ทีมชาติโมร็อกโก ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน แต่ต้องยอมรับเลยว่า 4 จาก 5 ครั้งที่ผ่านมาของพวกเขาทำได้เพียงหยุดตัวเองเอาไว้ที่รอบแรกเท่านั้น
อีกทั้งตัวแทนจากทวีปแอฟริกา ยังมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจาก วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช มาเป็น วาลิด เรกรากี้ ก่อนที่ศึกเวิลด์คัพจะเปิดฉากขึ้นเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น
นั่นทำให้หลายคนมองว่านี่อาจเป็นอีกครั้งที่พลพรรค ‘สิงโตแอตลาส’ ไปได้ไม่ไกลในบอลโลก แต่จะเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือไม่ UFA ARENA จะพาไปเจาะลึกผ่านบทความนี้กัน
ประวัติศาสตร์ในบอลโลก
โมร็อกโก ผ่านเวทีฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมาแล้ว 5 ครั้งในปี 1970, 1986, 1994, 1998 และ 2018
โดยผลงานดีที่สุดของพวกเขาคือการผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 1986 ส่วนครั้งอื่นๆ จอดป้ายเก็บกระเป๋าทันทีหลังเล่นจบในรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น
เส้นทางสู่กาตาร์
สำหรับเส้นทางการเข้ามาสู่ฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งเป็นเวิลด์คัพสมัยที่ 6 ของโมร็อกโก เริ่มจากการคว้าแชมป์กลุ่ม I ในรอบคัดเลือก รอบสอง โซนแอฟริกา โดยเป็นทีมเดียวที่ชนะ 6 นัดรวด เก็บ 18 คะแนนเต็ม
หลังจากนั้นพวกเขามีโชคเล็กน้อยในการจับสลากรอบเพลย์ออฟที่เจอกับทีมที่ไม่แข็งมากอย่าง ดีอาร์ คองโก ก่อนจะสามารถเอาชนะไปด้วยสกอร์รวมถึง 5-2 ด้วยกัน คว้าตั๋วเตรียมตัวบินไปโชว์ฝีเท้าที่กาตาร์ได้สำเร็จ
ผู้จัดการทีม : วาลิด เรกรากี้
วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช คือกุนซือที่พา โมร็อกโก ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายบอลโลก 2022 อ แต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลโมร็อกโก ตัดสินใจปลดเฮดโค้ชชาวบอสเนียรายนี้ออกจากตำแหน่ง ทั้งที่เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนเท่านั้นก่อนศึกใหญ่จะเริ่มขึ้น
เหตุผลหลักคือความคิดในการเตรียมทีมไม่ตรงกัน ขณะที่สื่อหลายเจ้ามองว่าเกิดจากการที่ไม่เรียก ฮาคิม ซีเยค ติดทีม ก่อนที่แข้ง เชลซี จะรีเทิร์นทีมชาติอีกครั้ง และแต่งตั้ง วาลิด เรกรากี้ เข้ามาทำหน้าที่แทน
โดยกุนซือวัย 46 ปี ซึ่งมีผลงานชิ้นโบแดงคือ การพาสโมสร วีแดด คาซาบลานก้า ผงาดทำดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2021-22 โดยคว้าทั้งแชมป์ลีกโมร็อกโก และแชมป์ทวีปแอฟริกา
ดาวเด่น : อาชราฟ ฮาคิมี่
ขณะที่ขุมกำลังของโมร็อกโกถือว่าไม่ธรรมดา โดยมีผู้เล่นหลายคนที่ฝังตัวอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป อาทิ โรแม็ง ซาอิสส์ (เบซิคตัส) นูสแซร์ มาซราอุย (บาเยิร์น มิวนิค) ซอฟยาน อัมราบัต (ฟิออเรนติน่า) ยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ (เซบีย่า) นาเยฟ อเกิร์ด (เวสต์แฮม) หรือ ฮาคิม ซีเยค ที่กลับมาทีมชาติอีกครั้ง แม้ผลงานกับ เชลซี ดูไม่ดีก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นชูโรงที่สุดของ ‘สิงโตแอตลาส’ ในชุดนี้ น่าจะเป็น อาชราฟ ฮาคิมี่ แบ็คขวาจอมบุกวัย 23 ปีจากปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยดีกรีผ่านการค้าแข้งกับสโมสรดังมาแล้วทั้ง เรอัล มาดริด, ดอร์ทมุนด์, อินเตอร์ มิลาน พร้อมความสำเร็จอีกมากมาย น่าจะทำให้พวกเขาเป็นทีมที่คู่แข่งในกลุ่มประมาทไม่ได้เช่นกัน
ตารางแข่งขัน
โมร็อกโก จะพบกับ โครเอเชีย เป็นเกมแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ในวันที่ 23 พฤศจิกายน จากนั้นต่อด้วยการดวลกับ เบลเยี่ยม ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ปิดท้ายด้วยการพบกับ แคนาดา ในวันที่ 1 ธันวาคม
วิเคราะห์โอกาสเข้ารอบ
จากผลงานครั้งก่อนที่ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย แต่อย่างน้อยผู้เล่นในชุดนั้นก็ได้ประสบการณ์เพิ่มเติมมาในฟุตบอลโลกครั้งนี้ รวมถึงยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ที่กำลังขึ้นมา ทำให้โมร็อกโกชุดนี้ ทำให้แฟนบอลแอบมีความหวังเล็กๆ ในการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไปได้
แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือการผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายให้ได้เป็นครั้งที่สอง และครั้งแรกในรอบ 36 ปี แต่ปัญหาก็คือคู่แข่งร่วมกลุ่มไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะผ่านไปได้ง่ายๆ เพราะมีทั้งอันดับ 3 จากคราวก่อนอย่าง เบลเยียม หรือรองแชมป์เก่า โครเอเชีย และยังมีทีมน่าจับตาอย่างแคนาดาด้วย
แต่คำถามของโมร็อกโกก็คือการเข้ามารับตำแหน่งแบบกระทันหันของเรกรากี้ เพราะฝีมือเขาก็ยังคงเป็นคำถามอยู่ว่าจะสามารถนำทีมในบอลโลก รอบสุดท้ายได้หรือไม่ จากการเตรียมตัวที่กระชั้นชิดแบบนี้