รอสะสาง! 6 คู่แค้นในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022

 

“เราเชื่อว่ามันจะเป็นการแก้แค้น” คำพูดของ เคิร์ต โอคราคู ประธานสมาคมฟุตบอลกาน่า ที่ออกมาพูดเมื่อพวกเขาต้องโคจรมาพบกับ อุรุกวัยในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม แสดงให้เห็นถึงความขุ่นเคืองที่มีอยู่ในใจ ซึ่งมีผลมาจากเรื่องราวในอดีต

แน่นอนว่าคู่นี้ไม่ใช่คู่เดียวที่ประเด็นความบาดหมางกันมาก่อน และได้จับสลากเจอกันในเกมรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2022 วันนี้ UFAARENA จะพาไปดูว่ามีชาติไหนบ้างที่มีเรื่องราวไม่ลงรอยกันมาก่อน

 

เซอร์เบีย VS สวิสเซอร์แลนด์ VS บราซิล

Switzerland salvage a win against Serbia | Sports | German football and  major international sports news | DW | 22.06.2018

เริ่มกันที่เรื่องเบาๆกันก่อนกับสามชาติที่ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันมาเลยในอดีต และแทบจะไม่ได้มีความเชื่อมโยงแบบหยั่งรากลึกกันด้วยซ้ำ แต่มันเป็นความบังเอิญอย่างไรก็ไม่ทราบ เมื่อเซอร์เบีย , สวิสเซอร์แลนด และ บราซิล ถูกจับมาอยู่กลุ่มเดียวกันในศึกฟุตบอลโลก 2022 อีกครั้ง

ที่ต้องบอกว่าอีกครั้งเนื่องจากเมื่อ 4 ปีก่อน พวกเขาทั้งสามทีม ก็อยู่กลุ่มเดียวกันมาก่อนในฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา โดยในคราวนั้นมี คอสตาริกา เพิ่มมาอีกทีมด้วย ซึ่งผลก็คือทัพแซมบ้าคว้าแชมป์กลุ่มไปครอง ส่วนเซอร์เบีย ก็โดน สวิตเซอร์แลนด์ เขี่ยตกรอบไปในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม

หากนับกันจริงๆแล้ว 3 ทีมนี้ คู่ที่ต้องแก้มือกันก็คือ สวิสและเซอร์เบีย ที่ต้องมาสู้กันในแบบที่เรียกได้ว่า เดจาวูเลยทีเดียว ในขณะที่บราซิลเองก็ประมาททั้งสองทีมนี้ไม่ได้ เนื่องจากขุนพลแดนนาฬิกา ก็มีดีกรีเขี่ยแชมป์ยูโรอย่าง อิตาลี ตกไปเล่นเพลย์ออฟ ส่วน เซอร์เบียเองก็เขี่ย โปรตุเกส ไปเล่นในรอบเพลย์ออฟเช่นเดียวกัน เรียกว่าหนนี้เป็นการแก้มือกันอีกครั้งของสามทีมนี้

 

เกาหลีใต้ VS โปรตุเกส

Magical Moments: Park Ji-sung vs Portugal (2002 FIFA World Cup)

แม้ว่าในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 เกาหลีใต้จะถูกตราหน้าว่าโกงจากการตัดสินของผู้ตัดสินจนทำให้มหาอำนาจลูกหนังอย่าง อิตาลี และ สเปน ต้องกลับบ้านไปอย่างเจ็บปวดทั้งกายและใจ แต่ในการเจอกับ ทัพฝอยทองในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาไม่ได้ถูกตั้งแง่ว่าเล่นตุกติกกับคำตัดสินเลยแม้แต่น้อย

ย้อนไปในเกมดังกล่าวทัพฝอยทองดูดีมีภาษีมากกว่าจากการที่มีสตาร์เต็มที่ นำมาโดยหลุยส์ ฟิโก และในเกมนี้ก็นับเป็นการตัดสินว่าใครจะได้เข้ารอบสุดท้ายไป แต่เริ่มเกมมาได้แค่ 22 นาที เจา ปินโต ดาวเตะจากฝั่งโปรตุเกส ก็มาโดนใบเหลืองสองใบติดกันจนเป็นใบแดง ต่อด้วยในนาทีที่ 66 เบโต ก็เป็นขุนพลฝอยทองอีกรายที่โดนใบแดงไล่ออกจากเกม

สุดท้ายแล้วนักเตะ 9 คนของโปรตุเกสก็ไม่สามารถต้านบรรดานักเตะโสมขาวได้ ก่อนจะเป็น พัค จีซอง ที่กดประตูชัยพาชาติบ้านเกิดเข้ารอบต่อไป พร้อมเขี่ยฝอยทองตกรอบไปแบบช็อคแฟนบอลทั้งโลก แต่ที่พวกเขาไม่โดนครหาว่าเล่นตุกติก เป็นเพราะบรรดานักเตะโปรตุเกส เข้าหนักและสมควรโดนใบแดงจริง คู่นี้เลยไม่ใช้การแก้แค้น แต่เป็นการแก้มือซะมากกว่า

