ในฟุตบอลก็ต่างจากชีวิตที่ช่วงเวลาสำคัญมักมีจังหวะที่เหมาะสมเสมอ เช่นเดียวกับที่ อูไน เอเมรี่ กำลังพบเจอในตอนนี้หลังกลับมารับงานในอังกฤษอีกครั้ง
การที่กุนซือชาวสแปนิช ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แอสตัน วิลล่า นั่นหมายความว่าเขาจะกลับมาทำหน้าที่ในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่โดน อาร์เซน่อล ปลดตำแหน่ง
นี่ถือเป็นโอกาสครั้งใหม่ที่ เอเมรี่ จะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในลีกแดนผู้ดี ประเทศที่เขารู้สึกว่ายังมีธุระที่ยังต้องสะสางอยู่ แต่คำถามหลักๆก็คือเขาจะทำมันได้หรือไม่กับ ‘สิงห์ผงาด’ หลังจากนี้เป็นต้นไป?
ช่วงเวลาที่เหมาะสม
จริงๆแล้ว เอเมรี่ น่าจะได้รีเทิร์น พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาแล้ว หลังได้รับข้อเสนอจาก นิวคาสเซิ่ล ที่เพิ่งปลด สตีฟ บรูซ พ้นตำแหน่ง แต่เขากลับเลือกปฏิเสธ ก่อนพา บียาร์เรอัล ไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และพ่ายให้ ลิเวอร์พูล ในรอบนั้น
ข้อเสนอของ ‘สาลิกาดง’ มาในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะ กุนซือชาวสแปนิช กำลังไปได้สวยกับ ‘เรือดำน้ำสีเหลือง’ อีกทั้งทำให้เขาได้ใช้เวลาร่วมกับลูกชายมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้เลยในงานกุนซือครั้งก่อนๆ
อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น และการขาดหายบางสิ่งบางอย่างใน บียาร์เรอัล ฤดูกาลนี้ หมายความว่าทีมอาจมาถึงทางตัน และถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความสดใหม่อีกครั้ง
แต่นั่นจะกลายเป็นหน้าที่ของคนอื่นเรียบร้อย เนื่องจากเขากำลังเตรียมตัวภารกิจล่าสุดของเขาเพื่อพิสูจน์ว่าเขาสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน หากได้รับโอกาสที่เหมาะสม บางสิ่งที่เขารู้สึกว่าถูกปฏิเสธที่ อาร์เซน่อล มาตลอด
บอร์ดปืนแทบไม่เคยหนุนหลัง
ความน่าประทับใจอาจมีไม่มากในช่วงที่เขาทำหน้าที่กุนซือ ‘ปืนใหญ่’ แต่อย่างน้อยก็มีผลงานที่จับต้องได้เช่นกัน หนึ่งในนั้นคือการที่เขาพาทีมไม่แพ้ใคร 22 เกมในฤดูกาลแรกกับสโมสร รวมถึงการพาทีมจากลอนดอนไปชิงรอบชิงชนะเลิศของ ยูโรป้าลีก ด้วย แม้สุดท้ายพ่ายให้กับ เชลซี ก็ตาม
อย่างไรก็ดี กุนซือวัย 50 ปี ไม่เคยรู้สึกว่าเขามีอำนาจที่พึ่งมีในการตัดสินใจที่จำเป็นเพื่อพาพวกเขาไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม อีกทั้งไม่ได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบนในการเผชิญหน้ากับผู้เล่นสำคัญบางคนที่นั่น
แม้ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล จะเปิดประตูบานนั้น แต่กลับมันเกิดขึ้นในตอนที่ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมที่เข้ามาแทนที่เขา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบอร์ด ต่างจากที่ เอเมรี่ เคยได้รับอยู่มากโข
ณ ตอนนี้ กุนซือเลือดกระทิง เข้ามาคุม แอสตัน วิลล่า ด้วยวัยวุฒิที่มากขึ้น, สุขุมมากขึ้น พร้อมด้วยฝีมือและประสบการณ์ที่มากขึ้นกว่าสมัยที่โดน ปืนใหญ่ ปลด หลังพา บียาร์เรอัล คว้าแชมป์ยูโรป้าลีก รวมไปถึงไปเล่นในฟุตบอลยุโรปด้วย
