ต้องบอกเลยว่าเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องการออกแบบถ้วยแชมป์ซึ่งมอบให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแมตช์ฟุตบอลนัดประวัติศาสตร์ THE Match Bangkok Century Cup 2022 หลังทีมของ เอริค เทน ฮาก ประเดิมเกมปรีซีซั่นนัดแรกด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พูล 4-0
มีการคอมเม้นกันมากมายเกี่ยวกับการออกแบบตัวถ้วย ซึ่งทำเป็นเคสคอมพิวเตอร์ทรงสนาม ราชมังคลากีฬาสถาน เป็นฐานให้กับถ้วยแชมป์ด้านบน แน่นอนว่าใครเห็นก็คงรู้สึกแปลกประหลาด เพราะที่ผ่านมาเราไม่น่าจะเคยเห็นการทำถ้วยแชมป์จากเคสคอมพิวเตอร์มาก่อน แม้ความตั้งใจของคนออกแบบและผู้จัด ต้องการให้มันมีเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำก็ตาม
ขณะเดียวกันหากเราพูดถึงถ้วยรางวัลในการแข่งขันฟุตบอล มีถ้วยหลากหลายแบบที่มีทั้งความสวยงามและมูลค่าที่ไม่เมินไม่ได้ อย่างเช่นถ้วยฟุตบอลโลก ที่เราคุ้นตา และทำมาจากทองคำถึง 18 กะรัต เป็นหนึ่งในถ้วยรางวัลที่มีมูลค่ามากที่สุดสุดของโลก เลยทีเดียว
เพราะฉะนั้นวันนี้ UFAARENA จะขอพาไปดู 10 ถ้วยรางวัลฟุตบอลที่มีมูลค่ามากสุดในโลก ซึ่งเชื่อว่าหลายคนอาจจะคาดไม่ถึงเกี่ยวกับมูลค่าของถ้วยแต่ละใบแน่นอน
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | มูลค่า 10,000 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : สเตอร์ลิง ซิลเวอร์ และ มาลาไคต์
ขนาด : สูง 104 เซนติเมตร และ หนัก 25 กิโลกรัม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้วย พรีเมียร์ลีก คือรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดบนเกาะอังกฤษ การออกแบบถ้วยรางวัลไดรับแรงบันดาลใจมาจากรูปสิงโตสามหัวในโลโก้ของสมาคมฟุตบอลเมืองผู้ดี
ถ้วยดังกล่าวทำจาก สเตอร์ลิง ซิลเวอร์ (ส่วนผสมของเงิน 92.5% และ ทองแดง 7.5%) และ มาลาไคต์ อัญมณีที่มีค่าและพบได้ในทวีปแอฟริกา เท่านั้น สีเขียวของมันเปรียบเสมือนกับพื้นหญ้าบนสนามฟุตบอล
ถ้วย พรีเมียร์ลีก ถูกจัดทำไว้ 2 ใบ ซึ่งของจริงจะมอบให้กับแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ ในแต่ละฤดูกาล ส่วนอีกหนึ่งใบซึ่งเป็นแบบจำลอง ทำขึ้นมากรณีที่มีแชมป์สองทีม ซึ่งนั่นหมายถึงทั้งสองทีมต้องจบฤดูกาลด้วยการมีแต้ม, ผลต่างประตูได้เสีย, เฮดทูเฮด เท่ากันทั้งหมด
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก | 15,000 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : สเตอลิงซิลเวอร์ (เงิน 92.5 เปอร์เซ็นต์, ทองแดง 7.5 เปอร์เซ็นต์)
ขนาด : สูง 73.5 เซนติเมตร และ หนัก 7.5 กิโลกรัม
ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือถูกเรียกได้หลายชื่อ ถูกออกแบบโดย ยุร์ก สตาเดลมันน์ ทำจากโลหะ สเตอลิงซิลเวอร์ ซึ่งผสมด้วยเงิน 92.5 เปอร์เซ็นต์ และทองแดงอีก 7.5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
เดิมทีสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป มีกฎมอบถ้วยแบบถาวรให้สโมสรที่สามารถคว้าแชมป์รายการดังกล่าว 3 สมัยติดต่อกัน หรือได้แชมป์มากกว่า 5 สมัยขึ้นไป ซึ่ง บาร์เซโลน่า, ลิเวอร์พูล, เอซี มิลาน, บาเยิร์น มิวนิค, เรอัล มาดริด และ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คือบรรดาทีมที่มีถ้วยใบดังกล่าวของจริงเก็บไว้ในตู้โชว์สโมสรแบบถาวร