 

กาน่า VS อุรุกวัย

Black Stars To Face Old Foes Uruguay In 2022 World Cup

เรื่องราวของกาน่า และ อุรุกวัย เกิดขึ้นในเกมฟุตบอลโลก 2010 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ในวันนั้นยอดทีมจากกาฬทวีปมีนักเตะชั้นนำอยู่เพียบทั้ง เควิน ปริ๊นซ์ บัวเต็ง ,ซุนลีย์ มุนตารี่ และ กียาน อซาโมอาห์ ในขณะเดียวกันทางจอมโหดก็มี ดิเอโก้ ฟอร์ลัน , หลุยซ์ ซัวเรซ และ เอดิสัน คาวานี่ เป็นตัวชูโรงเช่นกัน

ซึ่งในเกมดังกล่าวพวกเขาเสมอกันในเวลา 1-1 จนต้องลากไปเตะต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ และเกิดจังหวะดราม่าขึ้นจากในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลังของการต่อเวลา กาน่าได้ฟรีคิกโยนเข้าในมายิงดอกแรกโดนสกัดได้ แต่ดอกสองที่กำลังจะเข้าประตูไป ซัวเรซ ได้จงใจใช้มือปัดออกจากเส้น แถม กียานที่เป็นดาวยิงตัวหลักของทัพดาวดำก็ดันมายิงข้ามคานไปอีก

แน่นอนว่าทั้งคู่ต้องไปตัดสินกันที่การดวลจุดโทษและเป็นอุรุกวัยที่แม่นกว่าเอาชนะไปได้สำเร็จ ส่วนทางกาน่าก็ผูกใจเจ็บมาถึงวันนี้จนเป็นที่มาของคำพูดจากปาก เคิร์ต โอคราคู ประธานสมาคมฟุตบอลกาน่าที่บอกว่า “มันถึงเวลาของการแก้แค้นแล้ว” หลังจากที่ถูกจับมาอยู่กลุ่มเดียวกับ อุรุกวัยในศึกฟุตบอลโลกหนนี้

 

อังกฤษ VS อเมริกา

Tame those Lions: Here's how the USA have fared vs. England at all levels |  MLSSoccer.com

คู่ อังกฤษ และ อเมริกัน ทั้งสองชาติจะมีความใกล้เคียงกันในด้านของภาษาและวัฒนธรรมจนดูเหมือนบ้านพี่เมืองน้อง แต่ไอ้ความเหมือนกันไปหมดตรงนี้ก็มีจุดขัดแย้ง เมื่อมีบางจุดที่ไม่เหมือนกัน อย่างการเรียกกีฬาฟุตบอลที่ฝั่งอเมริกันเรียกกันว่า ซ็อคเกอร์ ส่วนคำว่าฟุตบอลนั้นจะใช้เรียก อเมริกันฟุตบอลแทน ในขณะที่ อังกฤษ จะเรียกว่า ฟุตบอล

ความไม่เหมือนกันตรงจุดนั้นก็เป็นประเด็นให้ทางสิงโตคำราม เอามาล้อเลียนฝั่งมะกันเสมอ แม้ว่าในการแข่งขันฟุตบอลจะยังไม่มีประเด็นปัญหาหรือความบาดหมางออกมาให้ได้สะสาง แต่คู่นี้ดูจะเป็นการชนกันของศักดิ์ศรีว่าฟุตบอลของใครคือ ‘Real Football’ อย่างที่ทางฝั่งผู้ดีเคลมนักเคลมหนา

แม้เรื่องราวบาดหมางกันจะยังไม่เคยเกิดขึ้นกันในฟุตบอลชาย แต่ในฟุตบอลหญิงก็เคยมี อเล็กซ์ มอร์แกน ของฝั่งอเมริกัน ฉลองประตูด้วยท่าจิบชา หลังยิงประตูชัยใส่สิงโตสาว ซึ่งถูกโยงไปถึงเรื่องในประวัติศาสตร์อย่าง กฏหมายชา ที่เป็นกฏหมายการค้าแบบที่ผู้ดีเอาเปรียบอเมริกันชน จนเกิดสงครามประกาศอิสรภาพของมะกันตามมาในภายหลัง

 

อังกฤษ VS สก็อตแลนด์

England v Scotland: Poor team v worse team - Football365

แม้สก็อตแลนด์ จะยังไม่คอนเฟิร์มผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคู่ปรับที่โด่งดังเป็นอันดับต้นๆของโลกฟุตบอล แต่มันไม่ได้เริ่มบาดหมางกันเพราะเรื่องฟุตบอล โดยความขัดแย้งของทั้งสองชาติเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ยุคโบราณช่วงปี ค.ศ. 122 ที่อาณาจักรโรมัน บุกมาแบ่งแยกเกาะบริเตนเป็นสองส่วน ได้แก่ทางเหนือที่พวกเขายึดไม่ได้ และทางใต้ที่พวกเขาครอบครองอยู่

