เนเธอร์แลนด์ ทำผลงานได้สมกับเป็นตัวเต็งแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ หลังเอาชนะ สหรัฐอเมริกา ได้แบบไม่ยากเย็นด้วยสกอร์ 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นอกเหนือจาก เดนเซล ดุมฟรี่ส์ ที่โชว์ฟอร์มเด่นสุดกับการทำ 1 ประตู และ 2 แอสซิสต์ นี่ยังเป็นวันที่น่าจดจำของ เมมฟิส เดปาย ด้วย หลังทำประตูที่ 43 ในนามทีมชาติได้ แซงหน้า คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ขึ้นไปรั้งอันดับดาวซัลโวตลอดกาลอันดับ 2 ของ ‘อัศวินสีส้ม’ เรียบร้อย
ว่าแต่อีกไกลแค่ไหนที่ กองหน้าจาก บาร์เซโลน่า จะก้าวขึ้นไปเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีม ‘ออรันเย่’ UFA ARENA ขอพาไปพบกับ 10 ดาวซัลโวตลอดกาลในประวัติศาสตร์เนเธอร์แลนด์ผ่านบทความนี้กัน
10.โยฮัน ครัฟฟ์ (33 ประตู)
ไม่มีใครปฏิเสธว่า โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นหนึ่งในตำนานวงการฟุตบอลของเนเธอร์แลนด์ ที่ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีมด้วย พร้อมเป็นแรงบันดาลใจให้กับฟุตบอลดัตช์ในยุคถัดๆมา ร่วมไปถึงฟุตบอลทั่วโลกด้วย
โดยเจ้าของฉายา ‘ดาวเตะเทวดา’ เคยพา ‘อัศวินสีส้ม’ ไปไกลถึงนัดชิงชนะเลิศในปี 1974 แต่ก็พ่ายให้กับ เยอรมันตะวันตก 2-1 และจริงๆเขาควรมีส่วนร่วมในฟุตบอลโลกปี 1978 ด้วย แต่ด้วยเหตุผลความสงบด้านการเมืองในอาร์เจนติน่า ประเทศเจ้าภาพ อีกทั้งการที่ครอบครัวของเขาถูกข่มขู่ด้วยการลักพาตัว ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจลาทีมชาติในปี 1977 โดยลงเล่นไปทั้งหมด 48 นัด ซัดไป 33 ประตู
9.เอ็บ เลนสตรา (33 ประตู)
เชื่อว่าแฟนบอลพันธ์แท้ของ เฮเรนวีน ไม่มีทางไม่รู้จัก เอ็บ เลนสตรา กองหน้าตำนานของสโมสรช่วงยุคกลาง 30 ถึงปลายยุค 50 โดยเขาเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่สามารถยิงประตูได้ทั้งในเกมประเดิมสนามและนัดสุดท้ายกับทีมชาติด้วย
แม้กับทัพ ‘อัศวินสีส้ม’ อดีตแข้งผู้ล่วงลับในวัย 64 ปี จะไม่ได้ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าบ่อยนัก แต่เขาก็ซัลโวประตูถึง 33 เม็ดจากการลงเล่น 44 นัดเลย
8.รุด ฟาน นิสเตลรอย (35 ประตู)
ช่วงต้นยุค 2000 คือช่วงเวลาของกองหน้าตัวเป้าอย่างแท้จริง และชื่อของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็ถูกยกให้เป็นดาวยิงเบอร์ต้นๆในช่วงนั้น หลังฉายแสงกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ร่วมไปถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แม้ไม่สามารถพา เนเธอร์แลนด์ ประสบความสำเร็จในรายการเมเจอร์ได้ แต่พี่ม้าก็แสดงให้เห็นว่าเขามีลีลาการทำประตูที่เด็ดขาดไม่แพ้ใคร หลังพาไป 35 ประตูจาก 70 นัดที่ลงเล่นให้ทีมชาติ โดยช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดในทัพ ‘ออรันเย่’ คือยูโรปี 2004 ที่ซัดไป 4 ประตู แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับ โปรตุเกส ในรอบตัดเชือก ก่อนอำลาทีมชาติหลังจบศึกยูโรปี 2008
7.ฟาน วิลเกส (35 ประตู)
หากพูดถึงค่าเฉลี่ยการทำประตูต่อเกมดีที่สุดในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไม่มีใครยอดเยี่ยมไปกว่า ฟาน วิลเกส อีกแล้ว กับตัวเลข 0.92 ลูกต่อเกม และได้รับการยกย่องอย่างมากในฐานะยอดดาวยิงของชาติช่วงยุค 50-60
แม้ลงเล่นไม่มาก แต่ชื่อของหัวหอกรายนี้มักอยู่บนสกอร์บอร์ดบ่อยๆ โดยลงเล่นไปทั้งหมด 38 นัด ยิงไป 35 ประตู และเคยรั้งดาวซัลโวสูงสุดของ ‘อัศวินสีส้ม’ นานกว่า 39 ปี ก่อนถูกทำลายลงโดย เดนนิส เบิร์กแคมป์
6.อาร์เยน ร็อบเบน (37 ประตู)
แม้ไม่ใช่กองหน้า แต่ว่า อาร์เยน ร็อบเบน ก็ถูกจดจำในฐานะปีกจอมถล่มประตู หลังซัดประตูให้กับ เนเธอร์แลนด์ ไป 37 ตุง จากการลงเล่น 96 นัด โดยเขาพาทีมชาติไปเล่น ฟุตบอลโลก 3 สมัย และศึกยูโรอีก 3 สมัย