กระทั่งซีซั่น 2008/2009 มีการเปลี่ยนแปลงกฎใหม่ ทีมที่ชนะ แชมเปี้ยนส์ ลีก จะได้ถ้วยรางวัลแบบจำลอง ส่วนของจริงจะถูกเก็บไว้กับ ยูฟ่า ต่อไป
ตัวถ้วยมีความสูง 73.5 เซนติเมตร และหนัก 7.5 กิโลกรัม และเพราะมันมีส่วนที่คล้ายกับหูของมนุษย์ และนั่นทำให้มันถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า “บิ๊กเอียร์”
บุนเดสลีกา เยอรมัน | 57,102 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : ทัวร์มาลีน 72.98 กะรัต, เงิน และ ทองคำ
ขนาด : หนัก 11 กิโลกรัม
ปีที่ผลิต : 1964
“ไมสเตอร์ชาลเล่อ” คือถาดแชมป์ซึ่งจะมอบให้กับทีมที่ชนะในการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดของเยอรมัน โดยสโมสรแรกได้สัมผัสมันคือ เอฟซี โคโลญจน์ เมื่อปี 1964 หลังพวกเขาคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ
ถาดแชมป์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาทดแทนถ้วยใบเดิมที่มีชื่อว่า วิคตอเรีย ซึ่งหายไประหว่างช่วงสงครามโลกครั้ง 2 ไมสเตอร์ชาลเล่อ ถูกออกแบบและสร้างขึ้นโดย เอลิซาเบธ เทรสโค ช่างทองและนักออกแบบเครื่องประดับชาวเยอรมัน รูปทรงคล้ายโล่ พร้อมกับมีการแกะสลักชื่อทีมที่คว้าแชมป์ลีกเยอรมัน ตั้งแต่ปี 1903
ในปี 1981 ถาดแชมป์ บุนเดสลีกา มีการขยายส่วนขอบด้านข้างเพิ่ม เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับสลักชื่อทีมที่คว้าแชมป์มากขึ้น โดยปัจจุบัน ไมสเตอร์ชาลเล่อ มีพื้นที่เพียงพอต่อการสลักชื่อทีมที่คว้าแชมป์จนถึงปี 2027 และมีมูลค่าสูงถึง 50,000 ยูโร หรือ 57,102 เหรียญสหรัฐ
กัลโช่ เซเรีย อา | 66,000 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : โซดาไลท์ และ ทองคำ
ขนาด : สูง 58 เซนติเมตร และ หนัก 8 กิโลกรัม
ปีที่ผลิต : 1960
ถ้วยแชมป์รูปทรงกรวยหรือมักถูกเรียกว่า “สคูเดตโต้” ซึ่งแปลว่า คือถ้วยที่จะมอบให้กับทีมที่คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และเริ่มใช้งานครั้งแรกมาตั้งแต่เมื่อปี 1920
เดิมทีถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดอิตาลี ถูกเรียกว่า “โทรฟี่ ออฟ เดอะ แชมเปี้ยนส์ ออฟ อิตาลี” และออกแบบโดยประติมากรชื่อดังอย่าง เอ็ตทอร์ คัลเวลลิ เมื่อ 1960 ซึ่งตัวฐานของถ้วยสร้างมาจากโซดาไลท์ และบริเวณถ้วยทำมาจากทองคำ พร้อมกับมีรูปนักกีฬาอยู่ตรงกลาง
นอกจากนั้นถ้วยยังมีการสลักชื่อทุกทีมที่คว้าแชมป์ เซเรีย อา ตั้งแต่ซีซั่น 1960/1961 เป็นต้นมา มีน้ำหนัก 8 กิโลกลัม และความสูงประมาณ 58 เซนติเมตร
แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ | 50,000 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : ทองชุบ
ปีที่ผลิต : 2002
ย้อนกลับไปช่วงยุคแรกของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปแอฟริกา ผู้ชนะจะได้รับถ้วย “อับเดลอาซิซ อับดัลลาห์ ซาเลม โทรฟี่” ซึ่งตั้งตามชื่อประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกัน คนแรกเมื่อปี 1978 อย่างไรก็ตาม อียิปต์คือชาติที่คว้าถ้วยแชมป์ดังกล่าวไปครองแบบถาวรเรียบร้อยแล้ว
