นับตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามากุมบังเหียน ลิเวอร์พูล ในเดือนตุลาคมปี 2015 เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้สร้างการเซ็นสัญญาที่น่าจดจำเอาไว้มากมาย และบางดีลอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการซื้อตัวที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมีใครหรือสโมสรไหนสมหวังไปทุกดีล สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยม… คือการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลว ไม่ก็ล้มเหลวในการเซ็นสัญญา และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบนถิ่นแอนฟิลด์ ก็มีนักเตะจำนวนไม่น้อยที่ทำให้กุนซือชาวเยอรมันต้องอกหักด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป
และในวันนี้ เราจะย้อนไปดู 6 ดีลที่มีการยืนยันว่า คล็อปป์ ให้ความสนใจจริงๆ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาเหล่านั้นกลับไม่ได้ย้ายมาค้าแข้งในเสื้อหงส์แดง
ติโม แวร์เนอร์
สถิติการซัดให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ไปถึง 34 ประตู จากการลงสนาม 45 นัดรวมทุกรายการ ในฤดูกาล 2019-20 ได้ทำให้ชื่อของ แวร์เนอร์ ไปเตะตาบรรดายักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหนึ่งในทีมที่มีข่าวเชื่อมโยงกับเจ้าตัวมากที่สุดคือ ลิเวอร์พูล
ทว่าผลกระทบด้านการเงินจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 บีบให้หงส์แดงต้องลดระดับความสนใจในตัวกองหน้าทีมชาติเยอรมันลง และเป็น เชลซี ที่กำเงิน 47.5 ล้านปอนด์ไปฟาดใส่สโมสรจากบุนเดสลีก้า เพื่อคว้าหัวหอกรายนี้มาล่าตาข่ายบนถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
“ตอนที่ผมตัดสินใจว่าจะย้ายออกจาก ไลป์ซิก ผมได้พูดคุยกับสโมสรต่างๆ แน่นอนว่าต้องเป็นอย่างนั้น” แวร์เนอร์ กล่าวเมื่อเดือนกันยายนปี 2020 “ถัดจาก เชลซี มีสโมสรอื่นที่ผมพูดคุยด้วย แต่สำหรับผม ผมไม่อยากพูดถึงสโมสรมากนัก เพราะสุดท้ายแล้วผมก็ตัดสินใจเลือก เชลซี”
“มีสโมสรอื่นอย่างเช่น ลิเวอร์พูล พวกเขามีทีมที่ยอดเยี่ยม และบางทีผมอาจจะเข้ากันได้ดีกับทีมอื่น แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือก เชลซี เพราะมันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ไม่ใช่แค่เพราะสไตล์ฟุตบอล แต่รวมถึงสิ่งที่พวกเขาแสดงให้ผมเห็นด้วย”
หลังจากคลาดกับ แวร์เนอร์ – คล็อปป์ ก็เบนเข็มไปสอย ดิโอโก้ โชต้า มาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ด้วยค่าตัว 41 ล้านปอนด์ แบบผ่อนจ่าย และอย่างที่คุณรู้… ในขณะที่อดีตดาวยิงไลป์ซิกกำลังล้มลุกคลุกคลานกับสิงโตน้ำเงินคราม แนวรุกชาวโปรตุกีสได้กลายเป็นหนึ่งในตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกไปแล้ว
อเล็กซ์ เตเซร่า
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปี 2016 คล็อปป์ ได้วาง เตเชร่า ไว้เป็นดีลใหญ่ดีลแรกของตัวเองในฐานะเทรนเนอร์ลิเวอร์พูล พร้อมยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการไปถึงมือของ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค เป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่ตัวนักเตะเองก็ไม่ปิดบังถึงความปรารถนาที่จะย้ายมาปั้นเกมรุกบนถิ่นแอนฟิลด์
แต่สุดท้าย จากที่จะได้มาเล่นในเมอร์ซี่ไซด์ เพลย์เมคเกอร์ชาวบราซิเลี่ยนกลับต้องบินข้ามทวีปไปค้าแข้งที่ไชนีส ซูเปอร์ลีกกับ เจียงซู ซูหนิง แทน เนื่องจากหงส์แดงไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินจำนวน 38 ล้านปอนด์ ตามที่สโมสรจากยูเครนเรียกร้อง
