จอห์น เฮิร์ดแมน : กุนซืออังกฤษผู้พาแคนาดาลุยบอลโลกในรอบ 36 ปี

จอห์น เฮิร์ดแมน : กุนซืออังกฤษผู้พาแคนาดาลุยบอลโลกในรอบ 36 ปี

ความทรงจำของแฟนบอลอังกฤษในฟุตบอลโลกปี 1986 คงไม่มีใครลืมเหตุการณ์ ‘หัตถ์พระเจ้า’ ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานแข้งทีมชาติอาร์เจนติน่า และประตูโซโล่เดี่ยว จนโดนเขี่ยตกรอบในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนทีทัพฟ้าขาวจะก้าวขึ้นครองแชมป์ในบั้นปลาย

ทว่าความทรงจำของแฟนบอลจาก แคนาดา ในศึกชิงแชมป์โลกที่เม็กซิโก กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะ 3 เกมที่ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ไม่มีประตู ไม่มีแต้ม และกลายเป็นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายหนเดียวที่พวกเขาเคยเข้าร่วมฟาดแข้งด้วย

ทว่าทั้งหมดไปเปลี่ยนแล้ว หลังทีม เมเปิ้ลแดง ถล่ม จาไมก้า 4-0 ส่งผลให้พวกเขาคว้าตั๋วลุยทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ปลายปี 2022 ที่กาตาร์ เรียบร้อย และกลายเป็นชาติแรกในโซนคอนคาเคฟ ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วย

โดยหนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จมาจาก จอห์น เฮิร์ดแมน เฮดโค้ชชาวอังกฤษ กุนซือคนปัจจุบัน ที่เคยคุมทีมชาติแคนาดาหญิง ระหว่างปี 2011-2018 พร้อมประสบความสำเร็จด้วยเหรีญทองแดงโอลิมปิก ในปี 2012 กับ 2016

ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะกลายเป็นผู้จัดการทีมชาวอังกฤษคนแรกที่คว้าแชมป์โลก นับตั้งแต่ เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ ทำไว้ในปี 1966 แต่หากย้อนไปดูรอบคัดเลือกที่ผ่านมา แคนาดา ในมือของ เฮิร์ดแมน ก็ยอดเยี่ยมเกินกว่าจะมองข้ามได้…

 

ทีมดาวรุ่งและวัยเก๋าที่ลงตัว

The soccer revival that led Canada to the verge of the World Cup |  theScore.com

อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ คือดาวเด่นประจำทีมชาติแคนาดาชุดปัจจุบัน ทว่าก็ไม่ได้ลงเล่นตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาหัวใจ ถึงแม้อย่างนั้น เฮิร์ดแมน และทีมของเขาก็สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกได้โดยไร้แนวรับจาก บาเยิร์น มิวนิค

ณ ตอนนั้น เดวี่ส์ กำลังอยู่ในฟื้นฟูร่างกายอยู่ และมีหวังร่วมลุยศึกใหญ่ไปพร้อมๆกับ โจนาธาน เดวิด กองหน้าเนื้อหอมจาก ลีลล์, เทจอน บูคาแน่น แนวรุกจาก คลับ บรูซ หรือ ไคล์ ลาริน ศูนย์หน้าจาก เบซิคตัส 

ผู้เล่นเหล่านั้นเป็นหลักฐานชั้นดีที่แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาแข้งเยาวชนของ แคนาดา ถูกยกระดับขึ้นมาอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งกีฬาฟุตบอลก็กลายเป็นที่สนใจของคนในประเทศมากขึ้นด้วย

นอกจากผู้เล่นหนุ่มแล้ว ทีมชุดนี้ก็ยังมีตัวเตะมากประสบการณ์ ทั้ง จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์, มิลาน บอร์ยาน หรืออติบา ฮัทชินสัน กองกลางกัปตันทีมวัย 39 ปี ไว้ประคองรุ่นน้อง สร้างความสมดุลในทีมได้อย่างดีเช่นกัน

“แคนาดา คือชาติที่โดดเด่นเรื่องฮอกกี้ แต่ฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีส่วนร่วมสูงสุด” เฮิร์ดแมน กล่าวกับ BBC Sport

“เด็กๆ ทุกคนเล่นฟุตบอล นั่นคือความจริง ประเทศนี้มีประชากรที่หลากหลายมาก เรามีผู้อพยพจำนวนมาก รวมถึงตัวผมเองก็ด้วยที่มีความรักครั้งแรกเป็นฟุตบอล”

