คงไม่ผิดนักหากบอกว่าดาวเตะระดับโลกหลายคนที่ค้าแข้งกับสโมสรดังในยุโรป ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยฝึกฝนวิชาลูกหนังกับ เบนฟิก้า มาก่อน
ขณะที่ผลิตแข้งดาวรุ่งจากทีมเยาวชนขึ้นมาโลดแล่นในวงการมากมายนับไม่ถ้วน เหยี่ยวลิสบอน ยังมีทีมแมวมองชั้นเยี่ยม และบ่อยครั้งที่พวกเขาคว้าดาวรุ่งจากลาติน อเมริกา มาปลุกปั้นให้เป็นแข้งระดับโลกในเวลาต่อมา
ดาร์วิน นูเญซ คือนักเตะรายล่าสุดของสโมสร ที่คาดว่าจะย้ายทีมใหม่ด้วยค่าตัวก้อนโต หลังดาวยิงวัย 22 ปี ซัดไปแล้ว 24 ประตูในลีกแดนฝอยทองฤดูกาลนี้ จนได้รับความสนใจจากสโมสรระดับท็อปทั่วยุโรป
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับแข้งที่ เบนฟิก้า ปลุกปั้นขึ้นมา แต่จะให้ยกนักเตะทุกคนไว้ในบทความนี้คงจะเยอะเกินความจำเป็น เราจึงขอคัด 11 นักเตะตั้งแต่แต่ปี 2010 เป็นต้นมา โดยวางในระบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู | ยาน โอบลัค
ก่อนหน้าที่หลายคนจะรู้จัก เอแดร์ซอน นายด่านที่ เบนฟิก้า ปลุกปั้นจนได้ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาเคยสร้าง ยาน โอบลัค มาแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นนายทวารระดับโลก นับตั้งแต่ย้ายไป แอตเลติโก้ มาดริด ด้วยค่าตัว 16 ล้านยูโรในปี 2014
มือกาวทีมชาติสโลวีเนีย ลงเล่นในลีกโปรตุเกส 260 เกม แต่เสียไปแค่ 184 ประตู พร้อมเก็บคลีนชีทได้อีก 132 นัด แม้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวรับที่แข็งแกร่งในทีม แต่เขาก็ถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในยุคนี้
แม้ฟอร์มตกจนโดนวิจารณ์ไม่น้อยในฤดูกาลนี้ แต่ โอบลัค ก็ยังเป็นหนึ่งในนายทวารเบอร์ต้นๆของโลกอยู่ดี
แบ็คขวา | เนลสัน เซเมโด้
แบ็คขวาผู้เป็นชาวลิสบอนโดยกำเนิดอย่าง เนลสัน เซเมโด้ ฉายแววเด่นสุดๆกับ ‘เหยี่ยวลิสบอน’ จนทำให้ได้ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 30.5 ล้านยูโรในปี 2017
แม้เริ่มต้นได้ค่อนข้างดี ทว่าจุดอ่อนเรื่องเกมรับของ แบ็คชาวโปรตุกีส ก็ค่อยๆเผยออกมา และชัดเจนในเกมที่ บาร์ซ่า โดน บาเยิร์น ถล่มยับ 2-8 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
อย่างไรก็ตาม การย้ายไปเล่นกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทำให้ เซเมโด้ กลับมาทำผลงานได้เข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง และเป็นตัวหลักของทีมเรื่อยมานับตั้งแต่ปี 2020
กองหลัง | รูเบน ดิอาส
ฝีเท้าของ รูเบน ดิอาส ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นช่วงที่ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2020 ด้วยค่าตัวราวๆ 61 ล้านปอนด์ พร้อมมีส่วนสำคัญให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปี 2021 และถูกยกให้เป็นกองหลังเบอร์ต้นๆในลีกผู้ดีด้วย
ปัจจุบัน แนวรับทีมชาติโปรตุเกส ก็ยังเป็นกำลังสำคัญในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการป้องกันแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดี ซึ่งกำลังขับเคี่ยวกับ ลิเวอร์พูล อย่างดุเดือดในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้
กองหลัง | ดาวิด ลุยซ์
ดาวิด ลุยส์ ในวัย 34 ปี ยังคงโลดแล่นในฟุตบอลอาชีพระดับสูงอยู่ นับตั้งแต่ลา เบนฟิก้า ในปี 2011 แม้บางครั้งอาจฟอร์มหลุดไปบ้าง แต่มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย
