บรูโน่ ลาจ สิ้นสุดการคุมทีม วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้เพียง 1 ปีเศษๆเท่านั้น หลังเคยทำผลงานเด่นด้วยการพาทีมจบอันดับ 7 ในพรีเมียร์ลีก โดยมีแต้มห่างจากพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกเพียง 5 แต้มเท่านั้น แต่หลังผลงานของทีมก็แย่ลง และทำให้เขาต้องว่างงาน
ชัยชนะแค่เกมเดียวจาก 15 เกมหลังสุด สะท้อนถึงฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำลงชัดเจน ไม่เพียงแต่ วูล์ฟส์ เป็นทีมที่ยิงประตูได้น้อยที่สุดในฤดูกาลนี้ (3) แต่พวกเขายังยิงประตูได้น้อยกว่า เบิร์นลี่ย์ นับตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งเป็นทีมที่ตกชั้นไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้วด้วย
จำนวนประตูที่น้อยนิด กลายเป็นสาเหตุหลักที่ทีมของ กุนซือชาวโปรตุกีส ทำผลงานได้ไม่ตามเป้าในซีซั่นนี้ และเกมพ่าย เวสต์แฮม 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนก็กลายเป็นเกมสุดท้ายของเขากับการทีม ‘หมาป่าแดนผู้ดี’
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปวิเคราะห์จุดที่ ลาจ ทำผิดพลาดไปกับการคุม วูล์ฟแฮมป์ตัน ในฤดูกาลนี้ จนทำให้เขาต้องอำลาถิ่น โมลินิวซ์ ก่อนกำหนด
แนวทางที่ชวนสับสน
แม้มีเสียงโห่ร้องของแฟนบอลในเกมพ่าย เวสต์แฮม แต่แฟนบอลของ วูล์ฟส์ ก็ยังเชื่อมั่นว่าผลการแข่งขันจะเปลี่ยนแปลง และความสามารถของผู้เล่นในทีมจะสามารถทำให้ทีมพลิกกลับมาชนะได้
ชื่อของ ลาจ ยังถูกตะโกนเชียร์จากแฟนๆ และเกิดขึ้นบ่อยๆในช่วง 2 เกมสุดท้ายในรังเหย้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ขาดแรงสนับสนุนจากแฟนๆแน่นอน
ทว่าเหตุการณ์ในเกมที่ ลอนดอน ทำให้หลายคนรู้สึกว่าถึงจุดจบแล้ว เนื่องจากกุนซือชาวโปรตุกีส ดูงงงวยกับแนวทางของตัวเอง ทั้งการให้ รูเบน เนเวส ดาวเด่นประจำทีม ต้องถอยลงไปเล่นเกมรับ การวาง ดาเนี่ยล โฟเดนซ์ ปีกร่างเล็กไปเล่นเป็นกองหน้า หรือวาง เนลสัน เซเมโด้ ไปเล่นเป็นปีก จนทีมไม่สามารถเล่นได้ตามจุดแข็งของตัวเองเลย
ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา กุนซือวัย 46 ปี ได้รับการหนุนหลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในแง่ของการลงทุนเสริมทัพ ทั้งการคว้า มาเธอุส นูเนส จาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยค่าตัว 38 ล้านปอนด์ หรือ กอนซาโล่ กูเดส จากบาเลนเซีย ที่ค่าตัวถึง 27.5 ล้านปอนด์
แต่ นูเนส ไม่ใช่กองกลางที่มีจุดเด่นในการทำประตู และ กูเดส ก็ยังรอประตูแรกของเขากับสโมสรใหม่ หลังลงเล่นไปแล้ว 8 เกม ซึ่งการแข่งขันตัดสินกันที่การทำประตูของทั้ง 2 ฝั่งอยู่แล้ว ทำให้การตัดสินใจของผู้เป็นกุนซือถูกตั้งคำถามทั้งในและนอกสนาม
การตัดสินใจชวนฉงนทั้งในและนอกสนาม
จุดแรกที่ทำให้ นายใหญ่เลือดฝอยทอง ถูกวิจารณ์ไม่น้อย คือการที่เขาเลือกปล่อย คอเนอร์ โคดี้ กองหลังกัปตันทีมให้กับ เอฟเวอร์ตัน ยืมไปใช้งาน ในฤดูกาลนี้ และการย้ายทีมครั้งนั้นก็จุดประกายความสับสนในรั้ว โมลินิวซ์ มากขึ้นในแต่ละสัปดาห์ต่อมา
เรื่องนี้อาจมีเหตุผลรองรับอยู่ ค่าตัวของ โคดี้ มีแนวโน้มที่จะค่าตัวแตะ 12 ล้านปอนด์ กับนักเตะที่วัยจะแตะ 30 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ และการคว้า นาธาน คอลลินส์ กองหลังวัย 21 ปี เข้ามาเป็นตัวแทนก็สมเหตุสมผลในแง่ของธุรกิจ และมีการคาดหวังว่าเขาจะพัฒนาขึ้นมาเป็นตัวหลักได้ในระยะยาว
แต่ถึงแม้ทีมปล่อย โคดี้ ผู้มีความเป็นผู้นำสูง การวางให้ คอลลินส์ เล่นในระบบกองหลัง 4 คน ก็ดูไม่เหมาะสมกับเขาเท่าไหร่ เนื่องจากเล่นในแผนหลัง 3 คนเป็นหลักสมัยอยู่ เบิร์นลี่ย์ โดยเฉพาะการโดนใบแดงในเกมพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนถูกแบนยาว 3 เกม ยิ่งทำให้ วูล์ฟส์ ดูย่ำแย่ไปใหญ่