ส่วนถ้วยเวอร์ชั่นที่สองรู้จักกันในชื่อ “โทรฟี่ ออฟ แอฟริกัน ยูนิตี้” และเริ่มมอบให้แก่ทีมที่ชนะในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวระหว่างปี 1980 – 2000 ก่อนที่ถ้วยใบนี้จะถูกมอบมให้กับ แคเมอรูน แบบถาวร หลังจากที่พวกเขาได้แชมป์ครบ 3 สมัย
ส่วนถ้วยที่เราเห็นปัจจุบัน คือถ้วยแบบที่ 3 ซึ่งออกแบบโดยดีไซเนอร์อิตาเลี่ยน โดยทำมาจากทองคำชุบ และ แคเมอรูน คือชาติแรกที่ได้สัมผัสมันเมื่อปี 2002
บัลลงดอร์ | 805,439 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : ทองเหลือง และ ทองคำ
ขนาด : สูง 28 เซนติเมตร และ หนัก 12 กิโลกรัม
ปีที่ผลิต : 1956
บัลลงดอร์ เป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งแปลว่า “ลูกบอลทองคำ” เป็นถ้วยรางวัลส่วนบุคคลที่ยิ่งใหญ่สุดของวงกาลฟุตบอล โดยถ้วยดังกล่าวถูกนำออกมาโชว์ครั้งแรกผ่านทางนิตยาสาร France Football เมื่อปี 1956
ถ้วยรางวัลบัลลงดอร์ ถูกสร้างขึ้นจากร้านเครื่องประดับเก่าแก่ชื่อดังของฝรั่งเศส อย่าง เมลเลริโอ หรือ ลา เมซอง เมลเลริโอ ดิ เมลเลอร์ มีวัสดุที่ทำมาจากทองเหลือง และ ทองคำ รวมถึงมีทั้งงานเขียน, แกะสลัก และขัดเงา อยู่บนพื้นผิวของถ้วย
แม้อันที่จริงแล้วเรายังไม่ทราบแน่ชัดว่ามูลค่าของมันคือเท่าไหร่ แต่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 ดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยขายหนึ่งในถ้วยรางวัลบัลลงดอร์ ของเขาเพื่อการกุศล และมันถูกซื้อไปในราคา 600,000 ปอนด์ หรือประมาณ 805,439 เหรียญสหรัฐ
เอฟเอ คัพ | 1,180,000 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : สเตอร์ลิง ซิลเวอร์
ขนาด : สูง 61.5 เซนติเมตร และ หนัก 6.3 กิโลกรัม
ปีที่ผลิต : 2013
เอฟเอ คัพ ถือเป็นการแข่งขันที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดบนเกาะอังกฤษ โดยถ้วยรายการนี้จะมอบให้กับทีมที่ไม่รู้จักคำว่าแพ้เท่านั้น สำหรับการลงเล่นฟุตบอลน็อคเอาท์ และมีทีมลงแข่งขันมากกว่า 732 สโมสร
จากอดีตที่ผ่านมา ถ้วย เอฟเอ คัพ ถูกออกแบบมาแล้วหลายรูปแบบ ซึ่งใบแรกสุดทำขึ้นเมื่อปี 1911 ขณะที่ใบปัจจุบันเป็นแบบที่ 3 ผลิตเมื่อปี 2014 โดยบริษัท โธมัส ไลท์ มีน้ำหนักประมาณ 6.3 กิโลกรัม สูง 61.5 เซนติเมตร จำลองมาจากแบบของถ้วยใบดังเดิมเมื่อ 111 ปีที่แล้ว และใช้เวลาสร้างมากกว่า 250 ชั่วโมง
โดยทีมแรกที่ได้สัมผัสถ้วย เอฟเอ คัพ ใบล่าสุดคือ อาร์เซน่อล หลังพวกเขาเอาชนะ ฮัลล์ ซิตี้ ช่วงต่อเวลาพิษ 3-2 ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม เมื่อปี 2014
ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก | 4,500,000 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : เงิน และ หินอ่อน
ขนาด : สูง 65 เซนติเมตร และ หนัก 15 กิโลกรัม
ปีที่ผลิต : 1972
ถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เป็นหนึ่งในถ้วยรางวัลฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากสุดของยุโรป มีน้ำหนัก 15 กิโลกรัม ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งถ้วยที่หนักมากที่สุดเลยก็ว่าได้ และแตกต่างจากถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะถ้วยใบนี้ไม่มีหูจับด้านข้าง