เช่นเดียวกับถ้วยรางวัลความสำเร็จ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เมื่อกองหลังชาวบราซิลเลี่ยน คว้าแชมป์ลีกโปรตุเกส ในปี 2010, แชมป์ลีกฝรั่งเศสกับ เปแอสเช 2 สมัย ก่อนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ เชลซี ในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ ฤดูกาล 2016-17
นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2012 รวมไปถึงแชมป์ยูโรป้าลีก ในปีต่อมา ซึ่งเอาชนะ เหยี่ยวลิสบอน ทีมเก่าของเขาในนัดชิงชนะเลิศ
ลุยซ์ ช็อกแฟน ‘สิงห์บลูส์’ ด้วยการย้ายไป อาร์เซน่อล ในปี 2019 แม้ฟอร์มหลุดกระจายช่วง 2 ปีกับ ‘ปืนใหญ่’ แต่ก็มีแชมป์เอฟเอ คัพ ติดมือ ก่อนกลับไปเล่นให้ ฟลาเมงโก้ ในบ้านเกิดช่วงซัมเมอร์ปีที่ผ่านมา
แบ็คซ้าย | เชา คานเซโล่
มีนักเตะไม่น้อยของ เบนฟิก้า ที่ย้ายมาลงเอยกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชา คานเซโล่ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพียงแต่มีเส้นทางที่แปลกกว่าคนอื่นหน่อย หลังย้ายไป บาเลนเซีย ในปี 2014 ด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งทำผลงานได้ดี แต่ไม่ได้โดดเด่นมากกมายนัก
จากนั้นก็ย้ายไป ยูเวนตุส หลังเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี ก่อนจะย้ายมา ‘เรือใบสีฟ้า’ ในดีลสลับขั้วกับ ดานิโล่ แบ็คชาวบราซิลเลี่ยน
ในอังกฤษนี่เองที่ทำให้ คานเซโล่ ยกระดับตัวเองขึ้นมา นอกจากเล่นแบ็คทั้ง 2 ฝั่งได้อย่างยอดเยี่ยม ปัจจุบันเขายังถูกยกให้เป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดด้วย พร้อมเป็นตัวเลือกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขาดไปไม่ได้เลย
กองกลางตัวรับ | เนมานย่า มาติช
เนมานย่า มาติช เคยเล่นให้กับ ‘เหยี่ยวลิสบอน’ อยู่ 2 ช่วงด้วยกัน ในช่วงที่ย้ายไปมากับ เชลซี 2 ครั้ง แต่การย้ายกลับไป สแตมฟอร์ด บริดจ์ หนที่ 2 นั่นทำให้ แข้งชาวเซิร์บ กลายเป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้
มาติช มาบทบาทสำคัญในการพา ‘สิงห์บลูส์’ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ก่อนย้ายมารียูเนี่ยนกับ โชเซ่ มูรินโญ่ นายเก่า ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2017
ด้วยอายุอานามที่มากขึ้น ทำให้ มาติช ไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนเมื่อก่อนจนหลุดเป็นตัวสำรองในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดก็ประกาศเตรียมลา ปีศาจแดง หลังจบฤดูกาลนี้ ปิดฉาก 5 ปีในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยที่ไม่มีแชมป์ใดๆเลยแม้แต่รายการเดียว
กองกลาง | อักเซล วิตเซล
อักเซล วิตเซล ตกเป็นข่าวกับสโมสรทั่วยุโปร หลังสร้างชื่อกับสโมสรดังในโปรตุเกส ทว่าท้ายที่สุดกลับย้ายไปซบ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และค้าแข้งที่นั่นถึง 5 ปี ก่อนย้ายไปโกยเงินหยวนในจีนกับ เทียนจิน ฉวนเจียน ในฤดูกาล 2017-18
อย่างไรก็ตาม ผลงานของกองกลางทีมชาติเบลเยี่ยมในเกมทีมชาติ ก็ยังเข้าตาสโมสรดังในยุโรป และกลายเป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ดึงเขากลับมาโชว์ฝีเท้าในยุโรปอีกครั้งในปี 2018 และแม้ 33 ปี แล้ว เขาก็ยังหัวใจในแดนกลางของ ‘เสือเหลือง’ จนถึงตอนนี้
กองกลาง | แบร์นาโด้ ซิลวา
