“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า ผมรู้ประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ รวมถึงความคลั่งไคล้ของแฟนบอล และผมมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะพัฒนาทีมที่สามารถนำความสำเร็จมาสู่สโมสรอย่างที่พวกเขาสมควรได้รับ” นี่คือข้อความแรกที่ เอริค เทน ฮาก ส่งถึงสาวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั่วโลก หลังจากกลายเป็นกุนซือคนต่อไปของปีศาจแดงอย่างเป็นทางการ
โดยเทรนเนอร์วัย 52 ปี จรดปากกาเซ็นสัญญาคุมทีมแมนฯ ยูไนเต็ดจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2025 พ่วงออปชั่นขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปี และจะเข้ามารับไม้ต่อจาก ราล์ฟ รังนิก ทันทีหลังจบฤดูกาลนี้
หนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจก็คือ แม้ว่าปัจจุบันชื่อของนายใหญ่ชาวดัตช์จะไม่ได้ถูกยกให้อยู่ในระดับบิ๊กเนม เหมือนอย่างตอนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มากุมบังเหียน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มารับงานกับ ลิเวอร์พูล ในขณะที่แฟนบอลบางกลุ่มอาจถึงขั้นอุทานว่า “ใครวะ?” ด้วยซ้ำ ทว่าแฟนผีส่วนใหญ่กลับเทคะแนนไปให้เขาตั้งแต่ยังมีข่าวกับโค้ชตัวท็อปอย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ , หลุยส์ เอ็นริเก้ หรือแม้กระทั่ง โรแบร์โต้ มันชินี่ และมองว่านี่แหละคือคนที่สามารถฝากอนาคตเอาไว้ได้
ว่าแต่ เทน ฮาก เป็นใคร? แนวทางการทำทีมแบบไหน? และทำไมหลายคนถึงอยากได้? ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับเขาได้ถูกรวบรวมมาไว้ข้างล่างนี้แล้ว
ประสบการณ์ที่ผ่านมา
เทน ฮาก เริ่มต้นเส้นทางกุนซือเมื่อปี 2012 กับ โก อเฮ้ด อีเกิ้ลส์ สโมสรใน Eerste Divisie หรือดิวิชั่น 2 ของลีกเนเธอร์แลนด์ และเพียงปีแรกที่จับงานคุมทีม เจ้าตัวก็นำต้นสังกัดเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ก่อนที่จะออกไปเปิดประสบการณ์นอกประเทศกับทีมสำรองของบาเยิร์น มิวนิค ในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 และการย้ายมาทำงานกับเสือใต้ ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับคนที่จะเป็นโมเดลของตัวเองในเวลาต่อมาอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งดูแลทีมชุดใหญ่อยู่ในขณะนั้น
หลังจากฝึกวิชาอยู่ที่เยอรมัน 2 ปี เทน ฮาก ก็ตัดสินใจกลับมารับจ๊อบในบ้านเกิด โดยทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการกีฬาควบตำแหน่งเฮ้ดโค้ชที่ เอฟซี อูเทร็คท์ ก่อนที่ในเดือนธันวาคมปี 2017 เจ้าตัวจะก้าวขึ้นไปรับงานใหญ่ที่สุดในชีวิต นั่นคือการคุมสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฮอลแลนด์อย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม โดยตลอดช่วงเวลาบนถิ่นโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า นอกจากการคว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ 2 สมัยแล้ว เทรนเนอร์ดัตช์แมนยังเคยนำทีมที่ไม่ได้มีสตาร์เบอร์ใหญ่ ไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2018-19 ซึ่งนี่ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ทำให้ทั่วโลกเริ่มจับตามองเขา
ประสบความสำเร็จอะไรมาบ้าง?
นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาคุมทีมเต็มตัว… เทน ฮาก คว้าแชมป์มาประดับโปรไฟล์ของตัวเองได้แล้ว 5 ถ้วย โดยทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ดูแล อาแจ็กซ์ ประกอบไปด้วยเอเรดิวิซี่ 2 สมัย (ฤดูกาล 2018-19,2020-21) , เคเอ็นวีบี คัพ 2 สมัย (ฤดูกาล 2018-19,2020-21) และ โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ 1 สมัย (ปี 2019) ซึ่งอันที่จริง เขาน่าจะมีแชมป์ลีกเพิ่มอีก 1 สมัย หากซีซั่น 2019-20 ไม่โดนตัดจบเพราะสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ ว่าที่บอสใหม่ยูไนเต็ดยังสร้างสถิติพาทีมเอาชนะได้ครบ 100 นัดเร็วสุดในประวัติศาสตร์เอเรดิวิซี่ด้วย หลังจากเขาใช้เวลาเพียง 128 นัดในการไปถึงเป้าหมายดังกล่าว
ปรัชญาการเล่น
“ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจาก กวาร์ดิโอล่า” เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 “ปรัชญาของเขาโลดโผน สิ่งที่เขาทำใน บาร์เซโลน่า , บาเยิร์น และตอนนี้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมรุกและสไตล์ที่น่าดึงดูดนั้นทำให้เขาคว้าชัยชนะมามากมาย”
“บาเยิร์น กลายเป็นสโมสรของผม นับตั้งแต่ เป๊ป มาถึง ฟุตบอลในเยอรมันก็ต่างออกไป ผมเฝ้ามองเกือบทุกการฝึกซ้อมในตอนนั้น และผมได้รับบทเรียนมากมายเกี่ยวกับวิธีการถ่ายทอดปรัชญาของเขาไปสู่สนาม”
“ผมอยากครองบอล และทำร้ายคู่แข่ง มันเกี่ยวกับการครองบอล , เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ , เกี่ยวกับรูปแบบการโจมตีในแนวตั้ง , เกี่ยวกับการเพรสซิ่ง , ปีกตัดเข้าในเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับฟูลแบ็ค ทุกคนต้องเล่นเกมรุก , ทุกคนต้องเล่นเกมรับ มันเป็นโครงสร้างนี้ที่ผมพยายามนำไปใช้กับ อาแจ็กซ์”
🗣 – Ten Hag in 2019:
“I learned a lot from Guardiola. His philosophy is sensational, what he did in Barcelona, Bayern and now with Man City, that attacking and attractive style sees him win a lot. It’s this structure that I’ve tried to implement with Ajax.” #mufc pic.twitter.com/kekM5So3Fv
— UtdXclusive 🇳🇱 (@UtdXclusive) April 7, 2022
สิ่งที่จะนำมาสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
“สไตล์การเล่น” เป็นปัญหาที่อยู่คู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอดนับตั้งแต่หมดยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยปัญหาดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องสไตล์การเล่นที่ไม่ชัดเจน แต่ยังรวมถึงสไตล์การเล่นที่ไม่เข้ากับฟุตบอลยุคโมเดิร์น หรือไม่เหมาะกับ DNA ของสโมสรที่ต้องเดินหน้าฆ่าคู่แข่ง และการมาของเทน ฮาก จะช่วยตอบโจทย์ในทุกเรื่องที่กล่าวไปได้แบบเบ็ดเสร็จ (แต่จะเวิร์คไหมนั่นก็อีกเรื่อง)
เทน ฮาก มี 4-3-3 และ 4-2-3-1 เป็นสองแผนการเล่นยืนพื้น ซึ่งก็เป็นสองระบบที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้มาตลอดในช่วงหลายปีหลัง และตามที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ไว้ ปีศาจแดงยุคใหม่จะเป็นทีมที่เน้นครองบอล+เล่นเกมรุก , มีอาวุธหลักคือการเข้าทำตามช่องแบบ “Pass & Move” , นักเตะจะถูกเค้นเรื่องสภาพร่างกายอย่างหนัก เพราะต้องไล่เพรสซิ่งคู่แข่งตั้งแต่แดนบน และเคลื่อนที่เยอะทั้งตอนมีบอล-ไม่มีบอล-เล่นเกมรุก-เล่นเกมรับ อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าทุกอย่างไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน เขาอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ตลาดเพื่อทำให้ภาพเร้ด เดวิลส์ในหัวเป็นจริงขึ้นมา
นอกจากนี้ อีกหนึ่งเครื่องหมายการค้าของเทน ฮากคือการปั้นเด็กขึ้นมาประดับวงการ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือดึงจากอะคาเดมี่ แข้งอย่าง มาไธจ์ส เดอ ลิกต์ , เฟรงกี้ เดอ ยอง , ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค หรือดาวจรัสแสงดวงล่าสุดอย่าง แอนโทนี่ ล้วนแล้วแต่แจ้งเกิดขึ้นมาภายใต้โค้ชจากแดนกังหัน ซึ่งนั่นก็อาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจเนอเรชั่นต่อไปของพลพรรคอสูรอย่าง แอนโธนี่ อีลังก้า , ฮันนิบาล เมจบรี้ , อเลฮานโดร การ์นาโช่ , อาหมัด ดิยัลโล่ หรือ เจมส์ การ์เนอร์ เช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุด เทน ฮาก จะเป็นคนที่ใช่สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือเปล่า? นั่นเป็นเรื่องของอนาคตที่คงมีแค่ Doctor Strange ที่ตอบได้ เพียงแต่นี่คือแนวทางใหม่ที่สโมสรยังไม่เคยลองมาก่อน และน่าจะเป็นช้อยส์ที่ลงล็อคที่สุดของปีศาจแดงแล้วในเวลานี้
เพื่อนร่วมอาชีพพูดถึง เทน ฮาก ว่ายังไง?
