การลงเล่นให้กับทีมชาติบ้านเกิด ถือเป็นอีกความฝันของนักฟุตบอลทั่วโลก ซึ่งมีผู้เล่นไม่มากนักที่สามารถทำให้มันเป็นจริงๆได้
แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งฟอร์มการเล่น, การแข่งขันที่สูง หรืออาการบาดเจ็บอาจทำให้นักเตะหลายคนไม่สามารถกลับไปติดธงรับใช้ชาติบ้านเกิดในเวลาต่อมา พร้อมหายหน้าจากการเล่นให้บ้านเกิดยาวนานหลายปี
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะได้กลับไปเล่นก็ยังมีอยู่เสมอ และต่อให้เป็นนักเตะอายุเกินเลข 3 หากฟอร์มการเล่นโดดเด่นจริงๆ ก็ยากที่เฮดโค้ชชาติตัวเองจะมองข้ามไปได้ ซึ่งเคสแบบนี้มีให้เห็นไม่น้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 13 นักเตะดังที่กลับมาติดทีมชาติบ้านเกิดอีกครั้งในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้ง
มาริโอ โกเมซ | เยอรมัน 2015
หัวหอกทีมเยอรมันพลาดคว้าดาวรางวัลดาวซัลโวในศึกยูโร 2012 เพียงเพราะว่าเขาลงเล่นมากนาทีกว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส เท่านั้นเอง แต่ทว่าอีก 2 ปีต่อมา โกเมซ พลาดติดทัพ ‘อินทรีเหล็ก’ ชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 หลังจากประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรงในฤดูกาลก่อนหน้าทัวร์นาเม้นต์ที่บราซิล
โกเมซลงเล่นให้เยอรมันแค่ 4 เกมเท่านั้นในรอบ 3 ปี นับจากปี 2012 ก่อนที่โยอาคิม เลิฟ จะเรียกเขาติดธงอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนปี 2015 ซึ่งกองหน้าวัยขึ้นเลขสามก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง เมื่อโชว์ให้เห็นว่ายังเล่นในเกมระดับสูงได้อยู่ในศึกยูโร 2016 แม้ทีมจะจอดแค่รอบตัดเชือกก็ตาม
ในฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซีย โกเมซก็ยังเป็นกองหลังตัวหลักให้ทีมอยู่ แถมได้ลงเล่นทุกนัดในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ได้ลงมาวิ่งในสนามแค่นั้น เพราะเยอรมันที่มีดีกรีแชมป์เก่าตกรอบแบ่งกลุ่มแบบดูไม่จืดเลย
โรเจอร์ มิลล่า | แคเมอรูน 1990
ครั้งหนึ่งกองหน้าชาวแคเมอรูนเคยทำเรื่องสุดช็อคด้วยการจับชาวปิ๊กมี่ 120 คนมาขังไว้ที่ห้องใต้ดินของสนามแห่งชาติของประเทศและบังคับให้พวกเขาแข่งขันฟุตบอลกัน แต่ทว่าแฟนบอลส่วนใหญ่คงจดจำเรื่องเรื่องของ โรเจอร์ มิลล่า ในช่วงที่เขายิงลืมแก่กับลีลาแดนซ์กระจายที่มุมธงในฟุตบอลโลกปี 1990 ที่อิตาลีได้มากกว่า
จริง ๆ มิลล่าได้ประกาศเลิกเล่นทีมบ้านเกิดไปแล้วตั้งแต่ปี 1987 แต่ทว่าประธานาธิบดีของประเทศแคเมรูน พอล บีย่า ได้ขอร้องให้กับเขากลับไปเล่นให้ทีม ‘หมอผี’ อีกครั้งในปี 1990 และในปีนั้นชื่อของมิลล่าได้กลายเป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลก หลังซัด 2 ประตูให้ทีมเอาชนะโรมาเนียได้ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม รวมไปถึง 2 ประตูในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับโคลอมเบียด้วย ก่อนจะพ่ายอังกฤษในรอบต่อมาด้วยสกอร์ 3-2
