โบนุชชี่ถึงอิมโมบิเล่ : 11 แข้งฝีเท้าดีที่เจนัวเคยปั้น

แม้ว่าฤดูกาล 2021-22 จะเป็นฤดูกาลที่ 15 ที่โลดแล่นติดต่อกันอยู่บนเซเรียอา แต่ เจนัว ก็ยังเป็นหนึ่งในทีมที่คนให้ความสนใจน้อยพอสมควรในลีกสูงสุดของอิตาลี

‘กริโฟเน่’ เป็นสโมสรที่เก่าแก่ที่สุดในวงการลูกหนังแดนมักกะโรนี หลังก่อตั้งในปี 1893 หรือ 129 ปีที่แล้ว อีกทั้งยังเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเป็นอันดับ 4 ในประเทศ ด้วยการคว้าแชมป์ลีก 9 สมัย แต่ครั้งล่าสุดที่พวกเขาทำได้ต้องย้อนกลับไปในปี 1924 โน้นเลย 

เมื่อตัดกลับมาในยุคปัจจุบัน พวกเขากลายเป็นทีมที่รั้งอันดับกลางตารางเป็นส่วนใหญ่ และอันดับ 6 ในปี 2014-15 คืออันดับสูงสุดที่ทำได้ โดยมีดาวรุ่งขึ้นมาสร้างผลงานในทีมชุดใหญ่มากมาย  แม้อันดับในฤดูกาลนี้จะสุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้นก็ตาม

ด้วยลักษณะการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆในฟุตบอลยุคใหม่ บวกกับเรื่องอื้อฉาว และ วิกฤตทางการเงิน ทำให้เป็นเรื่องยากที่ ‘รอสโซ่บลู’ จะรั้งดาวเตะของตัวเองให้ค้าแข้งกับทีมต่อไปได้

UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 11 แข้งชื่อดังที่หลายคนรู้จัก แต่อาจลืมไปใว่าพวกเขาเคยเล่นให้กับทีมที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลีเช่นกัน

 

มัตเตีย เปริน

เปริน อาจกลับมาเฝ้าเสาให้กับ เจนัว เป็นคำรบที่สอง ในฤดูกาล 2019-20 แต่เขาก็ไม่ใช่นักเตะของสโมสรจริงๆ หลังถูกขายให้กับ ยูเวนตุสไปในปี 2018

นายทวารชาวอิตาเลี่ยน ย้ายมาร่วมทีม ‘รอสโซ่บลู’ ตั้งแต่อายุ 16 ปี จากนั้นก็ไต่เต้าจากทีมเยาวชนจนขึ้นมาเล่นเป็นมือหนึ่งในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นทำให้เขาได้ย้ายไปอยู่กับยอดทีมในตูริน แต่โอกาสลงสนามของเขาก็มีไม่มากเท่าไหร่นัก ส่งผลให้เขาเลือกย้ายมาเล่นกับทีมเก่าอีกครั้งแบบยืมตัวในดือนมกราคมปี 2021 ก่อนกลับไปเป็นมือสองในทัพ ม้าลาย เหมือนเดิมในปัจจุบัน

 

ซิเม่ เวอร์ซัลโก้

หลังใช้เวลาช่วงแรกในอาชีพค้าแข้งกับ ดินาโม ซาเกร็บ ซิเม่ เวอร์ซัลโก้ ก็ได้ย้ายไปเล่นนอกโครเอเชียเป็นครั้งแรก เมื่อย้ายไปร่วมทีม ‘กริโฟเน่’ ในปี 2013

แต่แบ็คขวาชาวโครแอตอยู่กับทีมแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น ลงเล่นเพียง 23 นัด เนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ ซาสซูโอโล่ ก็คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในเวลาต่อมา และกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมแอตเลติโก้ มาดริด ในปี 2016

เวอร์ซัลโก้ ยกระดับตัวเองให้กลายเป็นแบ็คขวาเบอร์ต้นๆใน ลาลีก้า ในช่วงหนึ่ง แต่อาการบาดเจ็บทำให้พัฒนาการของเขาหยุดชะงักลงจนกลายเป็นตัวสำรองของ ‘ตราหมี’ ในช่วง 2-3 ปีผ่านมา

 

โซคราติส

ก่อนจะไปสร้างชื่อในเยอรมัน ปราการหลังชาวกรีก ลงเล่น 2 ฤดูกาลในอิตาลีกับ เจนัว ระหว่างปี 2008-2010 และกลายเป็นตัวหลักของสโมสร รวมถึงเป็นที่รักของแฟนบอลในทีมด้วย

