ฟุตบอลรายการยุโรปที่หลายคนติดตามมากที่สุดอาจจะเป็นศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ว่ารายการรองลงมาอย่างยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ก็น่าติดตามไม่แพ้กันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นับตั้งแต่เปลี่ยนจากยูฟ่า คัพ มาใช้ชื่อนี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 เป็นต้นมา ความน่าสนใจของฟุตบอลถ้วยรองของทวีปก็เพิ่มความเข้มข้มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคุณภาพและความสนุกสนาน
นั่นรวมไปถึงทีมแชมป์แต่ละปีก็มีความหลากหลายมากกว่า UCL หลายเท่า เนื่องจากตลอดหลายปีที่ผ่านมา สโมสรที่ไม่ได้มาจาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรปก็สามารถคว้าแชมป์รายการนี้
ด้วยเหตุนี้ทาง UFA ARENA จะพาทุกท่านไปพบกับ 8 สโมสรที่คว้าแชมป์ยูโรป้าลีกมากที่สุดตั้งแต่อดีตที่ใช้ชื่อเก่าจนถึงยุคปัจจุบัน
เฟเยนูร์ด 2 สมัย (1974, 2002)
ทีมชั้นนำจากเอเรดิวิซี่ทีมนี้เคยเป็นสโมสรระดับยักษ์ใหญ่ทวีป เทียบเคียงกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คู่อริร่วมลีก โดยเฟเยนูร์ดได้ประกาศศักดิ์ดาในถ้วยเล็กเมื่อปี 1974 หลังเอาชนะท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ตัวแทนจากอังกฤษด้วยสกอร์รวม 4-2 ซึ่งในยุคนั้นการแข่งขันนัดชิงยังเป็นระบบเหย้าเหยือนอยู่
หลังจากนั้นอีก 28 ปีผ่านไป เบิร์ต ฟาน มาร์ค ไวค์ ก็พาเฟเยนูร์ดคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพสมัยที่ 2 มาครองด้วยการเอาชนะ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 3-2 พร้อมกับปั้นดาวรุ่งที่ชื่อว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาประดับวงการลูกหนังในเวลาต่อมา
สเปอร์ส 2 สมัย (1972, 1984)
ในฤดูกาล 2018-19 ไก่เดือยทองจะมีโอกาสเข้าไปชิงในฟุตบอลทวีปรายการใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ก่อนพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล ไปในท้ายที่สุด แต่ว่าในถ้วยเล็กอย่าง ยูฟ่า คัพ นั้น สเปอร์สเคยมีโอกาสเข้าชิงถึง 2 ครั้ง พร้อมกับคว้าแชมป์มาครองได้ทั้งหมดด้วย
ทีมจากลอนดอนเป็นสโมสรแรกในยุโรปที่คว้าถ้วยยูฟ่า คัพ เป็นทีมแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการแข่งขันในปี 1971-72 โดยเอาชนะคู่แข่งร่วมประเทศอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตันไปด้วยสกอร์ร่วม 3-2 พร้อมด้วยการเซฟประตูสุดเหนี่ยวหนึบของ แพต เจนนิ่งส์
ส่วนในครั้งที่ 2 นั้น สเปอร์ส ต้องลำบากไม่แพ้ครั้งก่อนๆ เพราะพวกเขาทำได้แค่เสมอกับอันเดอร์เลชท์ทั้ง 2 เกม จนทำให้ทั้ง 2 ทีมต้องยิงจุดโทษขึ้ขาด และตัวแทนจากอังกฤษเป็นฝ่ายที่สังหารจุดโทษได้นิ่งและเด็ดขาดกว่า โดยเอาชนะไป 4-3 ในปี 1984
โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 2 สมัย (1975, 1979)
หลังจากอกหักพ่ายลิเวอร์พูลในปี 1973 ในที่สุด โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ก็ได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้งในนัดชิงปี 1975 กับ ทเวนเต้ ทีมม้ามืดจากฮอลแลนด์ แม้เกมแรกสิงห์หนุ่มทำได้แค่เสมอไป 0-0 คาบ้านของตัวเอง อย่างไรก็ตามในเกมที่สอง สิงห์หนุ่มก็บุกไปถล่มทเวนเต้ถึง 5-1 จากแฮตทริกของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างสวยงาม
ต่อมาในปี 1979 มึนเช่นกลัดบัคได้เข้าชิงเป็นครั้งที่ 2 โดยพบกับ เร้ดสตาร์ เบลเกรด สโมสรดังจากยูโกสลาเวีย (เซอร์เบียในปัจจุบัน) ในครั้งนี้ทีม ‘สิงห์หนุ่ม’ ไม่มีแข้งตัวเก่งอย่าง จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ที่ประกาศแขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะทีมจากเยอรมันสามารถเอาชนะเบลเกรดไปได้ 2-1 คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพไปเป็นสมัยที่ 2
แอตเลติโก้ มาดริด 3 สมัย (2010, 2012, 2018)
แอตเลติโก้ มาดริดเป็นอีกหนึ่งทีมที่เป็นขาประจำในรายการนี้ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 3 ครั้งใน 8 ฤดูกาลหลังสุด โดยในปี 2010 กิเก้ ซานเชส ฟลอเรซ เป็นคนพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปถ้วยแรกเป็นครั้งแรกในสโมสร ซึ่งเป็นปีที่ดีเอโก้ ฟอร์ลัน และ เซร์กิโอ้ อเกวโร่ ประสานงานเข้าขากันอย่างรู้ใจในแดนหน้า
