และแล้ว ตำแหน่งผู้นำทีมของ อาร์เซน่อล ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อสโมสรแถลงการณ์ปลด ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง พ้นตำแหน่งกัปตันทีมอย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้านี หัวหอกวัย 32 ปี ถูกดร็อปจากเกมที่ปิดบ้านเอาชนะเซาแธมป์ตัน 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังเจ้าตัวเดินทางไปต่างประเทศ และกลับมารายงานตัวช้าเกินกำหนด ก่อนริบปลอกแขนพร้อมตัดชื่อในเกมพบ เวสต์แฮม พุธนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม หากมองกันให้ดีๆอีกซักหน่อย จะพบว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรมากนัก เนื่องจากยอดทีมแห่งลอนดอนเหนือไม่เคยมีกัปตันทีมที่น่าเชื่อถือหรือไว้ใจได้เลย นับตั้งแต่ ปาทริค วิเอร่า ลาทีมไป ซึ่งเป็นเวลานานกว่า 16 ปีแล้ว
คนที่รับปลอกแขนต่อจากกองกลางชาวฝรั่งเศสก็คือ เธียร์รี่ อองรี ในปี 2005 แน่นอนว่าเขาคือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของ ‘กันเนอร์ส’ แต่บางทีตำแหน่งผู้นำก็ไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่นัก
ณ เวลานั้น ทีมของ อาร์เซน เวนเกอร์ ยังมี จิลแบร์โต้ ซิลวา ในแดนกลาง และ เยนส์ เลห์มันน์ เป็นนายทวารให้ทีม แต่การมอบปลอกแขนกัปตันให้ อองรี ช่วยลดความสนใจของทีมอื่นที่มีในตัวเขาเช่นกัน แต่อีกด้านหนึ่ง นี่ก็เหมือนกับทีมยอมรับเป็นนัยๆว่าหากขาดกองหน้าเลือดน้ำหอมไป ก็คงจบเห่แน่นอน
ซึ่งในปีแรกที่เขาทำหน้าที่นี้คงต้องบอกว่ายอดเยี่ยม หลังคว้าดาวซัลโวลีกและทำลายสถิติดาวยิงสุดสูงประจำสโมสรได้สำเร็จ แต่อีก 2 ปีต่อมา อองรีก็ย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลน่า ทีมที่เขาเคยเอ่ยปากว่าจะไม่ย้ายไปค้าแข้งเด็ดขาด จากนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆแย่ลงอย่างช้าๆ
ซึ่ง UFA ARENA จะพาทุกท่านไปย้อนรำลึกถึงกัปตันทีม ‘ปืนใหญ่’ ที่ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งราวกับโดนคำสาป นับตั้งแต่หลังยุควิเอร่า-อองรี ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา
วิลเลี่ยม กัลลาส (2007-2008)
กัลลาสถือเป็นกองหลังที่ดี แต่ให้พูดตรงๆ ในเกมที่เขานั่งลงร้องไห้ประท้วงหลังทีมเสียจุดโทษให้กับเบอร์มิ่งแฮม แสดงให้เห็นว่าบางทีอดีตแข้งเชลซีอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมเท่าไหร่ในการนำทีมผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกัปตันระดับตำนานคนอื่นๆได้
จิลแบร์โต้ ซิลวา ก็ยังอยู่กับทีมไม่ไปไหน และทำหน้าที่กัปตันทีมในฤดูกาลที่ผ่านมาอยู่บ่อยครั้ง ยามที่อองรีได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อาร์เซน เวนเกอร์ มอบปลอกแขนอันทรงเกียรติให้กับแข้งใหม่อย่างกัลลาส ก่อนที่กองกลางชาวบราซิลจะย้ายออกจากทีมไปในซัมเมอร์นั้น ต่อมากัลลาสก็ดันไปวิจารณ์แข้งเยาวชนจนเละไม่มีชิ้นดีผ่านงานแถลงข่าว ส่งผลให้เขาถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง, ถูกปรับเงิน, และถูกริบปลอกแขนกัปตันทีมไปโดยปริยาย
เชส ฟาเบรกาส (2008-2011)
การมอบหน้าที่ผู้นำทีมในครั้งนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล อาร์เซน่อลในตอนนั้นมีนักเตะแค่ 3 คนที่มีอายุเกิน 30 นั่นก็คือ กัลลาส, มานูเอล อัลมูเนีย และมิกาเอล ซิลแวสต์ ทำให้ในทีมประกอบไปด้วยแข้งหนุ่มอนาคตไกลเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจะมีดาวรุ่งคนไหนที่โดดเด่นไปกว่า เชส ฟาเบรกาส ล่ะ?