“แต่พวกเขาไม่มีทีมชาติให้คอยสนับสนุน แม้ทีมหญิงประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ทีมชายไม่ไปถึงจุดนั้น มันเป็นเหมือนยักษ์หลับ แต่ก็มีความสามารถพร้อมที่จะเข้าไปกระตุ้นจิตใจของแฟนกีฬาชาวแคนาดา”

 

ชาติที่มีความยืดหยุ่น

Match Analysis: CanMNT 2-1 Mexico — World Cup Qualifying – Canadian Premier  League

 ภาพที่ แคนาดา ฉลองท่ามกลางหิมะ หลังเกมที่เอาชนะ เม็กซิโก 2-1 ใน เอ็มมอนตัน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ถือเป็นที่น่าจดจำและพูดถึงอย่างมากในวงการลูกหนังโซนอเมริกาเหนือ

เฮิร์ดแมนและทีมงานของเขารู้ดีว่าการแข่งขันในรอบคัดเลือกของโซนคอนคาเคฟนั้นทรหดไม่แพ้ทัวร์นาเม้นต์ชิงแชมป์ระดับทวีปเลย หลังประเดิม 2 นัดด้วยผลเสมอในรอบคัดเลือก กับ ฮอนดูรัส และ สหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

อีกทั้งสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเล่น เพราะบ่อยครั้งที่ แคนาดา ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีสภาพอากาศต่างจากที่ผู้เล่นแคนาดาคุ้นเคย

“ในเฮติ เดือนมิถุนายน มีอุณหภูมิ 37 องศา ยางของรองเท้าแทบละลายในสนามหญ้าเทียมเลย” กุนซือทัพ เมเปิ้ล กล่าวเสริม

“มีบางช่วงเวลาในเกมเหล่านั้นที่มีโอกาสลองดู พูดว่า ‘โอเค เรามีข้อแก้ตัว มันร้อนเกินไป’ สมองมักจะเล่นกับสิ่งนั้น ดังนั้นมันต้องมีเวลาที่คู่แข่งของเราจะเข้าใจความรู้สึกนั้นบ้าง”

ดังนั้นเกมกับ เม็กซิโก ที่เล่นใน เอ็ดมอนตัน ที่บันทึกไว้ว่ามีอุณหภูมิ -9 องศา และหิมะตกลงมาล่วงหน้าจำนวนมาก จะเป็นจุดที่ทำให้ผู้เล่นของ แคนาดา ได้เปรียบสุดๆ เนื่องจากความคุ้นเคยกับสภาพอากาศนั่นเอง

แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเล่นในสภาพอากาศที่แตกต่างได้ดีเช่นกัน เพราะใน 13 นัดที่ผ่านมา พวกเขาคว้าชัยได้ถึง 8 ครั้ง เสมอ 4 และแพ้แค่ 1 ในเกมบุกไปเยือน คอสตาริก้า ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

“เราสามารถเล่นในบรรยากาศที่หลากหลายได้มากขึ้น บางทีอาจรวมไปถึงแม้แต่ในสนามกีฬาในร่มที่ปิดมิดชิด แต่เราค่อนข้างชัดเจนว่านี่คือแคนาดายุคใหม่” เฮิร์ดแมน กล่าว

“นี่เป็นประเทศที่มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งเติบโตขึ้นมาโดยต้องเล่นบนสนามหญ้าเทียมและในสภาพอากาศหนาวเย็น เรามองว่าเป็นโอกาส”

“เมื่อมีคนพูดว่า ‘ทำไมแคนาดาถึงไม่เข้ารอบ’ (มานานมาก) คุณจะเห็นความท้าทายในการจัดการเวลาในคอนคาเคฟ 2 เกมใน 7 วันและการเดินทางหลายพันไมล์เพื่อให้เกมเหล่านั้นเสร็จสิ้น”

 

แรงกระตุ้นของคนไม่เคยค้าแข้งอาชีพ

Meet John Herdman, the 'other' English manager heading to the World Cup  finals | Sport | The Times

เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ เฮิร์ดแมน ชายหนุ่มผู้เกิดและเติบโตใน เค้าน์ตี้ เดอร์แฮม ตัดสินใจลางานโค้ชในทีมเยาวชนของ ซันเดอร์แลนด์ เพื่อไปเริ่มต้นใหม่ใน นิวซีแลนด์ และรับงานคุมทีมหญิงในปี 2006

นั่นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับกุนซือวัย 46 ปี กับการพาทีม กีวี่ หญิง ลุยบอลโลก ในปี 2007 กับ 2001 รวมถึงโอลิมปิกปี 2008 และจุดนั้นเองก็ทำให้เขาได้เข้ามาคุมทีมหญิงแคนาดา และทีมชาติในเวลาต่อมา

ทว่าการที่ เฮิร์ดแมน ไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพมาก่อน หากเล่นก็เป็นเพียงทีมระดับสมัครเล่นกับ ฮิบิสคัส โคสต์ สมัยย้ายไป นิวซีแลนด์ ใหม่ๆ

เรื่องนั้นทำให้เขาถูกดูแคลนความสามารถในช่วงที่เริ่มต้นทำงานโค้ชเช่นกัน และสิ่งนั้นกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เขาอยากพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรกับฟุตบอลระดับสูง

“มีแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ในตอนนั้น เมื่อคุณยังไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ คุณมักมีความขุ่นเคืองอยู่ในใจอยู่เสมอ” กุนซือชาวอังกฤษ กล่าว

“ผมไม่ได้เล่นในระดับสูงสุด และในช่วงปีแรกๆในการเป็นโค้ช ผมโดนพูดกรอกหูเรื่องนี้ให้ฟังค่อนข้างบ่อย มันพัฒนาความคิดจิตใจที่จะทำงานหนักขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าคุณอยู่ในระดับนั้น”

 

คนที่ 2 ในประวัติศาสตร์

How Canada rewrote its soccer history with World Cup berth - Team Canada -  Official Olympic Team Website

ปัจจุบัน เฮิร์ดแมน ทำสิ่งที่กุนซือทีมชาติแคนาดาไม่เคยทำได้ในช่วง 36 ปี นั่นก็คือการพาทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ หลังเกมรอบคัดเลือกที่ถล่ม จาไมก้า 4-0 

นั่นทำให้ทีม เมเปิ้ล กลายเป็นชาติแรกในโซนคอนคาเคฟ ที่คว้าตั๋วชิงแชมป์โลกที่ กาตาร์ ก่อนใคร และทำได้ก่อนตัวเต็งทวีปอย่าง เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา ด้วยซ้ำ

“เราเพิ่งผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก นี่เป็นสิ่งยืนยันว่าเป็นประเทศฟุตบอลอย่างแท้จริง” เฮิร์ดแมน กล่าวหลังเกมวันนั้น

“เมื่อผมรับงานในครั้งแรกและพูดว่า ‘เรากำลังจะผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก’ ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะเชื่อเรา ผมมีความสุขสำหรับพวกเขาจริงๆ เพราะแฟนๆเหล่านี้รอและรอและรอมาเนิ่นนานและอยู่กับเราตลอด และเรากำลังจะได้ไปเสียที”

“ผมคิดว่าประเทศนี้ไม่เคยเชื่อในเรา เพราะเราไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขาเชื่อเลย ตอนนี้พวกเขาเชื่อแล้ว นี่คือเวลาสำหรับทุกคนที่จะสนับสนุนฟุตบอลและรวมตัวกันเพราะเราสามารถกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งได้”

ปี 2018 คือช่วงแรกที่ เฮิร์ดแมน รับงานคุมทีมชาติ แคนาดา และพัฒนาทีมไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการไต่อันดับจาก 72 มาถึง 33 ในฟีฟ่าแรงค์กิ้งซึ่งถือว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขา

ล่าสุด เฮิร์ดแมน กลายเป็นกุนซือคนที่ 2 ต่อจาก โทนี่ เวทเตอร์ ที่พา แคนาดา ผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ และใช้เวลาทำสิ่งนี้เพียง 4 ปีเท่านั้นซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับทีมที่ไม่เคยไปเล่นทัวร์นาเม้นต์ระดับโลกมาเกือบ 4 ทศวรรษ

แม้ไม่ได้ผ่านเข้ามาเล่นในฐานะทีมเต็งลุ้นแชมป์เหมือนทีมดังในยุโรปหรืออเมริกาใต้ แต่เชื่อว่า เฮิร์ดแมน และ แคนาดา ชุดปัจจุบัน พร้อมจะสร้างประวัติศาสตร์ของพวกเขาขึ้นมาให้แฟนบอลทั่วโลกได้ประจักษ์ที่ กาตาร์ อย่างแน่นอน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

แข้งสุดคัลท์สู่บาทหลวง : ตาริโบ เวสต์ ผู้เป็นมากกว่าตำนาน CM
แข้งสุดคัลท์สู่บาทหลวง : ตาริโบ เวสต์ ผู้เป็นมากกว่าตำนาน CM