สตีฟ แม็คคลาเรน อดีตมือขวาของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งเคยร่วมงานกับ เทน ฮาก ที่ เอฟซี ทเวนเต้ บอกกับ The Athletic ในเดือนเมษายนปี 2022 – “เราเริ่มฝึกซ้อมปรีซีซั่นในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ผมได้รับการแต่งตั้ง เขาดึงโฟลเดอร์นี้ออกมา และมีแผนการฝึกซ้อมปรีซีซั่นอันล้ำค่าเป็นเวลา 6 สัปดาห์อยู่ในนั้น”
“ทุกนาทีของทุกวันถูกจัดวางไว้ ตั้งแต่ช่วงดื่มเครื่องดื่ม ไปถึงการอบอุ่นร่างกาย ไปถึงการฝึกซ้อมรายคน มันละเอียดมาก ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และผมก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้อีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาจะเตรียมแผนการเล่นที่ละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับคู่แข่งเอาไว้ เราจะเพรสยังไง , เราจะขึ้นเกมยังไง ผมคิดว่าผมรู้จักฟุตบอลมาก่อน แต่พอไปที่นั่น และได้สัมผัสกับสิ่งนั้น… กลายเป็นว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย”
เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวเมื่อเดือนธันวาคมปี 2020 – “เอริค ได้รับการยกย่องอย่างเหมาะสมว่าเป็นหนึ่งในโค้ชพรสวรรค์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของโลกฟุตบอลในเวลานี้ เพราะงานที่เขาทำกับ อาแจ็กซ์”
“พวกเขาต้องปรับตัวในฤดูกาลล่าสุด หลังจากเสียนักเตะ 2-3 คนให้กับสโมสรคู่แข่ง ผมจำได้จากประสบการณ์ของตัวเองที่ ดอร์ทมุนด์ ว่ารู้สึกยังไง และท้าทายขนาดไหน วิธีที่พวกเขาจัดการกับมันนั้นพิเศษมาก รากฐานของทีมยังคงแข็งแกร่ง และพวกเขาก็เซ็นสัญญาเข้ามาได้ดี พวกเขามีตัวตนที่ชัดเจน ผมชอบดูพวกเขา ผมต้องพูดแบบนั้น”
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กล่าวในเดือนเมษายนปี 2022 – “เราพูดคุยกันค่อนข้างบ่อย เขาเป็นคนและมนุษย์ที่น่าทึ่ง ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์กับความถ่อมตัวของเขา”
“สำหรับคุณภาพของเขา แค่ลองดูทีมอาแจ็กซ์ของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นความสุขที่ได้ดู ในหลายๆเกม ไม่ใช่แค่ปีที่พวกเขาผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ แชมเปียนส์ ลีก ในแง่ของคุณภาพ แค่ลองดูทีมของเขา ในการจะนิยามผู้จัดการทีมสักคน ให้เฝ้ามองทีมของเขาเป็นเวลานาน นี่คือทีม และผู้จัดการทีมคนนี้สร้างนักเตะขึ้นมา”