ดาวเตะทีมชาติไทย อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพิ่งย้ายจาก คอนซาโดล ซัปโปโร มาอยู่กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ด้วยค่าตัวสถิติบนเกาะญี่ปุ่น ประมาณ 3.5 ล้านปอนด์ หรือราว 133 ล้านบาท และประเดิมลงสนามเกมแรกกับต้นสังกัดใหม่ไปแล้ว ในศึก ฟูจิฟิล์ม ซูเปอร์ คัพ ที่แพ้ อูราวะ เรด ไดมอนส์ 2-0
โดยแมตช์ดังกล่าว ชนาธิป ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และลงเล่นไปทั้งหมด 77 นาที มีสถิติที่ยอดเยี่ยม จ่ายบอลสำเร็จ 51 ครั้ง จากทั้งหมด 58 ครั้ง ยิงตรงกรอบ 1 ครั้ง และครอสบอลสำเร็จ 2 ครั้ง จากทั้งหมด 4 ครั้ง อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นของเขากับ ฟรอนตาเล่ เท่านั้น
แน่นอนว่า การย้ายมาค้าแข้งในถิ่น คาวาซากิ โทโดโรกิ สเตเดี้ยม ของ ชนาธิป จะต้องถูกจับตามองแบบไม่ต้องสงสัย เพราะเวลานี้เขากลายเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นระดับแถวหน้าของ เจลีก ไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะได้เห็น ชนาธิป ลงเล่นในสีเสื้อทีมใหม่ เราจะไปดูกันว่าความท้าทายครั้งนี้ของเจ้าตัวกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จะเป็นอย่างไรต่อไป
เจ้าของสถิติค่าตัวแพงสุดบนเกาะญี่ปุ่น
หลังประสบความสำเร็จแบบเหนือความคาดหมายกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ตลอดระยะเวลา 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติไทย ถูกดึงมาอยู่กับสโมสรแชมป์ลีกสูงสุดแดนปลาดิบ 4 สมัย อย่าง คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ด้วยค่าตัวสถิติการย้ายทีมบนเกาะญี่ปุ่น 3.5 ล้านยูโร หรือประมาณ 133 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยค่าตัวจำนวนมหาศาล อาจสร้างแรงกดดันให้กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และถูกจับตามองจากทั้งแฟนบอลและสื่อมวลชนไม่น้อยแน่นอน เพราะฉะนั้นต้องมารอดูกันว่า เจ้าของหมายเลขเสื้อเบอร์ 18 คนใหม่ ฟรอนตาเล่ จะทำผลงานได้คุ้มกับค่าตัวที่สโมสรลงทุนไปหรือไม่
พร้อมโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลเอเชีย
การย้ายมาอยู่กับยอดทีมแห่งคานางาวะ ทำให้ เจ ชนาธิป จะได้ลงโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลถ้วยเอเชีย อย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2022 ซึ่งต้นสังกัดใหม่ของเขาลงเล่นรายดังกล่าวในฐานะแชมป์ เจลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่แข้งวัย 28 ปี เตรียมลงเล่นฟุตบอลเอเชีย กับทีมต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยเล่นกับ เอสซีจี เมืองทอง มาแล้ว เมื่อปี 2016 และ 2017 โดยในปีหลังเจ้าตัวพา “กิเลนผยอง” ทำผลงานยอดเยี่ยมทะลุเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนแพ้ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ส่วนผลงานส่วนตัวลงสนามไปทั้งหมด 8 นัด ยิง 1 ประตูทำอีก 1 แอสซิสต์
อย่างไรก็ตามซีซั่นนี้ ชนาธิป มีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก กับสโมสรใหม่ แน่นอนว่าเป้าหมายสูงสุดของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ คือการคว้าแชมป์สมัยแรกมาครองเท่านั้น
ร่วมงานนักเตะระดับแถวหน้าของ เจลีก
อีกหนึ่งโอกาสสำคัญของ ชนาธิป กับการย้ายมาเล่นในถิ่น คาวาซากิ โทโดโรกิ สเตเดี้ยม คือการได้ลงเล่นร่วมกับนักเตะแถวหน้าของ เจลีก ไม่ว่าจะเป็น เคียวเฮย์ โนโบริซาโตะ, ชูเอา ชมิดท์, เรียวตะ โอชิมะ, ยู โคบายาชิ รวมถึงอดีตกองหน้าทีมชาติบราซิล อย่าง เลอันโดร ดามิเยา
นอกจากจะเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าอดีต เจ แล้ว การได้เล่นในทีมที่รายล้อมไปด้วยนักเตะระดับท็อปของลีกแดนปลาดิบ ยังทำให้เขามีโอกาสยกระดับฝีเท้าให้ดีขึ้นกว่าเดิม จากการแข่งขันที่สูงขึ้นในทีม ฟรอนตาเล่ ซึ่งนั่นอาจส่งผลดีมาถึงทีมชาติไทย ด้วย
ต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมให้เร็ว
สิ่งสำคัญที่สุดของ ชนาธิป สำหรับการย้ายมาอยู่กับ ฟรอนตาเล่ ตอนนี้ คือเขาต้องพยายามปรับตัวเข้ากับทีมให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจต้องใช้เวลาพอสมควร กับการจูนสไตล์การเล่นและความเข้าใจกันระหว่างเพื่อนร่วมทีมใหม่
แต่หากเขาไม่สามารถปรับตัวได้เร็ว มีโอกาสเช่นกันที่ ชนาธิป อาจถูกจับนั่งเป็นแค่ตัวสำรอง เพราะในตำแหน่งเดียวกันผู้เล่นคนอื่นที่พร้อมลงสนาม และผลงานยอดเยี่ยมไม่แพ้กันหลายคน ซึ่งนี่จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของดาวเตะทีมชาติไทย รายนี้
จากสถิติการลงสนามเกมแรกกับ ฟรอนตาเล่ ปัญหาของ เจ คือความเข้าใจกันระหว่างเพื่อนร่วมทีม ซึ่งหากเขาสามารถปรับตัวได้เข้ากับทีมเมื่อไหร่ มั่นใจได้เลยว่า ชนาธิป จะสามารถระเบิดฟอร์มเก่งอีกครั้งได้แน่นอน
บทบาทและตำแหน่งกับทีมใหม่
หากพูดถึงเรื่องบทบาทและตำแหน่งของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับทีมใหม่อย่าง คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย และเราอาจต้องรอดูกันจนถึงตอนที่เจ้าตัวลงสนาม ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะถูกจับไปเล่นในตำแหน่งไหน
หากยึดตามแผนการเล่นของกุนซือ โทะรุ โอนิกิ เมื่อซีซั่นที่แล้ว ทีมของเฮดโค้ชวัย 47 ปี ใช้ระบบ 4-3-3 แบบ Holding ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ ชนาธิป อาจถูกจับไปยืนตำแหน่งปีกซ้ายแทนที่ คาโอรุ มิโตมะ ซึ่งย้ายไปอยู่กับ ไบรท์ตัน & ฮอฟ อัลเบียน เมื่อช่วงซัมเมอร์ และเขาเคยเล่นมาแล้วตอนอยู่กับ คอนซาโดล ซัปโปโร
ส่วนอีกตำแหน่งที่มีความเป็นไปได้เช่นกัน คือมิดฟิลด์ตรงกลางสนามฝั่งซ้าย ซึ่งเดิมทีเป็นตำแหน่งของ เรโอะ ฮาตาเตะ ที่เพิ่งย้ายไปอยู่กับ เซลติก นี่อาจเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ ชนาธิป กับบทบาทการเป็นตัวปั้นเกมคนใหม่ให้กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ และเป็นตำแหน่งเดียวกันกับไอดอลของเขาอย่าง เคนโงะ นากามูระ ที่เคยเล่นมาแล้วสมัยยังอยู่กับสโมสรแห่งนี้
โอกาสคว้าแชมป์ เจลีก
เป็นเวลายาวนานกว่า 5 ซีซั่น สำหรับการย้ายมาเล่นบนลีกสูงสุดแดนซามูไรของอดีตนักเตะ บีอีซี เทโรศาสน และ เมืองทอง ยูไนเต็ด เขาประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย ทั้งการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร คอนซาโดล ซัปโปโร และนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ เจลีก ทว่าสิ่งที่ขาดหายไปนั่นคือการคว้าแชมป์ ซึ่งโอกาสให้เคียงสุดคือการคว้าตำแหน่งรองแชมป์ ลูวาน คัพ ฤดูกาล 2019
อย่างไรก็ตามการย้ายมาอยู่กับ ฟรอนตาเล่ เป้าหมายเดียวของสโมสรแห่งนี้ คือการไล่ล่าแชมป์ เจลีก ในทุกซีซั่นที่ลงแข่นขัน ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของสำหรับ ชนาธิป กับโอกาสที่เขาจะเติมเต็มคว้าสำเร็จในการมาเล่นที่ญี่ปุ่น ด้วยการคว้าถ้วยแชมป์ในฤดูกาลนี้