แม้แฟนบอล เบนฟิก้า ไม่ได้เห็นฝีเท้าของ แบร์นาโด้ ซิลวา เท่าที่ควร หลังลงเล่นในชุดใหญ่แค่เกมเดียว แต่เชื่อว่าพวกเขาก็ภูมิใจกับอคาเดมี่ของสโมสรที่ผลิตเพชรเม็ดงามขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลอีกราย
หลังโชว์ฟอร์มเด่นกับ โมนาโก จนคว้าแชมป์ลีกเอิง และทะลุไปไกลถึงรอบตัดเชือกใน แชมเปี้ยนส์ลีกปี 2017 ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จัดการคว้า เพลย์เมกเกอร์ชาวโปรตุกีส มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 44 ล้านปอนด์ทันที
ปัจจุบัน ดาวเตะวัย 27 ปี ก็พัฒนาจนกลายเป็นหนึ่งในกองกลางเบอร์ต้นๆของโลก ภายใต้การดูแลของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พร้อมเป็นตัวหลักที่ขาดไม่ได้ทั้งในสโมสรและทีมชาติ
ปีกขวา | อังเคล ดิ มาเรีย
อังเคล ดิ มาเรีย ก็เป็นอีกหนึ่งแข้งที่ ‘เหยี่ยวลิสบอน’ เป็นผู้ปลุกปั้นขึ้น แม้อยู่กับสโมสรแค่ 3 ปี แต่ในฤดูกาลสุดท้ายก็ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก ก่อนย้ายไป เรอัล มาดริด ในซัมเมอร์ปี 2010 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นดาวเตะระดับโลกในเวลาต่อมา
‘ฟิเดโอ้’ พีกสุดๆกับ เรอัล มาดิรด ในปี 2014 กับการคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกมาครอง และอาจช่วยให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โลกในปีนั้นด้วย หากว่าเขาไม่บาดเจ็บเสียก่อนในนัดชิงชนะเลิศพบ เยอรมัน
หลังต้องฟอร์มหลุดในฤดูกาล 2014-15 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ดิ มาเรีย ก็กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกครั้งหลังย้ายไป เปแอสเช ในปีต่อมา และปัจจุบันก็ยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมอยู่ แต่อาจต้องเหนื่อยกว่าเดิมในการแย่งตำแหน่งตัวจริงกับ เนย์มาร์ และ ลิโอเนล เมสซี่
ปีกซ้าย | กอนซาโล่ กูเอเดส
อีกหนึ่งผลผลิตของสโมสรดังในโปรตุเกส และในช่วงนั้น กอนซาโล่ กูเอเดส ถูกยกให้เป็นปีกดาวรุ่งเบอร์ต้นๆ ของยุโรปด้วย หลังพา บาเลนเซีย คว้าตั๋วลุย แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2017-18
โดยก่อนหน้านั้น ปีกแดนฝอยทอง ย้ายไปเล่นกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปี 2017 แต่ไม่สามารถสอดแทรกเป็นตัวหลักได้ ก่อนจะพบว่า เมสตาย่า สเตเดี้ยม คือสถานที่ที่เหมาะสมกับเขา และปัจจุบันก็ยังที่เป็นรักของแฟนๆ ‘ค้างคาว’ โดยมีลุ้นพาทีมคว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ ดวลกับ เรอัล เบติส ในฤดูกาลนี้
กองหน้า | เชา เฟลิกซ์
ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2018-19 แฟนบอลทั่วโลกต้องตื่นตะลึงกับชื่อของ เชา เฟลิกซ์ ที่แจ้งเกิดกับ เบนฟิก้า ตั้งแต่ปีแรกในทีมชุดใหญ่ หลังซัดไป 20 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ พร้อมช่วยให้ทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูโรป้าลีก
ไม่แปลกที่หลายทีมดังจะให้ความสนใจในตัววันเดอร์คิดทีมชาติโปรตุเกส ก่อนเป็น แอตเลติโก้ มาดริด ที่คว้าไปร่วมทีมในปี 2019 ด้วยค่าตัวถึง 120 ล้านปอนด์ เพื่อแทนที่ อองตวน กรีซมันน์ ที่ย้ายไป บาร์เซโลน่า
อย่างไรก็ตาม การที่นักเตะตัวรุกอย่าง เฟลิกซ์ เล่นอยู่ในทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่เน้นเกมรับเป็นหลัก ทำให้เขายังไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่นัก แต่ด้วยวัยแค่ 22 ปี โอกาสย้ายไปเจอทีมที่ใช่สำหรับ เฟลิกซ์ ก็ยังมีเช่นกัน