หลังย้ายไปล้มเหลวกับ เอซี มิลาน ช่วงสั้นๆ โซคราติส ก็ซบ แวร์เดอร์ เบรเมน แบบยืมตัวในฤดูกาล 2011-12 และถูกซื้อขาดในปีต่อมา  จากนั้น เขาก็ย้ายไปเล่นในทีมที่ใหญ่กว่าของเยอรมันอย่าง ดอร์ทมุนด์ จากนั้นจึงย้ายไปร่วมทีมอาร์เซน่อล ในซัมเมอร์ปี 2018 ก่อนกลับบ้านเกิดซบ โอลิมเปียกอส ในปี 2021

 

เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่

แม้ว่าเขาไม่เคยลงเล่นให้กับสโมสรแม้แต่นัดเดียว โบนุชชี่ ก็เคยเป็นนักเตะของเจนัวอยู่ดี หลังตรวจร่างกายตอนปลายเดือนมิถุนายน และย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฏาคม  ปี 2009 อย่างไรก็ตาม อีกวันต่อมา เขากลับโดนปล่อยให้ บารี่ คว้าไปร่วมทีมซะอย่างนั้น

ตอนนี้ ‘กริโฟเน่’ คงเสียใจกับการกระทำในตอนนั้นแน่นอน หลัง โบนุชชี่ กลายเป็นตัวหลักของบารี่ในฤดูกาล 2009-10 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตุส และพัฒนาฝีเท้าตัวเองจนกลายเป็นกองหลังระดับต้นๆของโลก พร้อมคว้าแชมป์เซเรียอา 8 สมัยด้วยกัน

 

โดเมนิโก้ คริสซิโต้

แบ็คซ้ายชาวอิตาเลี่ยนเคยค้าแข้งกับ เจนัว ถึง 3 หน โดยครั้งแรกคือช่วงที่เขาเลื่อนจากทีมเยาวชนมาเล่นในชุดใหญ่ ก่อนย้ายไป ยูเวนตุส แต่ก็ย้ายกลับมาอีกครั้ง พร้อมทำผลงานได้ดีใน 3 ฤดูกาล ระหว่างปี 2008 ถึง 2011 จึงเลือกย้ายไปเล่นที่ รัสเซีย กับ เซนิตฯ

คริสซิโต้ คว้าแชมป์รัสเซียน พรีเมียร์ลีก 2 สมัย กับยอดทีมแดนหมีขาว ก็กลับมาซบ กริโฟเน่ อีกครั้งเป็นรอบที่ 3 ในซัมเมอร์ปี 2018 และรั้งตำแหน่งกัปตันทีมจนถึงปัจจุบัน

 

โทมัส รินคอน

กองกลางตัวรับพันธ์ดุ เป็นอีกหนึ่งแข้งมากพรสวรรค์ที่ลา ‘รอสโซ่บลู’ เพื่อซบอก ยูเวนตุส ในเดือนมกราคมปี 2017 ด้วยค่าตัว 6.8 ล้านปอนด์ 

หลังได้ลงเล่นให้ เบี่ยงโคเนรี่ เพียง 13 นัดในเซเรียอา รินคอน ก็ย้ายไปเล่นกับ โตริโน่ แบบยืมตัวช่วงสั้นๆ แต่กลับทำผลงานได้ดี จนทีม ‘กระทิงหิน’ ตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อขาดในเดือนมกราคมปี 2018 แต่ในฤดูกาลปัจจุบัน แข้งทีมชาติเวเนซุเอล่า ย้ายไปเล่นให้ ซามพ์โดเรีย ด้วยสัญญายืมตัว

 

วารอน เบลลามี่

วารอน เบลลามี่ ได้ย้ายมาค้าแข้งกับ เจนัว ในปี 2003 ในสมัยที่เขาเป็นดาวรุ่งวัย 18 ปี ที่ทำลงานได้โดดเด่นกับ เอฟซี ลูกาโน่ สโมสรดังในสวิสเซอร์แลนด์

แม้ว่ากองกลางแดนนาฬิกาได้ใช้เวลากับ ‘รอสโซ่บลู’ เพียง 2 ฤดูกาล แต่ปีที่ 2 นั้นเขาได้ย้ายไปเล่นกับ เวโรน่า แบบยืมตัว ก่อนถูกขายให้กับ ลาซิโอ ในปีต่อมา หลังจากนั้น เบลลามี่ ก็ตระเวนค้าแข้งไปทั่วยุโรป  ทั้ง เวสต์แฮม, นาโปลี, ฟิออเรนติน่า และ ฮัมบูร์ก 

แข้งวัย 36 ปี ก็กลับมาเล่นในถิ่น สตาดิโอ ลุยจิ เฟอร์ราริส อีกครั้ง ในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวปี 2020 แต่ก็อยู่เพียง 2 ปี จึงย้ายไปเล่นกับ เบรสซ่า ทีมในเซเรียอา ช่วงตลาดเดือนมกราคมปีนี้