หลังจากนั้นอีก 4 ปี มิลล่าก็ยังกลับมาเล่นให้ แคเมอรูน อีกในวัย 42 ปี แต่ทว่าเขาทำประตูได้เพียงลูกเดียวเท่านั้น และต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิดทันทีหลังตกรอบแบ่งกลุ่มแบบไม่ชนะใครเลยซักนัดเดียว
มาร์ติน ปาแลร์โม่ | อาร์เจนติน่า 2009
ตำนานดาวยิงของโบคา จูเนียร์ ดูไม่ค่อยถูกโฉลกกับการเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าซักเท่าไหร่และมักจะมีแต่เรื่องแย่ ๆ ไม่ก็เรื่องประหลาดเกิดขึ้นกับตัวเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพลาดจุดโทษ 3 ครั้งในเกมเดียวเมื่อปี 1999 หรือ ขาหักจากการกระโดดข้ามกำแพงไม่พ้นหลังฉลองประตูตอนเล่นให้ทีมบ้านเกิด
แต่ทว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ ปาแลร์โม่ ในทัพ ‘ฟ้าขาว’ คงหนีไม่พ้นสมัยที่ ดีเอโก้ มาราโดน่า แข้งระดับตำนานของอาร์เจนติน่าเข้ามากุมบังเหียน เขาถูกเรียกติดธงในปี 2009 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และ ปาแลร์โม่ในวัย 35 ปี ก็ตอบแทนความไว้ใจที่ ‘เสือเตี้ย’ มีให้ด้วยการประตูชัยช่วงทดเจ็บช่วยให้อาร์เจนติน่าผ่านรอบฟุตบอลโลกปี 2010 ได้สำเร็จ
มาราโดน่าที่ดีใจสุดขีดในเกมนั้นได้สัญญาว่าจะพากองหน้าวัยเก๋าติดทีมไปลุยบอลโลกที่แอฟริกาใต้ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถึงขั้นหั่นชื่อ เอซาเกล ลาเวซซี่ ออกจากทีมไปเลย แม้หลายคนพอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปาแลร์โม่ ไปในฐานะอะไหล่สำรอง แต่เขาก็กลายเป็นนักเตะที่มีค่าเฉลี่ยยิงประตูต่อนาทีดีที่สุดในฟุตบอลโลก เมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงมาและยิงประตูที่สองให้ทีมได้ในเกมที่เอาชนะกรีซไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเพราะปาแลร์โม่ได้ลงเล่นแค่ 9 นาทีเท่านั้น
ฮวน เซบาสเตียน เวรอน | อาร์เจนติน่า 2007
อดีตกองกลางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ประสบความเหลวอย่างมากในการค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้ เวรอน ตัดสินใจกลับไปเล่นในอาร์เจนติน่า บ้านเกิดของเขาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ เวรอนคือนักเตะที่วนเวียนอยู่ทัพฟ้าขาวอยู่เป็นประจำตั้งแต่สมัยย้ายมาค้าแข้งในอิตาลี แต่ทว่าในฟุตบอลโลกปี 2002 เขากลับโชว์ฟอร์มได้อย่างย่ำแย่ ไม่ต่างจากผลงานในทีม ‘ปีศาจแดง’ จนกลายเป็นแพะของแฟนบอลชาวอาร์เจนไตน์ และนับตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้เห็นเวรอนใส่สีเสื้อฟ้าขาวอีกเลยในช่วงปี 2004 ถึง 2006
การกลับไปเล่นให้กับ เอสตูเดียนเตส ทีมเก่าในบ้านเกิด ช่วยฟื้นชีวิตค้าแข้งของเวรอนให้กลับมาสดใสอีกครั้ง เขาคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมประจำทวีปอเมริกาใต้ 2 ปีซ้อน (2008,2009) พร้อมกับมีชื่อติดทีม อาร์เจนติน่า อีกครั้งตั้งแต่ปี 2007 แถมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ก่อนจะประกาศเลิกให้ทีม ‘ฟ้าขาว’ หลังจบทัวร์นาเม้นต์นั้น
