยเกิดขึ้น และอีก 6 ปีต่อมา เขากำลังค้าแข้งอยู่กับ อาเรนาส คลับ เด เกตโซ่ ทีมจากลีกระดับ 3 ในแดนกระทิง หลังย้ายไปร่วมทีมจากแคว้นบาสก์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ก่อนกลายเป็นแข้งพเนจรอีกรายของวงการเรียบร้อย
เพราะเหตุใด ทำไมแข้งที่เคยเป็นที่ต้องการของยอดทีมจากอังกฤษ ต้องระหกระเหินไปจนกลายเป็นแข้งพเนจร UFA ARENA จะพาทุกท่านไปหาคำตอบผ่านบทความนี้กัน
ช่วงเวลาอันแสนสั้นในทีมปีศาจแดง
“ตอนที่ผมอยู่กับ เวสต์แฮม แมนยูไนเต็ดได้ติดต่อสโมสรว่าพวกเขาสนใจคว้าตัวผมไปร่วมทีม” ออสการ์ บอร์ก กล่าว “การได้รับการติดต่อจากสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก”
“มันเป็นวันแรกของช่วงปรีซีซั่น ดังนั้นผู้เล่นจากทีมชุดใหญ่ทุกคนจึงอยู่ที่นั่นด้วย และ ฆวน มาต้า ก็เข้ามาหาและอวยพรให้ผมโชคดี”
“ในฐานะเด็กอายุ 16 ปี การที่มีคนระดับนั้นมาพูดคำพวกนี้เป็นอะไรที่ผมคงทำได้แค่เฝ้าฝันถึงเท่านั้น”
แข้งชาวอังกฤษได้เล่นร่วมกับ แรชฟอร์ด, แม็คโทมิเนย์ และ อั๊กแซล ตวนเซเบ้ ในรายการที่ยูไนเต็ดส่งผู้เล่นชุดเล็กคว้าแชมป์ มิลค์ คัพ ในประเทศไอร์แลนด์เหนือ และฟอร์มการเล่นของเขาก็ดีพอที่จะทำให้ปีศาจแดงเสนอสัญญาาถาวรให้
“หลังจากทัวร์นาเม้นต์นั้น พ่อแม่และผมนั่งคุยกับสโมสร และ ยูไนเต็ดก็บอกผมว่า พวกเขาคงไม่ปล่อยให้ผมเดินออกประตูไปโดยไม่เซ็นสัญญาแน่ๆ นั่นทำให้ผมปลาบปลื้มจริงๆ”
อย่างไรก็ตาม การเซ็นสัญญาดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ บอร์ก ยังไม่เข้าใจมาจนถึงตอนนี้
“ไม่มีการบอกกล่าวว่ามีเรื่องผิดปกติอะไรเกิดขึ้น และไม่มีใครมาอธิบายเรื่องนี้กับผมแม้แต่คนเดียว” บอร์กในวัย 22 ปีเล่าต่อ
“เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อยู่แล้วในวงการฟุตบอล และผมก็กลับไปเวสต์แฮม ที่ที่ผมต้องมุ่งมั่นที่สุด เพราะไม่มีเรื่องอื่นมากวนใจแล้ว”
โยกย้ายไปวิลล่า
แม้ว่าบอร์กจะเติบโตขึ้นมาจากอคาเดมี่ของทีมขุนค้อน ซึ่งมี สตีฟ พ็อตส์ ตำนานแข้งของสโมสรเป็นผู้ฝึกสอน เขาก็พอรู้ว่าที่นี่ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนมากพอในการขึ้นไปเล่นกับชุดใหญ่ได้
ดังนั้น ออสการ์ บอร์ก ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของ ไรซ์ และ เกรดี้ เดียกาน่า ในสโมสรจากลอนดอน จึงย้ายไปร่วมทีมแอสตัน วิลล่า ซึ่งเป็นที่ที่เคยไปทดสอบฝีเท้าตอนอายุ 14 ปี
“พวกเขาต้องการจะเซ็นผมไปร่วมทีม แต่ตอนนั้นผมอายุ 14 ปี และยังไม่คิดว่าผมควรจะย้ายออกจากบ้านในวัยขนาดนี้ วิลล่า บอกผมว่าพวกเขาเฝ้าดูพัฒนาการของผมตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นผมจึงยินดีมากที่เซ็นสัญญากับเขา”
“ตอนนั้นเป็นช่วงจบฤดูกาล 2015-16 ซึ่งพวกเขาตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกพอดี นั้นทำให้ผมคิดว่าผมอาจได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่บ้างแล้วล่ะ”
ทว่าโอกาสเหล่านั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อ บอร์ก ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บในปีต่อมา
“มันควรจะเป็นฤดูกาลที่ผมแจ้งเกิด แต่ผมไม่ได้เสียใจที่อยู่กับสโมสรใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลกหรอกนะ”
“ผมรักษาทัศนคติด้านบวกต่อไป เพราะถ้าผมมัวแต่จมอยู่กับสิ่งนั้น มันอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจและผลงานในสนามได้”
จากทีมนอกลีกสู่แดนกระทิง
บอร์กอยู่กับ ‘สิงห์ผงาด’ ได้ราวๆ 2 ปี ก็ถูกปล่อยตัวออกมาในซัมเมอร์ปี 2018 แต่เกือบได้ย้ายไปร่วมทีมบอร์นมัธแล้ว ก่อนที่ ‘เดอะ เชอร์รี่ส์’ จะหันไปคว้า ดีเอโก้ ริโก้ แบ็คซ้ายชาวสแปนิชมาร่วมทีมแทนในวันเส้นตายพอดี