หลังจากได้รับตำแหน่งกัปตันทีมไม่นานก็ได้รับบาดเจ็บเอ็นจนต้องปิดเทอมยาวก่อนใครไปตั้งเดือนธันวาคม ก่อนกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดประจำทีมในฤดูกาลต่อมา แต่บาร์เซโลน่า ทีมเก่าของเขาก็แสดงความสนใจในอดีตเด็กปั้นของพวกเขาอย่างชัดเจน แม้กองกลางชาวสแปนิชจะเซ็นสัญญาใหม่ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2010-11 จากนั้นจึงได้ย้ายไปร่วมทีมเก่าในสเปนช่วงซัมเมอร์ต่อมา
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (2011-2012)
ทันทีที่ฟาเบรกาสได้ลาทีมไป ปลอกแขนกัปตันก็ตกมาถึง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่อยู่กับ ‘ปืนใหญ่’ นานกว่าใครๆในทีม ซึ่งฤดูกาลนั้นกลายเป็นฤดูกาลที่เขายิงประตูได้มากที่สุดในอาชีพค้าแข้ง หลังซัดไปทั้งหมด 37 ประตูจากการลงเล่นในทุกรายการ
แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่า อาร์เซน เวนเกอร์ จะยื่นหอกให้คู่แข่งทิ่มแทงตัวเองแบบนี้ หลังขายกองหน้าชาวดัตช์ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2012 และต้องทนเห็นฟาน เพอร์ซี่พาทีม ‘ปีศาจแดง’ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในท้ายที่สุด
โธมัส แฟร์มาเล่น (2012-2014)
โดยรวมนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้ ‘ปืนใหญ่’ แฟร์มาเล่นทำผลงานได้ค่อนข้างดี จนกระทั่งเขาได้รับตำแหน่งกัปตันทีมต่อจาก ฟาน เพอร์ซี่ ฟอร์มการเล่นทั้งหมดก็ค่อยๆแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดเจน จนไม่น่าไว้วางใจต่อไปได้ ทำให้ตัวเขาเสียตำแหน่งกองหลังตัวจริงให้กับ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ และ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์
ที่แย่ไปกว่านั้น โอกาสลงสนามเพื่อทวงตำแหน่งตัวหลักในทีมก็แทบไม่มี เนื่องจากอาการบาดเจ็บค่อยรบกวนกองหลังชาวเบลเยี่ยมอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า บาร์เซโลน่า เห็นอะไรดีในตัวแฟร์มาเล่น พร้อมกับคว้าตัวไปร่วมทีมในซัมเมอร์ปี 2014
มิเกล อาร์เตต้า (2014-2016)
มิเกล อาร์เตต้า ที่รั้งตำแหน่งรองกัปตันทีม ถูกเลื่อนขั้นทันที หลังแฟร์มาเล่นย้ายไปค้าแข้งในสเปน ซึ่งผลงานเท่าที่เห็นก็พอพูดได้ว่าไม่เลว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าคนก่อนๆ
กองกลางชาวแดนกระทิงประสบปัญหาบาดเจ็บอีกครั้ง รวมถึงฟอร์มการเล่นของเขาก็เลยช่วงพีกในอาชีพมาแล้ว (ณ ตอนนั้นเขาอายุ 34 ปี) ซึ่งจริงๆแล้วเขาควรพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนั้นมาครองได้ด้วยซ้ำไป หลังทีมใหญ่ในลีกต่างฟอร์มตกกันหมด แต่สุดท้ายแชมป์ก็เป็นของทีมม้ามืดอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ซะอย่างนั้น
แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ (2016-2018)
ผลที่ตามหลังจากนั้น เหล่า ‘กูนเนอร์ส’ ส่วนใหญ่ต่างชูป้ายในสนามเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ว่า เวนเกอร์เอ้าท์ (WENGER OUT) และหน้าที่กัปตันก็ตกอยู่กับแข้งที่อาวุโสที่สุดในทีม แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ แต่อาการบาดเจ็บ (อีกแล้ว) ที่เล่นงานเขาจนไม่มีโอกาสลงสนามอย่างที่ควรจะเป็น
แต่อย่างน้อยก็ต้องยอมรับว่า ฟอร์มการเล่นของเขาในนัดชิง เอฟเอ คัพปี 2017 ซึ่งเป็นนัดแรกและนัดเดียวที่เขาได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในฤดูกาลดังกล่าว ยอดเยี่ยมมากๆจนพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ หากนับแค่นัดนี้นัดเดียว ปราการหลังชาวเยอรมันจะเป็นกัปตันทีมที่ดีที่สุด นับตั้งแต่ยุค วิเอร่า เลย ก่อนจะแขวนสตั๊ดไปในปี 2018
โลร็องต์ กอสเซียลนี่ (2018-2019)
อาร์เซน่อลหลังหมดยุคอาร์เซน เวนเกอร์ พวกเขาได้อูไน เอเมอรี่ เข้าไปมาเป็นกุนซือคนใหม่ประจำถิ่นเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม พร้อมแต่งตั้ง กอสเซียลนี่ เป็นกัปตันทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการด้วย แต่ถึงอย่างนั้นโอกาสลงสนามของเขาก็มีไม่มากเหมือนเมื่อก่อน