จนทำให้หลังจากนั้นทั้งสองส่วนก็วุ่นวายอยู่กับการรวมๆแยกๆประเทศมาโดยตลอด และด้วยความที่อังกฤษ เป็นชาติที่พัฒนาไปได้ไกลกว่า ทำให้เกิดการดูหมิ่นดูแคลนกันเกิดขึ้น จนกลายเป็นความคับแค้นใจของชาวสก็อตมาจนถึงปัจจุบันวันนี้ที่ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ตัดภาพมาที่เรื่องของฟุตบอล แม้ขุนพลแดนวิสกี้ จะเป็นรองทัพสิงโตคำรามมาโดยตลอด แต่เมื่อโคจรมาเจอกันทีไร ศึกที่เรียกว่า เกรท บริเตน ดาร์บี้ ก็มีดีกรีความเดือดดาลเสมอ อย่างเหตุการณ์ที่วุ่นวายที่สุดเกิดขึ้นในเกมที่ทั้งคู่พบกันเมื่อปี 1977 ที่สนามเวมบลีย์ แฟนบอลสก็อตแลนด์ที่ได้บุกมาเอาชนะคู่ปรับได้ถึงถิ่น ได้ลงมาฉลองกันในสนาม ลามไปถึงขั้นทำลายข้าวของ โชคยังดีที่ไม่ได้ไปถึงการทำร้ายร่างกายกัน

เหตุการณ์ดีใจสุดเหวี่ยง ขิงกันสุดใจของแฟนบอลคู่นี้มีให้เห็นกันอย่างชินตา แม้ว่าชาติอื่นในเครือจักรภพอย่าง เวลส์​ และ ไอร์แลนด์​เหนือ จะใช้การเจอกับอังกฤษว่า เกรท บริเตน ดาร์บี้ เหมือนกัน แต่ไม่มีชาติไหนเกลียดสิงโตคำรามเข้าไส้เท่าชนชาวสก็อตอีกแล้ว ถึงขั้นที่ว่าพวกเขาเรียกฝั่งผู้ดีว่า “Auld Enemy” หรือที่แปลว่าศัตรูเก่าแก่เลยทีเดียว

 

อเมริกา VS อิหร่าน

Politics in football: USA vs Iran in '98 - FIFA Museum (english)

ทั้งสองทีมไม่ได้เริ่มบาดหมางกันในเรื่องของเกมฟุตบอลมาก่อน แต่เป็นเรื่องของการเมืองที่มีมาตั้งแต่ช่วงก่อนยุค 80 ซึ่งทางอิหร่านมองว่าอเมริกา เข้ามาแทรกแซงการปกครอง ก่อนที่ภายหลังจะนำมาซึ่งการปฏิวัติอิหร่านให้กลายเป็นรัฐอิสลาม และดำเนินนโยบายต่อต้านชนชาวมะกันอย่างเต็มที่

เหตุการณ์ตึงเครียดมาถึงจุดสูงสุดในการที่มีนักศึกษาบางส่วนเข้ายึดสถานทูตสหรัฐฯ พร้อมจับตัวประกันเป็นชาวอเมริกันถึง 52 รายไว้นานกว่า 444 วันจนสุดท้าย อเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ยี่หระอะไร แถมยังประกาศว่า สหรัฐฯเป็นศัตรูทางศาสนาคืนทันที

ตัดภาพมาที่ฟุตบอลทั้งคู่ก็เคยเจอกันมาก่อนแล้วในเกมฟุตบอลโลก 1998 พวกเขาถูกจับมาอยู่สายเดียวกัน ความเดือดของการเมืองก็ตามมาถึงโลกลูกหนัง เมื่อรัฐบาลอิหร่านประกาศห้ามนักเตะของพวกเขาไปจับมือกับนักเตะอเมริกา ร้อนถึง FIFA ต้องขอให้แข้งแดนลุงแซมเป็นฝ่ายเดินไปจับมือแทน ซึ่งเรื่องนี้ก็จบลงด้วยความสวยงามเมื่ออเมริกายอมทำตามที่ FIFA ร้องขอส่วนขุนพลจากตะวันออกกลางก็มอบดอกกุหลาบให้คืน พร้อมถ่ายรูปร่วมกัน

อย่างไรก็ตามหลังเกมจบด้วยชัยชนะของ อิหร่าน ด้วยสกอร์ 2-1 แถมเป็นชัยชนะครั้งแรกของพวกเขาบนเวทีฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในขณะเดียวกันบรรดาแฟนบอลของทั้งสองฝ่ายก็แสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรกันอย่างเต็มเหนี่ยวบนอัฒจันทร์ ต้องรอดูว่าการโคจรมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 24 ปี ความตึงเครียดของทั้งคู่ในโลกฟุตบอลจะคลายลงบ้างหรือไม่

เป็นเด็กลี้ภัย,เกือบซบบาร์ซ่า,… : 7 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ “ลูก้า โมดริช”

โมดริช