ฝรั่งเศส เดินทางมาศึกฟุตบอลโลก 2022 ในฐานะแชมป์เก่าเมื่อ 4 ปีก่อน และไม่มีปฏิเสธว่าภาระอันหนักอึ้งรออยู่ของพวกเขาคือการป้องกันแชมป์
แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว แต่ที่หนักหนากว่านั้นคือ คำว่า “อาถรรพ์แชมป์เก่า” เพราะว่าตลอด 60 ปีหลังสุดในฟุตบอลโลก ไม่เคยมีแชมป์เก่าทีมใดสามารถป้องกันแชมป์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทัพ ‘ตราไก่’ คงหวังว่าจะเป็นทีมแรกในรอบ 60 ปี ที่ป้องกันแชมป์โลกได้ ทว่าพวกเขาจะแกร่งพอทำแบบได้นั้นหรือไม่ในศึกใหญ่ที่ กาตาร์ UFA ARENA จะพาไปเจาะลึกผ่านบทความนี้กัน
ประวัติศาสตร์ในบอลโลก
ทีมชาติฝรั่งเศส พกพาดีกรี ‘แชมป์เก่า’ ติดตัวมาด้วยที่ กาตาร์ หลังจากพวกเขาได้ฉลองแชมป์โลก เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ต่อจากสมัยแรกเมื่อปี 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ
อย่างไรก็ตาม การป้องกันแชมป์คือเรื่องที่ทัพ ‘ตราไก่’ เคยเผชิญหน้ามาแล้ว และรู้ว่ายากขนาดไหน เนื่องจากพวกเขาก็เป็นแชมป์เก่าอีกรายที่กระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่ม หลังลงเล่นในบอลโลกปี 2002 ก่อนที่แชมป์เก่าในปีต่อมาอย่าง อิตาลี (2006) สเปน (2010) และเยอรมนี (2018) ตกรอบแรกกันทั้งหมดตามรอบพวกเขากันหมด
เส้นทางสู่กาตาร์
ส่วนผลงานในรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 พลพรรค ‘เลอ เบลอส์’ อยู่ในกลุ่ม D โซนยุโรป ซึ่งมีชื่อชั้นเหนือกว่าคู่แข่งร่วมกลุ่มทุกราย ไม่ว่าจะเป็น ยูเครน, ฟินแลนด์, บอสเนีย และ คาซัคสถาน
ไม่แปลกที่พวกเขาจะลอยลำเข้ารอบสุดท้ายมาแบบไม่ยากเย็น หลังจากคว้าแชมป์กลุ่ม D ด้วยผลงานลงสนาม 8 นัด ชนะ 5 เสมอ 3 และไม่แพ้ใครเลย ยิงได้ถึง 18 ประตู และ เสียเพียง 3 ลูกเท่านั้น
ผู้จัดการทีม : ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์
แม่ทัพของฝรั่งเศสยังคงเป็น ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือผู้พาทีมเข้าชิงยูโร 2016 และจากชุดแชมป์โลกเมื่อ 4 ปี ก่อน โดย เดเด้ เข้ามารับงานคุมทัพ ‘เลอ เบลอส์’ ตั้งแต่ปี 2012 นั่นหมายความว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นเวลาครบ 10 ปีพอดิบพอดีสำหรับเขาในทีมชาติ
สื่อหลายสำนักและกูรูลูกหนังหลายคน มองว่านี่อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของ เดส์ชองส์ กับทีม ‘ตราไก่’ หลังมีสัญญาคุมทีมถึงสิ้นปีนี้ พร้อมกับมีข่าวหนาหูว่า ซีเนอดีน ซีดาน อีกหนึ่งตำนานแข้งน้ำหอม ถูกวางไว้ให้เป็นตัวแทนที่จะเข้ามารับช่วงต่อ
เชื่อว่าเจ้าตัวคงหวังว่าจะทิ้งทวนตำแหน่งกุนซือทีมชาติบ้านเกิดแบบสวยๆ ด้วยการคว้าแชมป์ติดต่อกันเป็นสมัยที่ 2 ให้จงได้
ดาวเด่น : คาริม เบนเซม่า
แม้ว่า ฝรั่งเศส ยังมีผู้เล่นตัวหลักหน้าเดิมติดทีมอยู่แล้ว ทั้ง อูโก้ โยริส, อองตวน กรีซมันน์ หรือคิลิยัน เอ็มบัปเป้ อยู่ แต่ก็สร้างดาวรุ่งเข้ามาเสริมได้ตลอด ทั้ง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, ออเรเรียง ชูอาเมนี่ หรือวิลเลี่ยม ซาลิบา เป็นต้น
แต่ผู้เล่นที่คาดว่าจะเป็นคีย์แมนของทัพ ‘ตราไก่’ ในฟุตบอลโลกหนนี้ ต้องยกให้ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงจอมเก๋าจากเรอัล มาดริด ซึ่งระเบิดฟอร์มร้อนแรงในวัย 34 ปี หลังจากกระหน่ำไป 44 ประตูจาก 46 นัดในทุกรายการของซีซั่น 2021-22 จนคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ปีนี้ไปครองแบบไร้ข้อกังขา และหลังกลับมาติดทีมชาติอีกครั้งหลังจากที่ถูกแบนไป 5 ปีครึ่ง เขาซัดไปแล้ว 10 ประตูจาก 16 นัดที่ลงเล่น แสดงให้เห็นเลยว่าเขามีความสำคัญกับทีมมากแค่ไหน
และการได้ประสานงานกับ กองหน้าต่างวัย อย่าง เอ็มบัปเป้ ซึ่งมีความเร็วสุดๆ ยิ่งทำให้ เลอ เบลอส์ เป็นทีมที่มีแนวรุกอันตรายโคตรๆ และเป็นฝันร้ายที่แนวรับคู่แข่งคงไม่อยากเจอแน่นอน
ตารางแข่งขัน
ฝรั่งเศส จะดวลกับ ออสเตรเลีย เป็นเกมนัดเปิดสนามของพวกเขาในบอลโลกวันที่ 22 พฤศจิกายน จากนั้นก็ดวลกับ เดนมาร์ก ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ก่อนปิดท้ายด้วยการพบกับ ตูนิเซีย ในอีก 4 วันต่อมา
วิเคราะห์โอกาสเข้ารอบ
ทีมชาติฝรั่งเศส มีผู้เล่นและชื่อชั้นที่เหนือกว่า ออสเตรเลีย, เดนมาร์ก และ ตูนีเซีย หากไม่พลิกล็อกฟ้าถล่มดินทะลาย ทัพ ‘ตราไก่’ น่าจะตบเท้าเข้ารอบได้ไม่ยากในฐานะแชมป์กลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของฝรั่งเศสอยู่ที่อาถรรพ์แชมป์เก่าอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น แม้โชคดีที่คู่แข่งในกลุ่มไม่ได้หนักหนาเกินฝีมือของพวกเขา และทว่าในรอบน็อคเอ้าท์อะไรก็เกิดขึ้นเช่นกัน
แต่หากทีมของ เดส์ชองส์ ท็อปฟอร์มจริงๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องประหลาดใจเช่นกันที่พวกเขาจะกลายเป็นทีมแรกในรอบ 60 ปีที่ป้องกันแชมป์โลกได้ นับตั้งแต่ที่ บราซิล เคยทำได้ 2 สมัยติดในปี 1958 และ 1962