เฮนริค ลาร์สสัน | สวีเดน 2004,2008
นักฟุตบอลส่วนใหญ่คงไม่ลาทีมชาติแน่ๆ หากทีมของพวกเขาได้เข้าไปเล่นในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่สำคัญระดับทวีปหรือระดับโลก หรือ กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่ และที่สำคัญคงไม่ทำแบบนี้ถึง 2 ครั้งแน่นอน
ทว่าไม่ใช่กับ ตำนานลูกหนังสวีเดนอย่าง เฮนริค ลาร์สสัน ที่ตัดสินใจว่าจะลาขาดทัพ ‘ไวกิ้ง’ หลังจบฟุตบอลโลกปี 2002 ด้วยวัย 31 ปี อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังกลับมาเล่นให้สวีเดนในเกมรอบคัดเลือกยูโรในปี 2003 กับฮังการี เนื่องจาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ติดโทษแบน และด้วยเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลส่วนใหญ่ทำให้เขาหวนกลับมารับใช้ชาติอีกครั้งในยูโร 2004
ลาร์สสันยิงในรายการนั้นไป 3 ประตู พร้อมกับติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์นั้น รวมถึงได้ลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกปี 2006 ที่เยอรมัน ก่อนจะประกาศลาทีมเป็นครั้งที่ 2 แต่ทว่าในปี 2008 สมาคมฟุตบอลสวีเดนก็เผยว่า หัวหอกวัยเก๋าจะกลับมาเล่นให้ทีมอีกครั้งในศึกยูโรปีเดียวกัน และในที่สุดเขาก็ประกาศลาทีมทีม ‘ไวกิ้ง’ แบบถาวรเสียทีในปี 2009
ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป | เดนมาร์ก 1993
ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป คือหนึ่งในนักเตะพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่ทีมชาติเดนมาร์กเคยมีมา แต่ทว่าเขาดันหันหลังให้ทัพ ‘โคนม’ ตั้งแต่อายุ 26 ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นขาประจำในทีมมานานกว่า 8 ปี ในช่วงการแข่งแข่งรอบคัดเลือกของยูโรปี 1992 เนื่องจากมีปัญหาไม่ลงรอยกับ ริชาร์ด โมลเรอร์ เนลเซ่น กุนซือของทีมที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ในปี 1990
แม้เดนมาร์กจะไม่ผ่านรอบคัดเลือก แต่พวกเขาได้ตั๋วพิเศษแบบด่วนจี๋แทนที่ยูโกสลาเวียที่ติดเรื่องสงครามในประเทศ ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ทวีปสมัยแรกและสมัยเดียวของพวกเขา ขณะที่เลาดรู๊ปกำลังพักผ่อนหย่อนใจอยู่ที่ เซนต์ ลูเซีย และ นิวยอร์ก พร้อมกับตามลุ้นทีมบ้านเกิดแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ
ในที่สุด กองกลางจอมทักษะก็กลับมาเล่นให้ทีมบ้านเกิดอีกครั้งในปี 1993 หลังจากห่างไปนานกว่า 3 ปี พร้อมกับช่วยให้ทีมโคนมคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนลทัล คัพในปี 1995 หรือ คอนเฟเดเรชั่นส์ คัพในปัจจุบัน และยังติดทีมยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกปี 1998 ร่วมกับ ไบรอัน น้องชายของเขา หลังพาเดนมาร์กไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในปีนั้น