มันถูกออกแบบและผลิตขึ้นเมื่อปี 1972 โดยชายชาวอิตาลี ซึ่งรู้จักกันในชื่อ เบอร์โตนี่ ทำมาจากเงินและหินอ่อน หลังจากนั้นมันถูกมอบให้ทีมที่คว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก หรือชื่อเดิมอย่าง ยูฟ่า คัพ มาจนถึงปัจจุบัน
โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส | 8,500,000 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : เงิน, ทองแดง และ ไม้อัด
เป็นถ้วยรางวัลที่จะมอบให้กับแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส หรือศึกฟุตบอลสโมสรอเมริกาใต้ ซึ่งเวอร์ชั่นดั้งเดิมสลักชื่อทีมที่คว้าแชมป์บนตัวถ้วยได้แค่เพียง 18 ทีม เท่านั้น ก่อนมีการออกแบบใหม่ให้สลักได้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนบนของถ้วยทำมาจาก สเตอร์ลิง ซิลเวอร์ เป็นหลัก มีเพียงส่วนเล็กๆ บนยอดเท่านั้นที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์เคลือบเงิน
ขณะที่ฐานของตัวถ้วยทำจากไม้อัด ทีมแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส จะเก็บถ้วยตัวจริงไว้กับสโมสรจนกว่าพิธีจับสลากแบ่งสายของซีซั่นใหม่จะเริ่มต้นขึ้น หลังจากนั้นจะมีการส่งถ้วยแบบจำลองไปให้แทน
นอกจากนั้นหากมีสโมสรที่สามารถครองแชมป์ฟุตบอลสโมสรลาตินอเมริกา 3 สมัยติดต่อกัน พวกเขาจะได้ถ้วยของจริงไปครอบครองแบบถาวรทันที
ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ | 20,000,000 เหรียญสหรัฐ
วัสดุ : มาลาไคต์ 2 ชั้น และ ทองคำ 18 กะรัต
ขนาด : สูง 36.5 เซนติเมตร และ หนัก 6.175 กิโลกรัม
หากตั้งคำถามว่าถ้วยรางวัลที่แพงที่สุดของวงกาลกีฬาคืออะไร? คำตอบคือถ้วยฟุตบอลโลก ถ้วยรางวัลนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี1974 โดยศิลปินชื่อดังอย่าง ซิลวิโอ้ กาซซานิก้า และมอบให้กับทีมที่คว้าแชมป์บอลโลก ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี
ปัจจุบันถ้วย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ มีมูลค่าอยู่ประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของบรรดาถ้วยรางวัลทั้งหมดในโลกของวงกาลกีฬา ณ เวลานี้
บนตัวถ้วยจะมีการสลักชื่อทีมที่คว้าแชมป์ตั้งแต่ฟุตบอลโลก ครั้งแรกเมื่อปี 1930 พร้อมกับมีการแกะสลักรูปนักบอลสองคนยกแขนขึ้นแสดงถึงชัยชนะ ในขณะที่กำลังแบกโลกทั้งใบไว้บนมือ ซึ่งถ้วยดังกล่าวทำมาจาก มาลาไคต์ และ ทองคำ 18 กะรัต
ก่อนที่ถ้วย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ จะถูกนำมาใช้เมื่อปี 1974 เดิมทีสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เคยมอบถ้วยที่มีชื่อว่า จูลส์ ริเมต์ ให้กับทีมที่ชนะในฟุตบอลโลก ระหว่างปี 1930-1970 ซึ่งถ้วยใบดังกล่าวผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถูกย้ายจากตู้เซฟธนาคารอิตาลี ไปเก็บในกล่องรองเท้า เพื่อซ่อนให้พ้นจากทหารนาซี และเคยถูกขโมยไประหว่างจัดแสดงที่อังกฤษ ก่อนเริ่มต้นฟุตบอลโลก 1966 เพียงไม่กี่วัน และเป็นสุนัขชื่อ พิกเกิ้ลส์ ที่ค้นหามันเจอในตอนท้าย กระทั่งปี 1970 ถ้วยใบนี้ถูกมอบให้กับทีมชาติบราซิล แบบถาวร หลังพวกเขาคว้าแชมป์โลก 3 สมัยติดต่อกัน เมื่อปี 1958, 1962 และ 1970 ถือเป็นการปิดฉากตำนานถ้วย จูลส์ ริเมต์