ช่วงพีกๆ ปีกดัตช์แมน เป็นที่หวาดหวั่นของแนวรับทั่วโลก กับความเร็วที่พร้อมฉีกคู่แข่งเป็นชิ้นๆ แต่น่าเสียดายที่ อดีตแข้ง บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งประสบความสำเร็จสุดๆในระดับสโมสร ดันไปไม่ถึงดวงดาวกับทัพ ‘ออรันเย่’ หลังพ่ายให้กับ สเปน ในนัดชิงฟุตบอลโลก ปี 2010 โดยที่เขาเป็นคนพลาดจังหวะสำคัญในจังหวะที่ดวลเดี่ยวกับ อิเกร์ กาซิยาส ในเกมนั้น
5.เดนนิส เบิร์กแคมป์ (37 ประตู)
ถึง เดนนิส เบิร์กแคมป์ ไม่ใช่กองหน้าที่ถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในตัวรุกที่อัจฉริยะมากที่สุดเท่าที่วงการฟุตบอลดัตช์เคยมีมา ทั้งความสามารถในการทำประตูที่เหนือชั้น หรือการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูก็เด็ดดวงไม่แพ้กัน
โดยเจ้าของฉายา ‘ไอซ์เบิร์ก’ เป็นคนทำลายสถิติดาวซัลโวสูงสุดในทัพ ‘อัศวินสีส้ม’ ของ วิลเกส ที่อยู่คงกระพันกว่า 39 ปีลงได้ในปี 1998 และทำไป 37 ประตูจาก 79 เกม ก่อนประกาศลาทีมชาติหลังเสร็จภารกิจยูโรปี 2000
4.พาทริค ไคล์เวิร์ต (40 ประตู)
อีกหนึ่งดาวยิงที่โดดเด่นในยุคปลาย 90 กับ พาทริค ไคล์เวิร์ต ที่สร้างชื่อในฐานะแข้งอาแจ็กซ์ชุดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 1995 และประเดิมประตูแรกในนามทีมชาติในปีเดียวกันด้วย หลังเกมดวล มอลต้า
อดีตหอกวัย 46 ปี ขึ้นชื่อเรื่องการทำประตูสำคัญบ่อยๆ ทั้งลูกยิงสุดโด่งดังเกมที่พบ อาร์เจนติน่า รอบ 8 ทีมของบอลโลกปี 1998 หรือประตูตีเสมอ บราซิล ในรายการเดียวกัน พร้อมครองตำแหน่งดาวซัลโวของทีมชาติอยู่ช่วงหนึ่งกับตัวเลข 40 ประตูจาก 79 นัด
3.คลาส แยน ฮุนเตลาร์ (42 ประตู)
คลาส เยน ฮุนเตลาร์ อาจเป็นนักเตะที่หลายคนมองข้าม หลังไม่สามารถทำผลงานได้โดดเด่นเหมือนสมัยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงกับ เฮเรนวีน และ อาแจ็กซ์ แต่อย่างน้อยในทีมชาติ เขาก็เป็นนักเตะที่ยิงประตูได้สม่ำเสมอไม่แพ้ใครเช่นกัน
หลังประเดิมทัพ ‘อัศวินสีส้ม’ ในปี 2006 เจ้าของฉายา ‘เดอะ ฮันเตอร์’ ก็ซัดไป 2 ประตูและ 1 แอสซิสต์ ในเกมพบไอร์แลนด์ ก่อนมีส่วนร่วมกับฟุตบอลโลก และยูโร อย่างละ 2 สมัย พร้อมทำไป 42 ประตูจาก 76 เกม โดยครองดาวซัลโวสูงสุดอันดับ 2 อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนถูก เมมฟิส เดปาย แซงหน้าไปแบบสดๆร้อนๆในบอลโลกที่ กาตาร์
2.เมมฟิส เดปาย (43 ประตู)
ถึงเริ่มต้นในฐานะผู้เล่นริมเส้น แต่ เมมฟิส เดปาย ก็ค่อยๆพัฒนาจนกลายมาเป็นดาวยิงตัวหลักในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งหลังแจ้งเกิดกับ พีเอสวี ในฤดูกาล 2013-14 ก็ถูก หลุยส์ ฟาน กัล เรียกติดทัพ อัศวินสีส้ม ลุยฟุตบอลโลกในปี 2014 และกลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงได้ในทีมชาติด้วย
แม้มีช่วงที่ฟอร์มตก ในตอนที่เล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ ดาวยิงวัย 28 ปี ก็ค่อยๆคืนฟอร์มอีกครั้งกับ โอลิมปิก ลียง และปัจจุบัน เขาก็ยังกลายเป็นดาวยิงตัวความหวังของ ‘ออรันเย่’ หลังเพิ่งยิงประตูที่ 43 ของตัวเองให้กับชาติบ้านเกิด และมีโอกาสไม่น้อยที่เขาจะกลายเป็นดาวซัลโวของ ‘ฟลายอิ้งดัตช์แมน’ ในอนาคตอันใกล้
1.โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (50 ประตู)
หลังเลิกเล่นทีมชาติไปนาน 5 ปีแล้ว แต่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็ยังครองสถิติเป็นดาวซัลโวของทีมชาติเนเธอร์แลนด์อยู่ กับจำนวน 50 ประตูจาก 102 เกม หรือราวๆ 12 ปีที่เขารับใช้ชาติบ้านเกิด
มากไปกว่านั้น อดีตกองหน้า อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์บอลโลกที่ยิงประตูได้ทั้ง เท้าซ้าย,ขวา, ลูกโหม่ง, ฟรีคิก และลูกจุดโทษ กับเวิลด์คัพในปี 2014 ที่ทีมจบอันดับ 3
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ตำแหน่งดาวซัลโวของออรันเย่ น่าจะมีการเปลี่ยนมือในเร็วๆนี้ หลัง เดปาย ยิงตามหลัง RVP แค่ 7 ลูกเท่านั้น