โค้ชที่ฉลาดเลือกมักจะเลือกคุมทีมที่ฟอร์มไม่ดี มากกว่าที่ทีมที่ทำผลงานได้ดีสุดๆ แต่ในเกมล่าสุดที่เปิด วิลล่า ปาร์ค ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 4-0 ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรื่องนี้ที่มีผลอย่างมากเช่นกัน
แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขาเลือกมาที่ วิลล่า เนื่องจากชิ้นส่วนทั้งหมดเข้าที่แล้ว อีกทั้ง แลนเดร์ ผู้เป็นลูกชายก็สนับสนุนให้เขารับข้อเสนอนี้ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เขารู้มา 2-3 วันแล้ว จากฮอร์เก้ เมนเดส เอเย่นต์คนดัง
บทใหม่กับการพิสูจน์ตัวเอง
บียาร์เรอัล รู้อยู่เสมอว่า เอเมรี่ ยังคงอยากจะลองเสี่ยงโชคอีกครั้งในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงใส่ค่าฉีกสัญญาจำนวน 6 ล้านยูโร (5.2 ล้านปอนด์) ในสัญญาของเขาเป็นค่าชดเชย
ทุกอย่างเกี่ยวกับการย้ายครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่เหมาะเจาะถูกต้องสำหรับกุนซือชาวสแปนิช ภาษาอังกฤษของเขา ที่เคนถูกเยาะเย้ยมากตอนสมัยคุม อาร์เซน่อล โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ทีมแพ้ เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจ เพราะเขารู้อยู่เสมอในบางจุดในอาชีพ ว่าเขาจะต้องเริ่มพูดภาษาอังกฤษอีกครั้ง และเวลานั้นคือตอนนี้
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่เขาเห็นในทัพ ‘สิงห์ผงาด’ ชุดนี้ คือศักยภาพที่มีมากมายในทีม ซึ่งมีฐานแฟนๆที่กว้างขวางและภักดีอย่างสุดๆ และทีมที่เขาสามารถพัฒนาได้แทบจะในทันที
อย่างไรก็ตาม การพูดคุยส่วนใหญ่เกี่ยวกับโครงการที่วางแผนไว้และมีความทะเยอทะยานเป็นขั้นเป็นตอน มากกว่าความต้องการประสบความสำเร็จในทันที แผนซึ่งในตัวอย่างแรกหวังว่าจะสร้าง วิลล่า ให้เป็นทีมขาประจำในอันดับครึ่งตารางบน ก่อนค่อยๆผลักดันสิ่งที่ใหญ่และดีกว่า ซึ่ง อดีตกุนซือ ‘เรือดำน้ำสีเหลือง’ ต้องการเวลา แต่เขาก็มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะนำ ทีมจากเบอร์มิ่งแฮม ไปสู่ที่ที่พวกเขาต้องการ
นี่จะเป็นโปรเจ็กต์ที่จะเห็นและรู้จักเขามากขึ้นในฐานะผู้จัดการทีม ในฐานะที่เป็นตัวเลือกแรกของวิลล่าในบทบาทนั้น และคนที่จะมีค่านิยมและข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ในการตัดสินใจครั้งสำคัญ ทุกสิ่งที่เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้มีอย่างเต็มที่ที่ อาร์เซน่อล
ตอนนี้เขาจะพยายามทำในสิ่งที่เขาทำที่บียาร์เรอัล เขาจะพยายามปลูกฝังระเบียบ อัตลักษณ์ และความคิดแห่งชัยชนะแบบเดียวกันนั้น โดยทำให้แน่ใจว่าทีมของเขาจะแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจเท่าที่จะเป็นได้ รวมถึงกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นด้วยความเชื่อที่แท้จริงว่า เมื่อถึงวันของพวกเขา ไม่มีทีมไหนในโลกที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้
แต่ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบที่กุนซือคนใหม่ของ วิลล่า ตั้งใจหรือไม่ คงต้องติดตามกันไปต่อไปยาวๆ