แต่ว่าคนที่ทำให้ ‘ตราหมี’ กลายเป็นยอดทีมของทวีปแบบเต็มตัวคือดีเอโก้ ซิเมโอเน่ อดีตกองกลางพันธ์ดุของทีม หลังเข้ามาปฏิวัติพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก สมัยที่ 2 ในปี 2012 และ สมัยที่ 3 ในปี 2018 พร้อมกับปั้น ราดาเมล ฟัลเกา และ อองตวน กรีซมันน์ ให้เป็นดาวยิงระดับโลกได้ในรายการนี้
อินเตอร์ มิลาน 3 สมัย (1991, 1994, 1998)
ในช่วงยุค 90 ทีม ‘งูใหญ่’ ตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของคู่แข่งอย่าง เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส แบบเทียบกันไม่ติด ไม่ว่าจะเป็นในลีกหรือฟุตบอลทวีป ถึงขั้นเกือบตกชั้นจากเซเรียอาด้วยซ้ำ แต่ว่าสิ่งที่พอจะเยี่ยวยาจิตใจของแฟนๆ ‘เนรัซซูรี่’ ได้คือ ความสำเร็จในฟุตบอลยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 1991, 1994 และ 1998
จริงๆทีมอินเตอร์ มิลานในชุดที่คว้าแชมป์นั้นถือว่าเป็นทีมที่มีนักเตะระดับโลกอยู่ในทีมพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น โลธาร์ มัสเธอุส, อันเดรส เบรห์เม่, เจอร์เก้น คลินส์มันน์, เดนนิส เบิร์กแคมป์, โรนัลโด้ น่าเสียดายที่พวกเขาทำให้กับทีมได้ในช่วงนั้นก็คือมีแค่ฟุตบอลยุโรปถ้วยเล็กเท่านั้น
ยูเวนตุส 3 สมัย (1977, 1990, 1993)
เบียงโคเนรี่เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จในลีกอย่างมากก็จริง โดยคว้าแชมป์เซเรียอาไปแล้ว 35 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดในประเทศ แต่เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว รายการระดับทวีปพวกเขายังห่างชั้นกับเอซี มิลาน คู่แข่งในประเทศอยู่พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้น ‘อิล แทร็ป’ โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ก็พายูเวนตุสคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพในปี 1977 ได้อย่างสวยงาม
ช่วงปลายยุค 80 ทีมม้าลายห่างหายจากความสำเร็จไปพักใหญ่ จนกระทั่งดิโน่ ซ็อฟฟ์ อดีตนายทวารของทีมพายูเวคว้าแชมป์รายการนี้ได้ในปี 1990 จากนั้นอีก 1 ปีถัดมา ตราปัตโตนี่ก็กลับมาคุมทีมจากตูรินเป็นรอบที่ 2 พร้อมกับพาทีมคว้าถ้วยนี้อีกครั้งในปี 1993 พร้อมกับด้วยดาวดังมากมายอย่าง อันโตนิโอ้ คอนเต้, โรแบร์โต้ บัจโจ้, จานลูก้า วิอัลลี่, ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ หรือ แอนเจโล่ เปรุซซี่
ลิเวอร์พูล 3 สมัย (1973, 1976, 2001)
ช่วงยุคปี 70-80 หงส์แดงคือทีมอันดับต้นๆในทวีปยุโรปอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาสามารคว้าแชมป์ถ้วยยูโรเปี้ยน ลีกมาครองได้ถึง 4 ครั้ง และถึงแม้จะพลาดถ้วยใหญ่ไป แต่ถ้วยเล็กอย่าง ยูฟ่า คัพ เร้ด แมชชิน ก็ฟาดไปนิ่มๆถึง 2 ครั้งในปี 1973 และ 1976 ที่มีเควิน คีแกน เป็นดาวเด่นประจำทีม
ในฟุตบอลโมเดิร์น ลิเวอร์พูลก็สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้เช่นกันในปี 2001 หลังเอาชนะม้ามมืดจากสเปนอย่าง อลาเบสไปได้ในช่วงต่อเวลา 5-4 ซึ่งเป็นที่ไมเคิล โอเว่น กองหน้าตัวเก่งของทีมระเบิดฟอร์มเก่งที่สุดในชุดหงส์แดงจนคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาครองในปีนั้นด้วย ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับเรอัล มาดริด อีก 3 ปีถัดมา
เซบีย่า 5 สมัย (2006, 2007, 2014, 2015, 2016)
แม้ทีมอื่นในลิสต์อาจจะคว้าแชมป์รายการอื่นๆได้มากกว่าพวกเขา แต่ไม่มีทีมไหนในยุโรปที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพหรือ ยูโรป้า ลีก ไปมากกว่า เซบีย่าอีกแล้ว โดยพวกเขาเริ่มสร้างชื่อในทวีปในยุคของ ฮวนเด้ รามอส ในปี 2006 หลังเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรห์ไป 4-0 ก่อนที่อีกปีถัดมา มาโนโล่ ฆิมิเนซ กุนซือคนใหม่จะพาเซบีย่าป้องกันแชมป์รายการนี้ได้เป็นทีมที่ 2 ต่อจาก เรอัล มาดริด โดยยิงจุดเอาไปชนะ เอสปันญ่อล คู่แข่งจากสเปนด้วยกันไป 3-1
แต่ปีเซบีย่าไร้เทียนทานที่สุดในรายการนี้ก็คือ ยุคที่อูไน เอเมอรี่ เข้ามากุมบังเหียน ตั้งแต่ปี 2013 และทำให้พวกเขาเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกได้ 3 ปีติดต่อกัน โดยเอาชนะจุดโทษเบนฟิก้าได้ในปี 2014, ชนะดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค 3-2 ในปี 2015, และเอาชนะลิเวอร์พูลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ 3-1 ในปี 2016