หลังไร้สังกัดให้พักพิง ออสการ์ บอร์ก ก็ยังรักษาความฟิตของตนเองอยู่เสมอ และเลือกย้ายไปเล่นให้กับ แบรนทรี ยูไนเต็ด สโมสรจาก เนชั่นแนล ลีก ทางตอนใต้ของอังกฤษ ในเดือนธันวาคม โดยได้ลงสนามไปทั้งสิ้น 16 เกม
แต่หลังจากที่เขาอยู่กับ แบรนทรี่ได้ 8 เดือน ก็ตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งในกับทีมในฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสเปนแทน โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นผ่านตัวแทนของบอร์ก ซึ่งเป็นการย้ายทีมที่สร้างความกระตือรือร้นให้เขามากๆ
“ผมคว้าโอกาสนั้นไว้ทันที” บอร์กกล่าว “การย้ายไปต่างประเทศเป็นบางอย่างที่ผมสนใจมาตลอด และมีคนบอกผมว่า สไตล์การเล่นของผมที่เป็นแบ็คซ้ายเน้นเติมรุกคงเหมาะกับการเล่นในสเปนไม่น้อย”
“ผมกำลังเรียนรู้ภาษาสเปน แต่ไม่ใช่ภาษาบาสก์ แม้แต่คนท้องถิ่นยังมีปัญหากับภาษานี้เลย เพราะมันยากมากจริงๆ”
“สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับฟุตบอลก็คือมันเป็นภาษาสากลที่อยู่ในสนาม”
“ผมพยายามจดจำคำต่างๆ และมันทำให้ผมเข้าใจถึงนักเตะต่างชาติที่ย้ายมาเล่นในอังกฤษที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับทีมให้ได้”
อาเรนาส ณ ตอนนั้น มีอดีตกองกลาง มายอร์ก้า อย่าง ฮาเวียร์ โอไลโซล่า เป็นกุนซือ และกำลังทำทีมสู้ศึกอยู่ในเซกุนก้า บี แต่สถานการณ์ของทีมไม่ดีเท่าไหร่ หลังแพ้ไป 3 จาก 4 เกมหลังสุด รั้งอันดับรองบ๊วยของกลุ่ม 3
โดยจุดเริ่มต้นมาจากการที่พวกเขาแพ้ให้กับ แอธเลติก บิลเบา ชุดบี ไป 2-1 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่อย่างน้อย บอร์กเองก็กลับมารู้สึกดีอีกครั้ง เพราะเขาได้เล่นแบบเต็ม 90 นาทีในเกมนั้นด้วย
“มันเยี่ยมมากที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ การได้ฝึกซ้อมเป็นเรื่องที่ดี แต่มันไม่สามารถทดแทนการลงเล่นในเกมจริงๆได้เลย”
“ผมได้พูดคุยกับผู้จัดการทีมในเรื่องที่ลึกขึ้นเกี่ยวกับตำแหน่งฟูลแบ็ค เพราะเขาก็เคยเล่นตำแหน่งเดียวกับผมเหมือนกัน”
“ผมอยู่กับเพื่อนร่วมทีม 2 คน อูไน เอร์นานเดซ และ โทนี่ เฟรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะนั่นทำให้ผมได้มีพบปะกับเพื่อนในช่วงเย็น และสามารถถามพวกเขาได้ทุกเรื่องที่เกียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมหรือช่วงฝึกซ้อม”
ทีมชาติที่เฝ้าฝัน
ปัจจุบัน ออสการ์ บอร์ก กำลังค้าแข้งกับ ฮาเวอร์ฟอร์ดเวสต์ เคาน์ตี้ สโมสรกึ่งอาชีพของในเวลส์เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2023 ที่ผ่านมา
โดยช่วงก่อนหน้านั้น เขาเล่นให้กับ สตยาร์นาน และ ฮูก้า 2 สโมสรจากลีกไอซ์แลนด์ ช่วงระหว่างปี 2021-2022 หลังเป็นแข้งไร้สังกัดนาน 9 เดือน ตอนที่แยกทางกับ อาเรนาส สโมสรลีกกระทิงกลางปี 2020
ด้วยการที่มีเชื้อสายเป็นชาวมอลต้า ทำให้ บอร์ก รอฟังโอกาสจาก สมาคมลูกหนังของ มอลต้า อยู่ หลังจากที่เขาทราบว่าตนเองมีสิทธ์ลงเล่นให้ประเทศที่อยู่ในหมู่หมู่เกาะเมดิเตอร์เรเนียน
แม้ว่าต้องถอยหลังไปไกลแค่ไหน บอร์กก็ยังมีคุณสมบัติสามารถเล่นให้ทีมชาติตุรกีได้ ต้องขอบคุณยายของเขาที่เป็นคนอิสตันบูลโดยกำเนิด ซึ่งช่วยให้ชีวิตค้าแข้งของบอร์กมีโอกาสที่ดีมากขึ้น
“ผมไม่อิจฉานักเตะที่เคยเล่นด้วยกันและมีโอกาสไปโผล่ในพรีเมียร์ลีกหรือในเกมระดับทีมชาติ เพราะเราทั้งหมดต่างได้รับโอกาสเดียวกัน และ เราทั้งหมดต่างทำงานหนักเพื่อสิ่งนั้น”
“มันทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น การได้รู้ว่าผมเคยซ้อมวันแล้ววันเล่ากับพวกเขา ทำให้ผมรู้ว่าตนเองมีความสามารถพอที่เล่นในระดับไหน”
“มันขึ้นอยู่กับตัวผมเองว่าจะคว้ามันได้หรือไม่ พ่อของผมมักพูดเสมอว่า ‘เรื่องดีๆไม่ได้โผล่มาง่ายๆ’ ดังนั้นผมจะมุ่งมั่นทำงานหนักต่อไป”