จนกระทั่งเกิดเรื่องวุ่นๆให้สโมสรได้ปวดหัวอีกระลอก เมื่อตัวกองหลังชาวฝรั่งเศสไม่ยอมเดินไปทัวร์พรีซีซั่นกับทีมที่อเมริกา โดยเดอะ มิร์เรอร์ แหล่งข่าวจากอังกฤษได้เผยว่า สาเหตุที่เขาทำแบบนั้นเนื่องจากไม่พอใจกับสโมสรที่ลดค่าเหนื่อยของเขาในสัญญาฉบับใหม่ และเรียกร้องให้ ‘ปืนใหญ่’ ปล่อยเขาย้ายสโมสรแทน
นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจพอสมควร เพราะตัวกองหลังชาวฝรั่งเศสถือเป็นนักเตะต้นแบบในทีม, เป็นหนึ่งในแนวรับที่ไว้ใจได้มากที่สุด, อยู่กับทีมมาอย่างยาวนานถึง 9 ปี และเป็นที่รักของเหล่าแฟนๆเสมอมา แต่เรื่องนี้กลับทำให้ทีมดูย่ำแย่ขึ้นไปอีก แน่นอนว่าการกระทำแบบนี้ ตำแหน่งกัปตันคงไม่มีทางกลับไปอยู่กับเขาอีกต่อไป พร้อมกับลาทีมกลับไปซบ บอร์กโดซ์ ในซัมเมอร์ปี 2019
กรานิต ชาก้า (2019)
หลัง กอสเซียลนี่ ลาทีม อาร์เซน่อล ก็แต่งตั้ง กรานิต ชาก้า เข้ามาเป็นกัปตันทีมคนใหม่ในฤดูกาล 2019-20 อย่างไรก็ตาม คำสาปกับตันทีม ‘ปืนใหญ่’ ก็ยังดำนเนินต่อไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุดลงในเร็ววันนี้
โดยหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและทำให้เจ้าตัวโดนกระแสรุมด่าอย่างหนักเกิดขึ้นในเกมเสมอ คริสตัล พาเลซ 2-2 เมื่อปี 2019 ที่เจ้าตัวโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 61 ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเองก็ทำผลงานได้ไม่ดีนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้จะได้ปลอกแขนกัปตันทีมไป ทำให้บรรดาแฟนบอลต่างโห่ใส่ ทำเอาดาวเตะชาวสวิสหัวร้อน จนออกอาการทันทีด้วยการเอามือป้องหู พร้อมสบถ และถอดเสื้อทิ้งแล้วเดินเข้าอุโมงค์ทันที
แม้จะออกมาขอโทษแฟนบอลในเวลาต่อมา แต่สุดท้าย ชาก้า ก็ถูกริบตำแหน่งผู้นำของ ทีมอยู่ดีในเวลาต่อมา
ขณะนักเตะคนอื่นๆที่ได้โอกาสสวมปลอกแขนนี้เมื่อฤดูกาลดังกล่าว ก็ไม่ได้มีชีวิตค้าแข้งที่ดีไปกว่า ชาก้า หรือ กอสเชี่ยลนี่ ซักเท่าไหร่ อย่าง ปีเตอร์ เช็ก ก็เสียตำแหน่งมือหนึ่งในทีม (ก่อนแขวนถุงมือ), อารอน แรมซี่ย์ ก็ไม่มีโอกาสลงสนามมากนัก ก่อนย้ายทีมแบบไร้ค่าตัว, เมซุต โอซิล ฟอร์มตกอย่างหนักจนมีข่าวว่าอาจถูกโละออกจากทีม (ก่อนยกเลิกสัญญาช่วงต้นปี 2021)
ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง (2019-2021)
เมื่อ ชาก้า ถูกปลดจากตำแหน่งทำให้ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ที่รับตำแหน่งรองกัปตันทีมก่อนหน้านี้ ขึ้นมาสวมปลอกแขนกัปตันคนใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน
ช่วงเวลา 1 ปีแรกกับการเป็นผู้นำของ ‘ปืนใหญ่’ หอกทีมชาติกาบอง ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งการกดไป 22 ตุงในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20 รวมถึงมีส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปีนั้น
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ ดาวยิงวัย 32 ปี ต่อสัญญาใหม่ค้าแข้งใน เอมิเรสต์ สเตเดี้ยมไปอีก 3 ปี ในช่วงเดือนกันยายนปี 2020 ฟอร์มการเล่นของเขาก็ตกลงดื้อๆ และลากยาวจนถึงฤดูกาลปัจจุบัน
อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาก็มีข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อถูกดร็อปไร้ส่วนร่วมในเกมชนะ เซาแธมป์ตัน 3-0 ช่วงสุดสัปดาห์แล้ว หลังเจ้าตัวเดินทางไปต่างประเทศ และกลับมารายงานตัวช้าเกินกำหนด ก่อนที่ กันเนอร์ส จะปลด โอบาเมยอง พ้นตำแหน่งกัปตันทีมอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา เนื่องจากขาดละเมิดกฎด้านวินัยของทีม พร้อมตัดชื่อก่อนเกมดวล เวสต์แฮม
นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากหลายคนจะมองว่าเส้นทางของ โอบาเมยอง และ อาร์เซน่อล กำลังมาถึงจุดจบที่ต้องแยกจากกันในอนาคตอันใกล้นี้