นับเป็นเวลาร่วม 15 ปี ตั้งแต่ที่ ฆัวกิน ซานเชซ ลงเล่นให้ทีมชาติสเปนเป็นนัดสุดท้าย แต่ที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้น เขายังคงค้าแข้งในวัยทะลุ 40 ปี แถมทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเกินวัยอีกต่างหากกับ เซบีย่า
ตำนานแข้ง ‘เบติโก้’ เพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบ 41 ปีไปเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา และไม่มีท่าทีว่าจะแขวนสตั๊ดในเร็วๆนี้แต่อย่างใด ทั้งๆที่นักเตะส่วนใหญ่หลายคนในวัยเดียวกันต่างเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพกันไปหมดแล้ว
แม้ความสำเร็จของ ตัวรุกชาวสแปนิช ในช่วง 23 ปีที่ผ่านมามีเพียงแค่แชมป์โกปา เดล เรย์ เท่านั้น ทั้งกับ เบติส และ บาเลนเซีย รวม 3 สมัย แต่ชีวิตค้าแข้งของเขาก็เต็มไปด้วยสีสันและเรื่องราวมากมาย และถือเป็นหนึ่งในแข้งแดนกระทิงที่แฟนบอลต่างรักใคร่ แม้อาจไม่ใช่ในสายตาของแฟนบอลเซบีย่าก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 7 เหตุผลที่ทำให้ ฆัวกิน เป็นตำนานผู้เป็นที่รักของแฟนบอล เบติส ทุกหมู่เหล่าผ่านบทความนี้
ฮีโร่ที่คัมป์ นู
ด้วยอาการบาดเจ็บและอายุอานามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ ฆัวกิน อาจไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ อย่างในฤดูกาล 2018-19 กับ เรอัล เบติส ทว่า กีเก้ เซเตียน มองว่า ปีกตัวเก๋าเหมาะกับการลงเล่นพบ บาร์เซโลน่า ในเกมเยือน พร้อมส่งลงสนามเป็นตัวจริง
แข้งวัย 41 ปี ตอบแทนความไว้ใจของผู้เป็นกุนซือได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการกดประตูที่ 2 ช่วยให้ ‘เบติโก้’ นำห่างทีมของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ 2-0 ก่อนคว้าชัยออกไปจากถิ่น คัมป์ นู แบบเหนือความคาดหมาย ด้วยสกอร์สุดมันส์ 4-3
นี่ถือเป็นช่วงเวลาห่างถึง 14 ปี นับตั้งแต่เขายิงประตูสุดท้ายใส่บาร์เซโลน่าได้ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ เบติส บุกชนะ บาร์ซ่า ได้ถึงถิ่นในรอบ 21 ปีด้วย
ไม่ชอบการวิ่ง
ในสถิติฟุตบอลสมัยใหม่ การวิ่งในสนามถือเป็นตัวเลขที่หลายคนในความสนใจไม่น้อย ซึ่งหลายคนมองว่าสิ่งนั้นแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเท และช่วยสร้างประโยชน์ให้ทีมด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของตำนาน เรอัล เบติส นั่นมีมุมมองว่านักเตะที่มีสถิติเหล่านั้นเยอะๆ อาจไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรในเกมนอกเหนือจากการวิ่งไปมาในสนามเท่านั้น
“เมื่อคุณเห็นสถิติแบบนั้น ทั้งหมดล้วนหมายความว่าบางคนใช้เวลาตลอดทั้งเกมเพื่อวิ่งไล่บอลอย่างเดียว ยิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแย่เท่านั้น” อดีตแข้งทีมชาติสเปน กล่าว
วีรบุรุษศึกเอล กราน ดาร์บี้
One of the biggest derbies in the world is this weekend. El Gran Derbi, Real Betis v Sevilla. It’s always a fun game with a brilliant atmosphere at either stadium.
Here’s a very dramatic video of Joaquin’s winner last year to get you going.