เอสซัม เอล-ฮาดารี | อียิปต์ 2017
ด้วยอาการบาดเจ็บของ อาเหม็ด เอล-เชนาวี่ ประตูมือหนึ่งของอียิปต์ในเกมแรกของศึกแอฟริกัน เนชั่น คัพปี 2017 ทำให้พวกเขาต้องหันไปใช้งาน เอสซัม เอล-ฮาดารี นายทวารวัย 44 ปี และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดที่เคยลงเล่นในรายการนั้น
เอล-ฮาดารี เคยหันหลังให้ทัพ ‘มัมมี่’ ไปแล้วตั้งแต่ปี 2013 หลังไม่สามารถพาทีมทัพ ‘มัมมี่’ คว้าแชมป์ทวีปได้ ทั้งๆที่เขาก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมและไม่มีใครเรียกร้องให้เขาลาทีมไปแม้แต่รายเดียว ก่อนจะกลับมาเฝ้าเสาให้ทีมอีกครั้งในปีถัดมา
หลังจากปี 2017 นายทวารจอมเก๋าก็รับช่วงต่อยาวจนถึงศึกเวิล์ด คัพ ฉบับหมีขาว และกลายเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดในฟุตบอลโลกด้วยอายุ 45 ปี แถมยังเซฟจุดโทษได้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายที่เจอซาอุดิอาระเบียด้วย ปัจจุบันเอล-ฮาดารีได้ลาทีมชาติไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2019 ก่อนประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 2020 เพื่อหันไปทุ่มเทกับงานโค้ชเต็มตัว
โลธาร์ มัทเธอุส | เยอรมัน 1998
ณ ตอนนั้น “ซูเปอร์แมน” กลายเป็นนักเตะที่ลงเล่นให้ทีมเยอรมันมากที่สุดตลอดกาลก็จริง แต่ทว่าเขาก็มีปัญหากับเจอร์เก้น คลินสมันน์ อยู่พอสมควรหลังเสียปลอกแขนกัปตันไป รวมไปถึงตัวของ แบร์ตี้ โฟ้กท์ส เฮ้ดโค้ชของทีม ก่อนปี 1996 ที่คว้าแชมป์ยูโร ทำให้เส้นทางในทีม ‘อินทรีเหล็ก’ ของโลธาร์ มัทเธอุสน่าจะจบลงแต่เพียงเท่านี้
แม้ว่าจะกองกลางจอมแกร่งจะไม่ได้ประกาศลาทีมอย่างเป็นทางการ แต่การที่เข้ากลับมามีชื่อลุยฟุตบอลโลกปี 1998 และติดทีมชาติครั้งแรกในรอบ 3 ปี ถือว่าเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์แฟนบอลมาก ๆ และนั่นทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลตำแหน่งเอ้าฟิลด์คนแรกที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกมากที่สุดถึง 5 ครั้ง
มัทเธอุสช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย รวมไปถึงมีส่วนร่วมในศึกยูโรปี 2000 ด้วย แต่เสียท่าตกรอบตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ส่งผลให้เวลาของเขาในทีม ‘อินทรีเหล็ก’ จบลงด้วยวัย 39 ปี
ซีเนดีน ซีดาน, ลิลิยง ตูราม และ โคล้ด มาเกเลเล่ | ฝรั่งเศส 2005
3 แข้งผู้มีอิทธิพลในทีมชาติฝรั่งเศสอย่าง ซีดาน, ตูราม และ มาเกเลเล่ กลับบ้านมาแบบมือเปล่าหลังพ่ายให้กับว่าที่แชมป์ยูโรอย่างกรีซ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อปี 2004 พร้อมประกาศลาทีมอย่างเป็นทางการ แต่ทว่า เรย์มงด์ โดเมเน็ค กุนซือ ‘ตราไก่’ได้ชักชวนให้พวกเขากลับมาอีกครั้งในช่วงปลายปี 2005
ถึงผลงานในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกของพวกเขาจะไม่แพ้ใครเลย แต่ทีม ‘เลอ เบลอส์’ ก็ต้องเร่งเครื่องในช่วงท้ายอยู่เหมือนกัน เนื่องจากเสมอไปถึง 5 นัดจากทั้งหมด 10 เกม ทำให้ไม่มีใครคาดหวังว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดีนักในฟุตบอลครั้งนี้ แต่ทว่าทีมของโดเมเน็คสามารถฝ่าด่านทั้งสเปน, บราซิล และ โปรตุเกส เข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศได้อย่างยอดเยี่ยม
แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้เป็นสมัยที่ 2 แต่ ตูราม กับ มาเกเลเล่ก็ยังคงเล่นให้ทีม ‘เลอ เบลอส์’ อยู่จนถึงยูโร 2008 ขณะที่ ซีดาน ปิดฉากอาชีพค้าแข้งไม่สวยเท่าไหร่ หลังใช้หัวบรรจงโขกไปที่หน้าอกของ มาร์โก มาเตรัซซี่ กองหลังอิตาลี ล้มทั้งยืน จนได้รับใบแดงในนัดชิงบอลโลกที่เยอรมัน
ซานติ กาซอร์ล่า | สเปน 2019
ไม่มีใครคิดว่า ซานติ กาซอร์ล่า จะมีโอกาสกลับไปติดทีมชาติสเปนอีกครั้งในวัยแตะเลขสาม เพราะก่อนหน้านี้ เขาเจ็บหนักมากตอนที่อยู่กับ อาร์เซน่อลจนเกือบอำลาสนามไปแล้วในปี 2017 หลังจากเข้ารับการผ่าตัดบริเวณเอ็นร้อยหวายถึง 11 ครั้งในรอบ 2 ปี
สิ่งที่เกิดขึ้นหนักขนาดที่แพทย์เอ่ยปากบอกกับเขาว่าแค่กลับมาเดินเล่นกับลูก ๆ ได้ก็น่าพอใจแล้ว แต่ทว่าหลังลา ปืนใหญ่ กาซอร์ล่ากลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้งกับทีมบียาร์เรอัลใสนฤดูกาล 2018-19 และช่วยให้ ‘เรือดำน้ำสีเหลือง’ อยู่รอดปลอยภัยในลาลีก้าได้สำเร็จ เป็นเหตุให้หลุยส์ เอ็นริเก้ ตัดสินใจเรียก กาซอร์ล่า กลับไปติดทัพกระทิงดุเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยได้ลงเล่นถึง 4 นัดในปีนั้น
ปัจจุบัน กาซอร์ล่า ในวัย 37 ปี ยังคงค้าแข้งอยู่กับ อัล ซาดด์ สโมสรดังในกาตาร์ตั้งแต่ปี 2020
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช | สวีเดน 2021
แม้เคยประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปเมื่อปี 2016 แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ในวัยใกล้แตะเลขสี่ ทำให้ สวีเดน ตัดสินใจเรียกเขาติดทีมอีกครั้งในปี 2021
หัวหอกวัย 40 เลิกเล่นให้กับทัพ ‘ไวกิ้ง’ หลังจบฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2016’ โดยตลอดการรับใช้ชาติ 16 ปี (2001-2016) ลงเล่นไปทั้งหมด 116 นัด ทำได้ 62 ประตู
อย่างไรก็ตาม อิบราฮิโมวิช โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมยิงให้ เอซี มิลาน ไป 14 ประตูในเกมลีกเมื่อฤดูกาล 2020-21 จนทำให้ ยานเน่ แอนเดอร์สสัน กุนซือทีมสวีเดน เรียกกลับมาติดธงอีกครั้งในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกกับ จอร์เจีย และโคโซโว ช่วงปลายเดือนมีนาคมปี 2021
ทว่าในเวลาต่อมา ด้วยวัยที่มากขึ้น บวกกับอาการบาดเจ็บที่รบกวนตลอดเวลาทำให้ ซลาตัน ได้ลงเล่นให้ทีมเพียงเกมเดียวเท่านั้นในปี 2022 นี้ และเตรียมผ่าตัดเข่าพักไปยาวๆ 8 เดือน เพื่อรักษาแผลเก่าบริเวณเอ็นไขว้หน้าให้หายขาดนั่นเอง