แจ็คผู้ฆ่ายักษ์! อูดิเนเซ่จากทีมหนีตายสู่ตัวแสบบิ๊กทีม

อูดิเนเซ่

ในฤดูกาล 2022/23 ชื่อของอูดิเนเซ่ ถูกพูดถึงไม่น้อยบนเวทีกัลโช่ เซเรียอา กับการเป็นทีมที่เคยอยู่ในระดับกลางไปจนถึงล่างของตารางเมื่อซีซั่นก่อน แต่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้จนเรียกว่าเป็นตัวแสบของบรรดาทีมใหญ่ๆได้เลยทีเดียว

วันนี้ UFAARENA จะพาไปดูว่าพวกเขามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างจากซีซั่นก่อน และแนวทางของซีซั่นนี้เป็นอย่างไรทำไมถึงโหดขึ้นมาได้

 

ความเปลี่ยนแปลงช่วงซัมเมอร์

Sottil explains how Udinese destroyed Mourinho's Roma - Football Italia

หลังจากที่ กาเบรียล ชอฟฟี่ พาทีมรอดตกชั้นมาในซีซั่น 2021/22 ทางสโมสรก็ตัดสินใจแยกทางกับเจ้าตัว ก่อนจะหันไปหา อันเดรีย ซอตติ ผู้จัดการทีมหนุ่มใหญ่วัย 48 ปีเข้ามาทำทีมแทน ซึ่งในช่วงแรกก็มีข้อกังขาอยู่ไม่น้อย เพราะนี้คือการคุมทีมบนลีกสูงสุดครั้งแรกของเขาด้วย แต่ก็ยังพอมีชื่อในการช่วยทีมกู้วิกฤตกลับมาได้กับการคุม อัสโคลี่ ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามการเข้ามาของ ซอตติ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในแง่ของแผนการเล่นที่ยังคงใช้ 3-5-2 เหมือนเดิม แต่ในแง่ของรายละเอียดในเกมมีการใส่รูปแบบการเล่นที่ชัดเจนมากขึ้น ส่วนเรื่องนักเตะในทีมก็เป็นการผสมของนักเตะตัวเก๋าที่เป็นแกนลักอยู่เดิมทั้ง เคราร์ด เดเลเฟว , โรแบร์โต้ เปเรย์ร่า และ มาร์โก้ ซิลเวสตรี้ แม้จะเสียตัวหลักออกไปบ้าง แต่ก็อุดช่องว่างด้วยบรรดาแข้งพลังหนุ่มได้อย่างลงตัว

 

รุกแบบรู้ตัวเอง

Serie A Highlights: Udinese 2-2 Atalanta - Football Italia

การที่เป็นทีมระดับล่างของตารางและผู้จัดการทีมที่ไม่เคยมาโลดแล่นในลีกสูงสุด ประกอบกับคุณภาพนักเตะที่มี พวกเขารู้ดีว่าคงไม่สามารถไปครองเกมใส่ทีมอื่นๆได้ พวกเขาเลยเน้นไปที่การตั้งรับ และรอสวนกลับ โดยจะเห็นได้ชัดจากสถิติการครองบอลที่อยู่ไกลถึงอันดับ 14 จาก 20 อันดับของทีมในเซเรียอา กลับกันในส่วนของการทำประตูพวกเขาเป็นทีมที่ทำประตูจากลูกกลางอากาศได้มากถึง 7 ประตู เป็นอันดับ 1 ร่วมกับทาง นาโปลี

การสร้างเกมของพวกเขาจะใช้การเปิดยาวจากผู้รักษาประตู หรือไม่ก็กองหลังมากกว่า โดยใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของลูกกลางอากาศของกองหน้าตัวเป้าอย่าง เบโต้ ในการโจมตีคู่แข่ง หรือไม่ก็ส่งต่อให้ เดเลเฟว ที่สามารถฉีกไปเล่นริมเส้นได้ ที่จะลุยไปเองก็ได้ หรือถ้าตามแท็คติค ก็คอยดึงคู่แข่งเข้ามาก่อนเปิดเปลี่ยนแกนไปอีกฝั่ง ด้วยการเล่นแบบนี้เองทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ยิงประตูมากสุดเป็นอันดับ 3 ที่จำนวน 19 ประตู หรือ 2.11 ประตูต่อเกม เป็นรองแค่ นาโปลี และ ลาซิโอเท่านั้น

 