อีกทั้งการปล่อย วิลลี่ โบลี่ ไป แต่ ลาจ ก็ยังขาดความเชื่อมั่นใจผู้เล่นดาวรุ่ง ทั้ง โตตี้ โกเมส และ เยร์สัน มอสเกร่า จนต้องใช้ เนเวส ลงไปเล่นกองหลังแทน ด้วยฝีเท้าของกองกลางทีมชาติโปรตุเกส ก็มองได้ว่าเขาทำผลงานได้ดีพอตัว แต่นั่นก็ชี้ถึงการวางแผนที่ย่ำแย่ของผู้เป็นกุนซือด้วย
และถึงกระนั้น ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวจากปัญหาในเกมรุก เพราะก่อนเกมเจอ แมนฯซิตี้ ใน โนลินิวซ์ พวกเขาคือทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่การขาดประตูส่งผลให้กุนซือชาวโปรตุกีส ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ชวนลำบากสุด
3 ประตูจาก 8 เกมในฤดูกาลนี้ หรือ 10 ลูกจาก 16 เกมนับตั้งแต่เดือนเมษายน ตัวเลขดังกล่าวทำให้ วูล์ฟส์ ถอยหลังลงคลอง และยามที่พวกเขาตามหลังคู่แข่ง โอกาสกลับมาสู่เกมก็ดูห่างไกลเหลือเกิน
มากไปกว่านั้นการตัดสินใจปล่อย ฟาบิโอ ซิลวา ให้ย้ายไปเล่นกับ อันเดอร์เลชท์ ยืมไปใช้งานก็ถูกวิจารณ์เช่นกัน หลังหอกดาวรุ่ง ยิงประตูไปแล้ว 7 ลูก มากกว่าตลอด 2 ปีค้าแข้งในอังกฤษเสียอีก แต่อย่างน้อยนั่นก็มองว่าเป็นการย้ายทีมที่เหมาะสมสำหรับ ซิลวา ในการพัฒนาฝีเท้าเช่นกัน
ปัญหาแดนหน้าที่ยังค้างคา
ลาจ อาจเคยบอกว่าทีมของเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงในตำแหน่งกองหน้า แต่หลายคนก็มองว่า วูล์ฟส์ เคลื่อนไหวช้าเกินไป หลังต้องรอถึงวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายในการหาหัวหอกเข้ามาเพิ่ม เพื่อทดแทน ราอูล ฆิเมเนซ ที่ฟอร์มตกและบาดเจ็บอยู่
กูเดส อาจเล่นเป็นกองหน้าได้สมัยอยู่ บาเลนเซีย แต่ในตอนนี้เขาดูไม่ตัวเลือกที่ดีนัก ส่วน ซาซ่า คาลัดจ์ซิช ที่ขึ้นชื่อเรื่องกระดูกเปราะ ก็เจ็บหนักพักยาวตั้งแต่เกมเดบิวต์กับทีม และ ถ้าดีเอโก้ คอสต้า เป็นตัวเลือกที่ดีจริง ๆ ทำไมวูล์ฟส์ถึงมองหาตัวเลือกอื่นก่อนเขา?
ณ เวลานี้ โพเดนซ์ คือดาวซัลโวของทีม หลังยิงไป 2 ประตูในลีก ยิ่งบ่งบอกชัดเจนว่าปัญหาของทีมคือเกมรุกที่ตื้อตัน ไร้มิติ และการเข้าทำที่สร้างสรรค์หลากหลาย
บางทีนี่อาจเป็นคำถามที่ สก็อตต์ เซลลาร์ส ผู้อำนวยการเทคนิค และ เจฟฟ์ ฉี ประธานสโมสร ต้องหาคำตอบร่วมกัน แต่สำหรับ ลาจ นี่ไม่ใช่ป็นปัญหาของเขาแล้ว แต่จะกลายเป็นปัญหาของกุนซือคนต่อไปที่เข้ามาแทนที่เขาแล้ว
การตกงานในอังกฤษ คล้ายๆกับสิ่งที่กุนซือชาวโปรตุกีส พบเจอสมัยคุม เบนฟิก้า หลังพาทีมคว้าแชมป์ลีก ก่อนฟอร์มตกชนะแค่ 2 จาก 12 นัดจนโดนเด้งพ้นตำแหน่ง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เป็นโค้ชที่ดี จริงอยู่ที่เขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับแฟนบอลเหมือนที่ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ผู้พา วูล์ฟส์ เลื่อนชั้นจากแชมเปี้ยนส์ชิพไปเล่นถ้วยยุโรปทำไว้ แต่เขาก็คนที่มีชื่อเสียงในสโมสร ผู้เล่นหลายคนยินดีกับความตั้งใจของเขาที่จะหารือเกี่ยวกับแนวคิดต่างๆ เพียงแต่ในท้ายที่สุด โอกาสของเขาก็สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้
ชัยชนะเท่านั้นที่จะทำให้ วูล์ฟส์ ขยับหนีจากโซนตกชั้น โดยมีเกมในบ้านพบ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เป็นจุดเริ่มต้นในการคืนฟอร์ม
แม้เป็นทีมที่ดูไร้สมดุล แต่ผู้เล่นทั้งหมดที่มีความสามารถไม่แพ้ใคร ซึ่ง ลาจ อาจมองว่าเขาน่าจะพลิกสถานการณ์ได้หากได้รับโอกาสมากกว่านี้ แต่ วูล์ฟส์ ก็คงสงสัยเช่นกันว่าหากพวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์นี้หรือไม่ หากให้โอกาสกุนซือชาวโปรตุกีสน้อยกว่านี้