— jack (@toltsky_) November 8, 2019
หลังจากลาทีมไปนาน 9 ปี โดยเล่นกับ บาเลนเซีย, มาลาก้า และ ฟิออเรนติน่า ตัวของ ฆัวกิน ก็กลับมายัง เบติส สโมสรแรกของเขาอีกครั้งในปี 2016
ทีม ‘เบติโก้’ อาจไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นลุ้นแชมป์ แต่ทว่าทุกครั้งที่พบ เซบีย่า ทีมคู่อริร่วมเมืองก็ไม่ต่างจากนัดชิงชนะเลิศสำหรับทีม และนักเตะก็พร้อมจะใส่เต็มที่เกินร้อยเพื่อแฟนบอลเสมอ
แม้แข้งวัย 41 ปี ฟิตไม่พอออกสตาร์ทเป็นตัวจริงและเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้นในเกมดาร์บี้เมืองเซบีย่า เมื่อเดือนกันยายนปี 2018 ได้ แต่เขาก็คนปลุกใจแข้งรุ่นน้องในห้องแต่งตัวก่อนลงสนามในคืนนั้น ก่อนลงสนามในครึ่งหลัง พร้อมทำประตูชัยในเกมนั้นเอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0
อีกทั้งชัยชนะเหนือ เซบีย่า 5-3 ในช่วงฤดูกาล 2017-18 ตำนาน ‘เบติโก้’ ก็เคยลั่นประโยคเด็ดหลังเกมนั้นไว้ว่า “คืนนี้ฉลองกันไม่มีพัก ใครก็ตามที่กลับบ้านก่อนตี 5 ถูกปรับแน่”
สะกดจิตแม่ไก่
นอกเหนือจากการให้สัมภาษณ์ด้วยลีลาและคำพูดปั่นๆผ่านสื่อแล้ว มีหลายอย่างที่แฟนบอลก็ไม่สามารถทำความเข้าใจหรืออธิบายเกี่ยวกับตัวของ อดีตดาวเตะ บาเลนเซีย ได้เช่นกัน
ปีกตัวเก๋าถูกเชิญไปออกรายการ El Hormiguero ทอล์คโชว์ในสเปนบ้านเกิดช่วงหลายปีที่ผ่านมา แทนที่เขาจะโชว์ทักษะเรื่องฟุตบอลอันแสนน่าเบื่อเหมือนที่นักเตะหลายคนเคยทำให้เห็นผ่านจอแก้ว แต่ ดาวเตะ เบติส กลับฉีกแนวไปไกล ด้วยการใช้มือของเขาสะกดจิตแม่ไก่ตัวเป็นๆกลางรายการ
หากใครอยากพิสูจน์ว่าเขาทำได้จริงหรือไม่ ก็คงต้องพิสูจน์ด้วยตาของคุณเองผ่านคลิปวีดีโอดังกล่าวก็แล้วกัน
เลิกกินนมแม่ตอนอายุ 6 ขวบ
การที่นักเตะคนหนึ่งสามารถค้าแข้งอาชีพระดับสูงไปจนถึงอายุ 40 ปีได้ ต้องดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าคนอื่นๆหลายเท่าตัว เช่นที่ ฆัวกิน ทำในตลอดหลายหลายปีที่ผ่านมา
จริงๆตัวของ ตำนาน เบติส รายนี้ ดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นพิเศษมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว และอาจดูประหลาดไปหน่อย แต่เขาก็ยอมรับว่าไม่เลิกกินนมแม่ของตัวเองจนกระทั่งอายุ 6 ขวบ ซึ่งนั่นอาจเป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้เขาแทบไม่เคยเจ็บหนัก และค้าแข้งมานานกว่า 20 ปีก็เป็นได้
มากกว่าแค่ตัวโจ๊กเกอร์
ช่วงที่เป็นดาวรุ่ง ฆัวกิน ถูกยกให้เป็นหนึ่งในดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลสเปน โดย ซิด โลว์ นักข่าวผู้คร่ำวอดในวงการลูกหนังแดนกระทิงของ The Guardian จับเขาอยู่ในทีมแห่งปี เมื่อปี 2002 และ 2005 แถมเกือบได้ย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ในปี 2006
ทว่าเขากลับเลือกย้ายไปเล่นกับ บาเลนเซีย แทน พร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งในทีมแห่งความทรงจำร่วมกับ ดาบิด บีย่า, ฆวน มาต้า และ ดาบิด ซิลบา ที่คว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ ภายใต้การดูแลของ โรนัลด์ คูมัน ในปี 2008 ซึ่งถือเป็นการคว้าแชมป์ถ้วยนี้หนที่ 2 หลังเคยทำได้กับ เบติส ในปี 2004
หลังจากนั้น แข้งชาวสแปนิช ก็ช่วยให้ ฟิออเรนติน่า เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ โคปปา อิตาเลีย ในปี 2014 น่าเสียดายที่จบด้วยการเป็นรองแชมป์ หลังพ่าย นาโปลี ของ ราฟาเอล เบนิเตซ แต่หลังกลับมา ‘เบติโก้’ หนที่ 2 เขาก็คว้าแชมป์บอลถ้วยสเปน กับทีมบ้านเกิดอีกครั้งในรอบ 17 ปี
41 ปีก็ยังไหว
การคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ ในฤดูกาลที่ผ่านมากับ เบติส ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่อันดีที่เขาจะปิดฉากอาชีพค้าแข้งแบบสวยๆ ทว่าเจ้าตัวกลับเลือกต่อสัญญาเล่นในถิ่น เบนิโต้ บีย่ามาริน ไปจนถึงสิ้นฤดูกาล 2022-23
หากย้อนไปในสมัยที่เขาลงเล่นกับทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลก 2002 คงไม่มีใครคิดว่าอีก 20 ปีต่อมา ตำนานของ ‘เบติโก้’ จะยังค้าแข้งต่อไปด้วยความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยมไม่แพ้สมัยหนุ่มเลย