ออสเตรเลีย กลายเป็นทีมขาประจำของฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายไปโดยปริยาย นับตั้งแต่ที่พวกเขาโยกจากโซนโอเชียเนีย มาอยู่ในโซนเอเชีย
พลพรรค จิงโจ้ ไม่มีแข้งซูเปอร์สตาร์ประดับอยู่ในทีม แต่พวกเขาเตรียมใช้ทีมเวิร์คเข้าสู้ และหัวจิตหัวใจพร้อมบู๊เต็มที่ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ทีมที่ใครจะเอาชนะได้ง่ายๆเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การผ่านเข้ามาเล่นบอลโลกที่ กาตาร์ ทัพ ออสซี่ ก็ถูกมองว่าเป็นทีมไม้ประดับที่ไม่น่าไปไกลมากกว่ารอบแรก แต่พวกเขาจะเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ? UFA ARENA จะพาไปเจาะลึก ออสเตรเลีย ผ่านบทความนี้กัน
ประวัติศาสตร์ในบอลโลก
ออสเตรเลีย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาแล้ว 5 ครั้ง โดยเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1974 สมัยที่พวกเขาเป็นตัวแทนจากโอเชียเนีย) ก่อนห่างหายไป 32 ปี จึงได้เล่นบอลโลกอีกครั้งในปี 2006 ซึ่งเป็นช่วงที่ย้ายมาเป็นตัวแทนจากเอเชีย และมีส่วนร่วมยาวตั้งแต่ปี 2010, 2014 และ 2018
ช่วงที่ทีม จิงโจ้ ทำผลงานได้ดีที่สุดในทัวร์นาเม้นต์โลก คือบอลโลกปี 2006 ที่เยอรมนี ด้วยการผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายให้กับ อิตาลี ว่าที่แชมป์โลกในปีนั้น จากจุดโทษช่วงทดเวลาของ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ
เส้นทางสู่กาตาร์
ส่วนฟุตบอลโลก 2022 ทัพ ออสซี่ ต้องลุ้นเหนื่อยกว่าจะได้ตั๋วมาลุยกาตาร์ ทั้งที่พวกเขาควรจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อย เนื่องจากไปพลาดท่าใน 2 นัดสุดท้าย ที่แพ้ให้กับทั้งซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่น จนตกไปเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม B ในรอบคัดเลือก รอบสาม โซนเอเชีย จนต้องไปเล่นเพลย์ออฟ
แต่ก็ยังดีที่พวกเขายังแกร่งพอเอาชนะทั้ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเปรู ในรอบเพลย์ออฟจนคว้าตั๋วมาได้ ทำให้ครั้งนี้มีทีมจากทวีปเอเชียมาร่วมถึง 6 ทีมด้วยกัน
ผู้จัดการทีม : แกรห์ม อาร์โนลด์
แกรห์ม อาร์โนลด์ คือกุนซือคนปัจจุบันของทีมชาติออสเตรเลีย โดยก่อนหน้านี้ เขาเคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 ครั้งในฐานะผู้ช่วยกุนซือ ในศึกเวิลด์คัพ 2006 และ 2010 จนกระทั่งมาถึงครั้งนี้ เฮดโค้ชวัย 59 ปีจะได้นำลูกทีมลงสนามบอลโลกในบทบาทกุนซือใหญ่อย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก
ขณะที่ประสบการณ์ในงานกุนซือของ อาร์โนลด์ ส่วนใหญ่อยู่แค่สโมสรใน ออสเตรเลีย ทั้ง ซิดนี่ย์ ยูไนเต็ด, นอร์ทเธิร์น สปีริต, เซ็นทรัล โคสต์ มาริเนอร์ส กับ ซิดนี่ย์ เอฟซี่ รวมไปถึงเคยคุมทีม เวกัลตะ เซนได ในญี่ปุ่น ไม่แปลกที่เขา จะไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของแฟนบอลเท่าไหร่ ต่อให้คว้าตั๋วไปลุยที่ กาตาร์ ได้ก็ตาม
ดาวเด่น : อารอน มอย
หลังจากหมดยุคของ แฮร์รี่ คีเวลล์, ทิม เคฮิลล์ หรือไมล์ เยดินัก ไป ออสเตรเลียชุดนี้ก็แทบหาสตาร์เด่นไม่ได้เลย โดยเป็นการผสมผสานกันระหว่างนักเตะที่เล่นอยู่ในศึกเอลีก ออสเตรเลีย ผนึกกำลังกับนักเตะที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรในยุโรป
นำโดย แมทธิว เลคกี้ หัวหอกกัปตันทีมจากเมลเบิร์น ซิตี้, แมทธิว ไรอัน (โคเปนเฮเกน) ไบลีย์ ไรท์ (ซันเดอร์แลนด์) ไรลีย์ แม็คกรี (มิดเดิ้ลสโบรห์) อัจดิน ฮรุสติช (เวโรน่า) ทอม โรจิค (เวสต์บรอมวิช) และ อารอน มอย นักเตะที่หลายคนน่าจะคุ้นชื่อมากที่สุดในทัพ จิงโจ้ ชุดนี้
มิดฟิลด์ห้องเครื่องวัย 32 ปีจากเซลติก เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเกมแดนกลางให้กับทีม อีกทั้งเขาเคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาแล้วเมื่อ 4 ปีก่อน โดยลงสนามครบ 90 นาที ตลอดเกมรอบแรกทั้ง 3 นัดของศึกเวิลด์คัพ 2018 ดังนั้นประสบการณ์ของเขาน่าจะช่วยทีมได้เยอะเลย
ตารางแข่งขัน
ออสเตรเลีย จะเปิดสนามพบกับของแข็งที่สุดในกลุ่มอย่าง ฝรั่งเศส ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ตามด้วยดวลกับ ตูนิเซีย อีก 4 วันต่อมาและปิดท้ายด้วยการพบกับ เดนมาร์ก ในวันสิ้นเดือน
วิเคราะห์โอกาสเข้ารอบ
ออสเตรเลีย อยู่ในกลุ่ม D ร่วมกับ ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก และ ตูนีเซีย ซึ่งถือเป็นงานหนักพอสมควรสำหรับของแข้งออสซี่ เนื่องจาก ฝรั่งเศส กับ เดนมาร์ก ถูกยกให้เป็นสองทีมเต็งที่จะได้เข้ารอบของกลุ่มนี้
แม้เกมนัดแรกคงยากที่เอาชนะ ตราไก่ แชมป์เก่า แต่อย่างน้อยในเกมนัดที่ 2 พบตูนิเซีย ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะคว้าชัยได้มากที่สุด ซึ่งหากทำได้ ก็อาจทำให้ ทัพ จิงโจ้ ไปจัดเต็มในเกมพบ เดนมาร์ก เพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไป แต่จะเป็นแบบนั้นหรือไม่ คงต้องไปลุ้นกันถึงสิ้นเดือนนี้