“ทีมได้รับหนึ่งข้อเสนอจาก ลิเวอร์พูล” เตเชร่า บอกกับ Anfield HQ เมื่อเดือนมกราคมปี 2016 “มันถูกปฏิเสธ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม มีเพียงข้อเสนอเดียว และ ชัคตาร์ ปฏิเสธมัน”
“ผมรู้ว่าเอเยนต์ของผมยังคงพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยพาผมไป ลิเวอร์พูล มันเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยม มันน่าผิดหวัง”
ตัดกลับมาที่ คล็อปป์… สุดท้ายเขาจบตลาดซื้อขายนักเตะรอบดังกล่าวด้วยการได้ลูกทีมใหม่มา 2 ราย ได้แก่ มาร์โก กรูยิช ที่คว้ามาจาก เร้ดสตาร์ เบลเกรด ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร และ สตีเว่น คอลเกอร์ ที่ยืมมาจาก ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ด้วยสัญญาระยะสั้น 6 เดือน
อุสมาน เด็มเบเล่
หลังจากจบไกลถึงอันดับ 8 ในฤดูกาลแรกกับ ลิเวอร์พูล – คล็อปป์ ก็รับรู้แล้วว่าเขาจำเป็นต้องเพิ่มความอันตรายในตำแหน่งปีก และเป้าหมายที่หงส์แดงล็อคไว้คือ เด็มเบเล่ ที่เวลานั้นกำลังพุ่งขึ้นมากับ แรนส์
แนวรุกทีมชาติฝรั่งเศส แจ้งเกิดได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ถูกดันขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ แรนส์ แบบเต็มตัว หลังจากทำไปถึง 12 ประตู 5 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 26 นัดในลีกเอิง ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทัพ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทันทีหลังจบซีซั่น 2015-16 ต่อด้วยการย้ายไปเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า ในอีก 12 เดือนต่อมา ด้วยค่าตัวสุดบ้าคลั่ง 145 ล้านยูโร
“ผมเห็น คล็อปป์ ในปารีส แต่ผมบอกเขาไปว่าผมตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญากับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์” เด็มเบเล่ บอกกับ FourFourTwo เมื่อปี 2017
แต่ถึงตรงนี้ อาจสามารถพูดได้เต็มปากว่าการพลาดลายเซ็นของ เด็มเบเล่ ถือเป็นเรื่องดีสำหรับ ลิเวอร์พูล เมื่อพวกเขาเปลี่ยนไปคว้าปีกจากเซาแธมป์ตันที่ชื่อว่า ซาดิโอ มาเน่ มาแทน ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์
เบน ชิลเวลล์
ความปราชัยในรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูโรป้า ลีก เมื่อปี 2016 ช่วยให้ คล็อปป์ ตาสว่างว่าหากอยากจะพา ลิเวอร์พูล ไปไกลกว่านี้ หนึ่งในสิ่งที่เขาต้องทำคือหาแบ็คซ้ายคนใหม่มาแทนที่ อัลเบร์โต้ โมเรโน่
หงส์แดง ตัดสินใจปักหมุดที่ ชิลเวลล์ ซึ่งเวลานั้นเป็นเพียงดาวรุ่งที่ยังไม่เคยสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกเลยสักนัด ทว่าการที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ตั้งค่าตัวไว้ที่ 10 ล้านปอนด์ ทำให้อดีตนายใหญ่เสือเหลืองเลือกที่จะใช้บริการ โมเรโน่ และ เจมส์ มิลเนอร์ ในตำแหน่งแบ็คซ้ายต่อไปอีก 1 ฤดูกาล
“เอเยนต์ของผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้ทั้งหมด พูดคุยกับ ลิเวอร์พูล และ เลสเตอร์ เกี่ยวกับสถานการณ์” ชิลเวลล์ บอกกับ Sky Sports เมื่อปี 2019
“ในตอนนั้น ผมกำลังพยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในทีมชุด U-21 ที่ เลสเตอร์ ดังนั้น ผมจึงแค่โฟกัสกับเรื่องนั้น และพยายามก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ที่นี่”