กางใยแมงมุมรับ

Makengo not surprised by over-achieving Udinese's fast start - SportsDesk

อย่างที่กล่าวไปว่าอูดิเนเซ่ใช้การตั้งรับแน่นแล้วสวนกลับ ซึ่งแผน 3-5-2 ค่อนข้างเอื้อให้กับแนวทางแบบนี้อยู่แล้ว จากที่เห็นว่าพวกเขาจะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามครองบอลใส่ได้ตามสะดวก แต่พวกเขาจะลงไปรับลึก คอยปิดช่องการส่งบอล ปิดตัวเกมรุก แล้วล้อมกรอบรอแย่งบอลคืนแล้วสวนกลับเร็ว ซึ่งแนวทางดูจะขัดกับฟุตบอลสมัยปัจจุบัน ที่เน้นวิ่งเข้าเพรซซิ่งกันเต็มที่ แต่อูดิเนเซ่ เลือกที่จะปล่อยให้คู่แข่งส่งบอลครองบอลใส่

แต่แนวทางที่ดูเหมือนจะทำให้ตัวเองเสียเปรียบแบบนี้ กลับทำให้พวกเขามีสถิติการโดนล่อเป้าต่ำที่สุดเป็นอันดับ 4 ของลีกแดนรองเท้าบูทในฤดูกาลนี้ แทนที่จะวิ่งเพรซให้คู่แข่งเหนื่อยเหมือนทีมอื่นๆ และผลักภาระไปให้อีกฝ่ายเหนื่อยแทนด้วยการตั้งโซนเกมรับปิดช่องอย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการยืนตำแหน่งจากแผน 3-5-2 ที่จะคอยตั้งรับเป็นชั้นๆมาเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่แดนคู่แข่งที่มีความเข้มข้นน้อย ลงมาถึงแดนกลางที่จะปรับไปยืน 5-3-2 หรือ 5-2-3 โดยจะเป็นกองกลางตัวใดตัวนึงที่จะเป็นตัวฟรีไปช่วยปิดข่อง และด่านสุดท้ายจะเป็นการยืน 5-3-2 ที่จะล้อมหน้าล้อมหลังฝั่งตรงข้ามทันที

 

ส่วนที่น่าห่วง

Verona vs Udinese Prediction, Betting Tips & Odds │3 OCTOBER, 2022

จริงอยู่ที่พวกเขามีจุดเด่นเรื่องบอลยาวแต่การจ่ายบอลสั้นกับพื้นยังถือว่ายังไม่ดีมากนัก นอกจากนี้พวกเขายังเป็นทีมที่สร้างโอกาสทำประตูได้มากถึง 126 ครั้งรั้งอันดับ 6 ของเซเรียอาก็จริง แต่ความห่างกับ โรม่าที่เป็นอันดับ 5 ที่ทำได้ 146 ครั้งแล้วต้องบอกว่าค่อนข้างห่างกันพอสมควร แบ่งเป็นการยิงตรงกรอบ 38 ครั้งและหลุดกรอบถึง 49 ครั้งยังดีที่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ค่อนข้างดี

จนถึงตอนนี้อูดิเนเซ่ ฝ่านด่านทีมใหญ่มาแล้ว 4 ทีมผลก็คือแพ้ เอซี มิลาน 4-2 , ชนะ โรม่า 4-0 , ชนะ อินเตอร์ มิลาน 3-1 และล่าสุดกับการไล่ตามตีเสมอ อตาลันต้า 2-2 นับว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจไม่น้อย พวกเขายิงประตูได้ทุกนัด รวมแล้ว 11 ประตู แต่เสียไปแค่ 5 ประตูเท่านั้น แน่นอนว่ามันเป็นข้อพิสูจน์ได้มากพอแล้วว่าพวกเขาเปลี่ยนไปจากซีซั่นก่อน แต่ก็ยังมีบททดสอบที่รออยู่อีกว่าพวกเขาจะดีพอในการลุ้นตำแหน่งหัวตารางหรือไม่ ในเกมที่มีคิวพบกับ ลาซิโอ(16 ตุลาคม) , นาโปลี (12 พฤศจิกายน) และ ยูเวนตุส (8 มกราคม)

นอกจากนี้ในเรื่องของคุณภาพนักเตะโดยรวมจะสามารถยืนระยะยาวได้หรือไม่หากตัวหลักบาดเจ็บ ต้องมารอดูกันว่า พวกเขาจะรักษาความสม่ำเสมอไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ กับอีก 19 นัดที่เหลือในฤดูกาลนี้

จากโนเนมสู่หัวตาราง! ยูนิโอน เบอร์ลิน การยกระดับแบบก้าวกระโดด

ยูนิโอน เบอร์ลิน