 

โจวานนี่ ซิเมโอเน่

เจนัว เป็นทีมแรกที่ โจวานนี่ ซิเมโอเน่ ลูกชายของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือแอตเลติโก้ มาดริด ย้ายมาในยุโรปเป็นทีมแรกในปี 2017 หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นในตำแหน่งตัวริมเส้นที่อาร์เจนติน่าบ้านเกิด 

แต่ ซิเมโอเน่ คนลูกก็อยู่กับ ‘กริโฟเน่’ เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น เนื่องจากฟอร์มสุดฮ็อตที่ยิงไป 14 ประตู จนถูก ฟิออเรนติน่า คว้าไปร่วมทีมในปีต่อมา แต่ก็ถูกปล่อยให้ กายารี่ ยืมไปใช้งานก่อนซื้อขาดในเวลาต่อมา โดยปัจจุบัน หอกวัย 26 ปี กำลังเล่นให้ เฮลาส เวโรน่า แบบยืมตัว ในฤดูกาลนี้ พร้อมโชว์ฟอร์มแจ่มอีกครั้งด้วยการซัดไป 12 ประตูจาก 15 นัดในลีก

 

สเตฟาน เอล ชาราวี่

ฟาโรห์น้อย ย้ายมาร่วมทีม ‘กริโฟเน่’ ตั้งแต่อายุ 14 ปี และไต่เต้าขึ้นมาเล่นชุดใหญ่จนได้ประเดิมนัดแรกในเซเรียอา ด้วยวัยเพียง 16 ปี ก่อนจะย้ายไปซบ เอซี มิลาน ในปี 2011

ตลอด 5 ปีในรอสโซเนรี่ เขาถูกปล่อยให้ โมนาโก และ โรม่า ยืมตัว ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมเมืองหลวงของอิตาลีแบบถาวรในปี 2016 

แข้งวัย 28 ปี อยู่เล่นกับทีม ‘หมาป่ากรุงโรม’  3 ฤดูกาล โดยยิงไป 40 ประตูจาก 139 นัด ก็ตัดสินใจลาไปโกยเงินหยวนกับเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ในลีกจีน เมื่อซัมเมอร์ปี 2019 แต่สุดท้ายก็กลับมาสวมเสื้อ จัลโลรอสซี่ อีกครั้ง ในปี 2021 จนถึงปัจจุบัน

 

คริสตอฟ เปียเท็ค

เปียเท็ค เปลี่ยนตัวเองจากแข้งโนเนมเป็นกองหน้าฟอร์มแรง ทั้งๆที่ย้ายมาเล่นในอิตาลีเป็นครั้งแรกกับ เจนัว ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2018-19 ด้วยการซัดไป 19 ประตูจาก 21 นัดในทุกรายการ

ฟอร์มการเล่นของหอกชาวโปล สร้างความสนใจให้กับทีมทั้งในและนอกแดนมักกะโรนีมากๆ ก่อนจะย้ายซบ เอซี มิลาน ในเดือนมกราคมปี 2019 แต่ช่วงเวลาในทีม ‘ปีศาจแดงดำ’ กลับไม่สวยงามอย่างที่คิด เมื่อยิงไปเพียง 16 ประตูจาก 41 นัดเท่านั้น

เมื่อบวกกับการมาของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ทำให้ เปียเท็ค เลือกโยกย้ายอีกครั้งในเดือนมกราคมปี 2020 กับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน แต่ปัจจุบันก็กลับมาล่าตาข่ายใน อิตาลี อีกครั้งกับ ฟิออเรนติน่า ในต้นปีที่ผ่านมา

 

ชิโร่ อิมโมบิเล่

หัวหอกจอมแกร่งที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งในและนอกประเทศมากมาย และตอนนี้ อิมโมบิเล่ กำลังโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของตัวเองอยู่ หลังถล่มประตูมากมายจนช่วยให้ ลาซิโอ มีลุ้นแชมป์สคูเด็ตโต้ในฤดูกาลนี้

ก่อนหน้านี้ เขาเคยค้าแข้งกับ เจนัว หนึ่งฤดูกาลในปี 2012 จากนั้นก็ย้ายไปเล่นกับ โตริโน่, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, เซบีย่า และ ลาซิโอ ซึ่งแน่นอนว่า ‘อินทรีฟ้าขาว’ คือทีมที่ อิมโมบิเล่ โชว์ฟอร์มโดดเด่นที่สุด เนื่องจากซัดไปแล้ว 116 ประตู จาก 167 เกมในทุกรายการ

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง