หลังจากที่ทัพตราหมาสร้างประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในไม่กี่ทีมในรอบหลายปีที่ปาดหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไปคว้าแชมป์ลีกเอิงมาได้ แต่เพียงช่วงเวลาแค่ปีเดียวพวกเขาก็กลับฟอร์มตกลงไปดื้อๆในซีซั่น 2021/22
วันนี้ UFA ARENA จะพาไปเจาะสาเหตุที่ทำให้ฟอร์มของ ลีลล์ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ทั้งที่เพิ่งคว้าแชมป์มาได้ในปีก่อน
ก่อนมาถึงแชมป์
ลีลล์ ก่อนที่ะได้มาเถลิงแชมป์ในฤดูกาล 2020/21 พวกเขาเคยเป็นทีมที่เกือบตกชั้นเมื่อปี 2017/18 แถมยังประสบปัญหาการเงินอย่างหนักในปีเดียวกัน เนื่องจากการทุ่มซื้อนักเตะเข้าสโมสรถึงหลัก 76.5 ล้านยูโร แต่ขายออกไปได้แค่ 31 ล้านยูโร เท่านั้น แต่พวกเขาก็สามารถแก้ปัญหากลับตัวมาได้อย่างรวดเร็ว จากที่รอดตกชั้นแค่แต้มเดียว ปี2018/19 พวกเขาทะยานมาจบอันดับ 2 ของตาราง
ในขณะที่เรื่องของการเงินพวกเขาก็เปลี่ยนจากทีมที่เสี่ยงเจอวิกฤตจนแทบจะโดนปรับตกชั้น กลายมาเป็นทีมที่มีนโยบายการซื้อขายนักเตะได้ชาญฉลาดที่สุดในแดนน้ำหอมภายใต้การบริหารงานของ เฌราร์ โลเปซ ประธานคนใหม่ที่เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในตอนนั้น ส่วนในการทำทีมข้างสนามก็ได้ คริสตอฟ กาลตีเย ผู้ขึ้นชื่อเรื่องการคืนชีพทีมท้ายตารางช่วงกลางซีซั่น 2017/18
เสียตัวหลักทุกปี
ด้วยแนวทางการซื้อขายนักเตะของทัพตราหมาที่เน้นดึงนักเตะโนเนมเข้ามาด้วยราคาอันแสนถูก แล้วปล่อยตัวออกไปในราคาแพง ทำให้พวกเขาใช้เวลาแค่ 3 ปีทำกำไรจากการขายนักเตะไปกว่า 170 ล้านยูโร และใช้เวลาแค่ไม่นานก็แก้ปัญหาวิกฤตการเงินไปได้อย่างหมดจด
การดำเนินนโยบายดังกล่าวแสดงความเปลี่ยนแปลงให้เห็นตั้งแต่ปีแรก ซัมเมอร์ปี 2018 พวกเขาใช้เงินดึงนักเตะเข้าทีมมาแค่ 9 ล้านยูโรเท่านั้น ในขณะที่ขาออกพวกเขาฟันเงินไปถึง 69 ล้านยูโร ปีถัดมาแม้ว่าพวกเขาจะใช้เงินซื้อนักเตะไปถึง 99 ล้านยูโร แต่พวกเขาก็ปล่อยนักเตะออกไปมูลค่ากว่า 151 ล้านยูโร เช่นกัน
แน่นอนว่านโยบายแบบนี้ทำให้พวกเขาต้องเสียนักเตะฝีเท้าดีออกไปในทุกๆปี แต่ภายใต้การทำทีมของนายใหญ่ชาวฝรั่งเศส ก็ทำให้พวกเขายังคงเกาะกลุ่มหัวตารางมาได้ตลอด ก่อนที่ในฤดูกาล 2020/21 พวกเขาจะไปได้ถึงการคว้าแชมป์ลีกเอิง เป็นทีมแรกในรอบหลายปีที่สามารถหักด่าน เปแอสเช ทีมเงินถุงเงินถังประจำลีกไปได้ ทั้งที่เสียหอกตัวหลักอย่าง วิคเตอร์ โอซิมเฮน และกองหลังอย่าง กาเบรียล ออกไปจากทีมก็ตาม
แน่นอนว่าในซัมเมอร์ 2021 พวกเขาก็ยังคงเสียตัวหลักเช่นเคยทั้ง บูบาการี่ ซูมาเร่ , ไมค์ เมญอง และ ลุยซ์ อเราโฆ่ งบดุลในการปล่อยออกยังดีเหมือนเดิม แต่ขาเข้าพวกเขาแทบไม่ได้เสริมทีม ซึ่งในส่วนของเกมรุกพวกเขาก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร เพราะยังมี โจนาธาน เดวิดที่ยังยิงได้ต่อเนื่อง ที่แย่ไปชัดเจนคือ เกมรับ ที่เสียประตูทุกนัด มีแค่ 2 จาก 19 นัดในลีกที่พวกเขาไม่เสียประตูเท่านั้นเรียกว่าขุมกำลังปัจจุบัน ทดแทนทีมชุดก่อนไม่ได้เลย
กุนซือลาออก ประธานขายทีม
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทีมพังทลายก็คือการจากไปของผู้จัดการทีมอย่าง คริสตอฟ กาลตีเย ผู้ที่รับมือกับนโยบายของทีมได้ดีมาโดยตลอด ที่ประกาศลาออกทันทีหลังพาทีมคว้าแชมป์แค่ 2 วันเท่านั้น โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอันดับของทีมหรอก เพราะไม่ว่าทีมจะจบที่ 5 หรือที่ 7 ของตาราง ผมก็ยังตัดสินใจเหมือนเดิม ผมไม่ได้จากไปเพราะความสำเร็จ แต่ผมจากไปเพราะคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว”
นอกจากตำแหน่งเฮดโค้ชแล้ว ในส่วนของฝ่ายบริหารก็มีความเปลี่ยนแปลงจากการที่ประธานสโมสรอย่าง เฌราร์ โลเปซ ขายทีมตั้งแต่ช่วงกลางซีซั่น 2020/21 แล้วโยกไปซื้อ บอร์กโดซ์ แทนนั้นแปลว่าทั้งแนวทางการทำทีมที่ได้ผลดีมาตลอด บวกกับแนวทางการเล่นที่ลงตัว ที่หายไปพร้อมๆกันในช่วงซัมเมอร์เดียว กลายเป็นทุกอย่างเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นพร้อมกันทั้งนอกและในสนาม
ส่วนนายใหญ่คนใหม่อย่าง โจเซลิน กูร์แวนเน็ก ก็ไม่ได้มีเกียรติประวัติอะไร แถมยังเป็นคนว่างงานมาตั้งแต่กลางปี 2019 โดยงานสุดท้ายเป็นการทำ แก็งก็องตกชั้นไป แม้ว่าเจ้าตัวจะประเดิมด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ เฟรนซ์ ซูเปอร์คัพ มาได้ด้วยการเอาชนะ เปแอสเชมาก็ตาม แต่หลังจากนั้นผลงานในลีกก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ปัจจุบันไปกองอยู่อัน 8 ของตาราง
ในขณะที่เจ้านายเก่าของทัพตราหมาที่โยกไปคุมนีซก็สามารถพาทีมขึ้นเกาะกลุ่มท็อปโฟร์ แม้จะมีแต้มห่างจากจ่าฝูงอย่าง เปแอสเชถึง 13 แต้มก็ตาม แต่ก็สามารถยกระดับทีมที่จบอันดับ 9 ของตารางเมื่อซีซั่นที่แล้วขึ้นมาได้อย่างเห็นได้ชัด
เสี่ยงพังกว่าเดิมปีหน้า
ด้วยสถานการณ์ของทีมปัจจุบัน นอกจากจะไม่มีวี่แววที่ดีขึ้น เนื่องจากไม่มีทั้งการบริหาร และแทคติคที่ดีพอจะช่วยพยุงทีมกลับมาได้แล้ว ในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ก็เสี่ยงที่จะต้องเสียนักเตะตัวหลักออกไปหลายรายทั้ง โฌนาต็อง อิโกเน่ ปีกตัวเก่งที่มีฟิออเรนติน่าให้ความสนใจ , เรนาโต้ ซานเชส กองกลางตัวหลักที่มีทีมรอสอยไปร่วมทัพช่วงซัมเมอร์แล้ว
โดยเฉพาะกับ โจนาธาน เดวิด แนวรุกดาวรุ่งที่กำลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นที่สุดในทีมเวลานี้ กับจำนวน 16 ประตูจากการลงเล่น 27 นัดรวมทุกรายการ ก็กำลังตกเป็นเป้าของหลายทีมทั่วยุโรป รวมถึงยังมี สเวน บอทแมน กองหลังตัวหลักอีกรายที่มีข่าวว่าจะย้ายช่วงตลาดเดือนมกราคมนี้
นอกจากนี้ยังมีพวกที่กำลังจะหมดสัญญาอย่าง เชก้า กองกลางที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2017 แม้จะยังไม่มีข่าวการย้ายทีมก็ตาม แต่ก็ไม่มีวี่แววจะต่อสัญญาเช่นเดียวกัน รวมถึงพวกตัวเก๋าอย่าง บูรัค ยิลมาซ ที่อายุอานามก็เข้าหลัก 36 ปีแล้ว และ โจเซ่ ฟอนเต้ ที่อายุเข้าเลข 38 ก็เหลือสัญญากับทีมแค่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายทั้งคู่
ซึ่งไม่ใช่แค่บรรดานักเตะที่ยกตัวอย่างขึ้นมา แต่ตัวหลักของพวกเขาเกินครึ่งทีมเหลือสัญญาปีนี้ปีสุดท้าย หรือเหลืออีกแค่ปีเดียวกันทั้งนั้น นั่นทำให้พวกเขาสุ่มเสี่่ยงที่จะต้องเสียแข้งตัวหลักออกไปพร้อมๆกัน รวมถึงปัญหาที่จะตามมาอีกมากมาย ที่จะต้องลุ้นกันว่าพวกเขาจะรอดจากซีซั่นนี้แล้วไปแก้ปัญหากันอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ได้ไหม หรือจะต้องกลับไปสู่วังวนเดิมของการดิ้นรนอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งล้มขาใหญ่ประจำลีกแล้วคว้าแชมป์มาครองได้