คล็อปป์ อดทนใช้ของเดิมที่มีตลอดฤดูกาล 2016-17 ก่อนที่จะไปถอย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ด้วยราคาเพียง 8 ล้านปอนด์ หลังจบซีซั่นดังกล่าว ส่วนทางฝั่ง ชิลเวลล์ ก็ไปได้สวยเช่นกัน เมื่อเขาอัพเกรดตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของอังกฤษ และย้ายไปร่วมทีม เชลซี ด้วยค่าตัวถึง 50 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2020
ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้
จากผลงานในช่วงยืมตัวที่ เอ็มโปลี ทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจเดินเครื่องทาบทาม ซีลินสกี้ มาอยู่ด้วยในปี 2016 อีกทั้งกองกลางทีมชาติโปแลนด์ยังได้ให้ความหวังกับเดอะ ค็อปแบบสุดๆ โดยการสวมเสื้อลิเวอร์พูลที่สกรีนชื่อของเขาพร้อมหมายเลข 10 ออกรายการโทรทัศน์ที่บ้านเกิดด้วย
“ในหัวของผมวุ่นวายไปหมด ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็บินมาหา และผมได้พบกับ เจอร์เก้น คล็อปป์” ซีลินสกี้ บอกกับ Przegląd Sportowy เมื่อปี 2016
“เขาบอกว่าเขาอยากให้ผมอยู่ในทีมของเขา ผมเห็นโลกที่ต่างออกไป และหลังจากกลับมา ในหัวของผมวุ่นวายยิ่งขึ้นไปอีก”
อย่างไรก็ตาม การเจรจาระหว่าง ลิเวอร์พูล กับต้นสังกัดที่แท้จริงของนักเตะอย่าง อูดิเนเซ่ กลับไม่ลุล่วง และเจ้าตัวก็ได้ไปลงเอยกับ นาโปลี แทนในช่วงซัมเมอร์นั้น หงส์แดงจึงต้องหันไปใช้แผนบี นั่นคือการโอนเงิน 25 ล้านปอนด์เข้าบัญชีของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เพื่อเซ็นสัญญากับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม
นาบิล เฟกีร์
หากพูดถึงหัวข้อแข้งที่พลาดการย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ในยุคของคล็อปป์ คงไม่มีดีลไหนที่จะเฉียดไปกว่าดีล เฟกีร์ ในปี 2018 เนื่องจากทุกอย่างเสร็จสิ้นถึงขนาดที่ว่ามีทั้งภาพและคลิปเปิดตัวของนักเตะในชุดหงส์แดงหลุดออกมา หรือแม้กระทั่งมีการนั่งสัมภาษณ์กับสื่อของสโมสรไปแล้วด้วย
รายงานระบุว่า ลิเวอร์พูล ตัดสินใจล้มโต๊ะในนาทีสุดท้าย เพราะกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าของดาวเตะเฟรนช์แมน ทว่าในเวลาต่อมา เจ้าตัวก็ได้ออกมายืนยันว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้ตรงกันข้ามกับข่าวที่ถูกเขียนขึ้นอย่างสิ้นเชิง
“มันเป็นช่วงเวลาที่มืดมน” เฟกีร์ บอกกับ The Times เมื่อปีที่แล้ว “ผมเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เป็นความจริง มีการพูดกันว่าเข่าของผมหยุดผมไม่ให้ย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย”
“ผมไปที่แกลร์กฟงแต็ง (ศูนย์ฝึกฟุตบอลของฝรั่งเศส) และพวกเขาก็ทำหลักฐานทั้งหมด (ทางการแพทย์) เรียบร้อยแล้ว และเข่าของผมก็โอเค ผมมีปัญหากับเอเยนต์ของผม , ที่ปรึกษาของผม มันเป็นเอเยนต์ที่ต้องรับผิดชอบกับการที่ดีลไม่ลุล่วง”
“แน่นอนว่าผมผิดหวังที่ไม่ได้ย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล , ผิดหวังมาก เพราะ ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยม ผมได้พบกับโค้ช เจอร์เก้น คล็อปป์ และมันก็เป็นไปด้วยดี หลังจากที่ได้พบกับเขา ผมอยากย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล มากยิ่งขึ้นอีก เขาเป็นคนดี”
สุดท้ายในช่วงหน้าร้อนนั้น คล็อปป์ ก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะหาหมายเลข 10 คนใหม่มาเติมเต็มช่องว่างที่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ทิ้งไว้ พร้อมเอางบไปลงทุนกับตำแหน่งอื่นแทน ขณะที่ เฟกีร์ ก็จำใจต้องค้าแข้งกับ โอลิมปิก ลียง ต่อไปอีก 1 ฤดูกาล ก่อนที่จะย้ายไปซบ เรอัล เบติส ด้วยค่าตัวที่ถูกลงกว่าที่หงส์แดงจะซื้อถึง 36 ล้านปอนด์