ไม่มีปฏิเสธว่า เซร์คิโอ รามอส เป็นกองหลังเบอร์ต้นๆในศตวรรษที่ 21 หลังประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพมาร่วม 16 ปี
การอ่านเกมที่เด็ดขาด การเข้าสกัดที่แม่นยำ และภาวะผู้นำทำให้ แนวรับวัย 36 ปี ประสบความสำเร็จในทุกรายกที่เขาลงเล่น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นนักเตะที่ทีมฝั่งตรงข้ามเกลียดเข้าไส้เช่นกัน กับลูกตุกติกสุดแพรวพราว รวมไปถึงจังหวะแถมนอกเกม
ไม่แปลกที่เช่นกันที่ ดาวเตะชาวสแปนิช จะได้รับใบแดงบ่อยๆ ซึ่งล่าสุดในเกมที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เสมอกับ นีมส์ 0-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาก็ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม และกลายเป็นใบแดงที่ 28 ในอาชีพค้าแข้ง มากที่สุดเหนือผู้เล่นทุกคนในศตวรรษที่ 21
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาแฟนบอลทุกท่านไปย้อนดู 5 ใบแดงของ รามอส ที่แฟนบอลจดจำได้ขึ้นตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา และขอสปอยล์หน่อยว่าส่วนใหญ่ก็มาจากศึกเอล กลาซิโก้ นั่นแหละ
5.พบ เอสปันญ่อล ปี 2005
หลังสร้างชื่อกับ เซบีย่า ตัวของ รามอส ก็ย้ายมาเล่นกับ เรอัล มาดริด ในปี 2005 ทว่าเขาใช้เวลาเพียง 2 นัดในลีก ก็ได้รับใบเหลือที่ 2 เป็นใบแดงแรกในอาชีพค้าแข้ง ในเกมที่พบกับ เอสปันญ่อล ในลาลีก้า
โดยแนวรับวัย 19 ปี ณ เวลานั้น โดนใบเหลืองไปก่อนในช่วงที่ ‘ราชันชุดขาว’ ตามหลังทีม นกแก้ว จากประตูของ ดานี่ ยาร์เก้ ก่อนที่เขาจะโดนใบเหลืองที่ 2 ในเวลาไม่มีนาทีต่อจากนั้น จึงกลายเป็นการเป็นปิดโอกาสตีเสมอของทีมไปโดยปริยาย
ในเกมนั้น ฮูลิโอ บาปติสต้า ก็เป็นอีกคนที่โดนใบแดงเช่นกัน ส่งผลให้ มาดริด พ่ายเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกันในลีก ก่อนท้ายที่สุดในซีซั่น 2005-06 พวกเขาตามหลัง บาร์เซโลน่า คู่แข่งที่คว้าแชมป์ลีกถึง 12 คะแนน
บางทีอาจเป็นเพราะความไร้ประสบการณ์, ความเลือดร้อน หรือเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้แบ็คขวาหนุ่มถูกไล่ออกจากสนาม แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการโดนใบแดงในครั้งนั้นเลย
4.พบ บาร์เซโลน่า ปี 2010
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกจริงๆที่ รามอส จะโดนใบแดงบ่อยๆ ยามลงเล่นในศึก เอล กลาซิโก้ ซึ่งใบแดงเหล่านั้นก็ส่งผลให้ทีมของเขา พ่ายให้ บาร์เซโลน่า
โดยใบแดงครั้งแรกที่ กองหลังชาวสแปนิช ได้รับในศึก เอล กลาซิโก้ เกิดขึ้นช่วงฤดูกาล 2010-11 โดยได้ใบเหลืองแรก ก่อนไปเตะใส่ ลิโอเนล เมสซี่ อีกครั้งจนเกิดเหตุชุลมุนของผู้เล่นทั้ง 2 ฝั่ง จนกระทั่งไปผลักหน้า การ์เลส ปูโยล ซึ่งถือเป็นใบแดงใบที่ 11 ในอาชีพค้าแข้งของเขา
ท้ายที่สุด บาร์ซ่า จัดการถล่ม คู่ปรับตลอดกาล 5-0 แต่ว่านี่จะเป็นความพ่ายแพ้ 1 ใน 3 ครั้งเท่านั้นในลาลีก้าฤดูกาลนั้น แต่ผลการแข่งขันในเกมนั้นก็ส่งผลอย่างมาก จนทำให้ มาดริด จบด้วยการเป็นรองแชมป์ ตามหลัง บาร์ซ่า อยู่ 4 แต้ม
3.พบบาร์เซโลน่า ปี 2012
ในเอล กลาซิโก้ ฉบับโคปา เดล เรย์ รามอส ก็เคยได้รับใบแดงมาแล้วเช่นกัน ในฤดูกาล 2011-12 ที่ทั้งคู่โคจรมาพบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งหากใครผ่านเข้าไปได้ก็จะกลายเป็นตัวเต็งแชมป์ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายทันที
การที่ บาร์เซโลน่า เอาชนะไปได้ 2-1 ในเลกแรกที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว หมายความว่าฝั่งของ เรอัล มาดริด ต้องทุ่มเต็มที่เพื่อเค้นฟอร์มพลิกชนะให้ได้ในเกมที่ คัมป์ นู และเกมวันนั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นราวกับรถไฟเหาะ เมื่อเจ้าบ้านออกนำไปก่อนถึง 2 ลูก แต่ มาดริด ก็ฮึดตีเสมอเป็น 2-2 ในช่วงห่างกันแค่ 4 นาที
หากฝั่งทีมเยือนสามารถยิงประตูเพิ่มได้อีกลูก พวกเขาจะเป็นฝั่งที่เข้ารอบตัดเชือก ด้วยกฎประตูทีมเยือน แต่แทนที่ กองหลังทีมชาติสเปน จะยิงประตูให้ทีมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เขากลับเผลอใช้ศาสตร์มืดใส่คู่แข่งอีกครั้ง
การศอกใส่ เซร์คิโอ บุสเกสต์ ทำให้อดีตดาวรุ่ง เซบีย่า โดนไล่ออกในเกมวันนั้น ปิดโอกาสของ ‘โลส บลังโกส’ ในทันที ส่วน บาร์ซ่า ที่เข้ารอบรองฯ ก็ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ พร้อมคว้าแชมป์บอลถ้วยแดนกระทิงด้วยการเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา 3-0 ณ สนาม บิเซนเต้ กัลเดร่อน
2.พบ บาร์เซโลน่า ปี 2017
แม้บางครั้งใบแดงของ รามอส จะทำให้ เรอัล มาดริด พบกับความพ่ายแพ้ต่อ บาร์เซโลน่า ในศึกเอล กลาซิโก้ แต่อย่างน้อยในฤดูกาล 2016-17 ใบแดงของเขาก็ไม่ได้ให้ทีมชวดแชมป์ลาลีก้า เหมือหลายๆครั้งที่ผ่านมา แต่อย่างใด
คาเซมิโร่ ยิงประตูให้ ‘ราชันชุดขาว’ ขึ้นไปก่อนในครึ่งแรก แต่ ลิโอเนล เมสซี่ ก็ยิงตีเสมอให้ บาร์ซ่า ในครึ่งหลัง ก่อนพลิกแซงเป็น 2-1 จาก อิวาน ราคิติช ซึ่งในช่วงนั้นเอง แนวรับวัย 36 ปี ก็ได้รับใบแดงไปแบบไม่ต้องอุทธรณ์ใดๆ หลังกระโดดพุ่งเสียบ 2 เท้าใส่ ดาวเตะเบอร์ 10 ของทีมเยือน
แม้ ฮาเมส โรดริเกซ จะยิงให้ มาดริด ตามตีเสมอได้สำเร็จ แต่ช่วงเวลา เมสซี่ ก็มากดประตูชัยให้ บาร์ซ่า ชนะไป 3-2
โชคยังดีที่ บาร์ซ่า ไม่ได้โชว์แกร่งมากนักตลอดทั้งฤดูกาล ทำให้ มาดริด ผงาดคว้าแชมป์ลีกด้วยการมีแต้มเหนือกว่าเพียง 3 คะแนน
1.พบ บาร์เซโลน่า ปี 2014
ฤดูกาล 2013-14 เป็นปีที่ แอตเลติโก้ มาดริด ยกระดับทีมขึ้นมาลุ้นแชมป์ลาลีก้ากับ เรอัล มาดริด คู่ปรับร่วมเมือง รวมไปถึง บาร์เซโลน่า อย่างเต็มตัว ซึ่งดวลกันอย่างเข้มข้นจนกระทั่งช่วงสุดท้ายของซีซั่น
จริงๆ ‘โลส บลังโกส’ มีโอกาสนั่งจ่าฝูงยาวๆ หากพวกเขาสามารถเอาชนะ บาร์ซ่า ได้ในช่วงที่พบกันตอนปลายเดือนมีนาคม และ แข้งวัย 36 ปี ก็คงได้โอกาสชูถ้วยแชมป์อย่างแน่นอน ทว่า ใบแดงของเขาทำให้ทีมต้องเสียแต้มสำคัญให้ทีมคู่ปรับตลอดกาล
9 เกมที่เหลืออยู่ บวกกับการมีแต้มนำ ‘ตราหมี’ อยู่ 3 แต้ม และ 4 แต้มเหนือ บาร์ซ่า พร้อมด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่แพ้ใคร 19 นัดติดในลีก ทำให้ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ แกร่งสุดๆ
เกมเสมอกับอยู่ 2-2 ก่อนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงจุดโทษให้ มาดริด นำเป็น 3-2 ซึ่งเป็นสกอร์ที่ทำให้เจ้าบ้านได้เปรียบสุดๆ ซึ่งหากรั้งสกอร์นี้ได้ก็จะทำให้พวกเขาปิดโอกาสลุ้นแชมป์ของ บาร์ซ่า กลายๆ ด้วยการทำแต้มทิ้งห่างเป็น 7 คะแนน
ทว่า กองหลังตัวเก่งของ มาดริด กลับเสียท่า เนย์มาร์ เมื่อวิ่งไล่บอลก่อนไปขวางจนดาวเตะบราซิลเลี่ยน ล้มลงในเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินมองว่าเป็นการเจตนาขวางการทำประตูในกรอบเขตโทษชัดเจน ก่อนควักใบแดงให้แบบไม่ลังเล
เมสซี่ สังหารจุดโทษไม่พลาด ก่อนบวกเพิ่มอีกประตูให้ ‘เจ้าบุญทุ่ม’ เอาชนะไปได้ 4-3 ลดช่องว่างเหลือแค่แต้มเดียว แต่นั่นกลับเป็นเรื่องดีกว่าสำหรับ แอตฯมาดริด ที่เอาชนะคู่แข่งในวันเดียวกัน ทะยานขึ้นจ่าฝูง จนจบฤดูกาลและคว้าแชมป์ไปครอง ขณะที่ ทีมของ คาร์เล็ตโต้ ดูเสียความมั่นใจไปเยอะจนหล่นมาจบอันดับ 3 ในที่สุด