หลังทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพได้อย่างยอดเยี่ยมตลอด 3 นัด ในที่สุด ไมเคิ่ล คาร์ริค ก็ส่งไม้ต่อให้กับ ราล์ฟ รังนิค พร้อมอำลาสโมสรในเวลาเดียวกัน หลังอยู่กับทีมมานานกว่า 15 ปี
ย้อนกลับไปในปี 2006 กองกลางชาวอังกฤษ ย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ มาซบ ปีศาจแดง ด้วยค่าตัว 18.6 ล้านปอนด์ พร้อมกับภาระอันหนักอึ้งกับการเป็นตัวแทนของ รอย คีน แต่สุดท้ายเขาก็พิสูจน์ตัวเองจนเป็นกองกลางตัวหลักของทีมตลอด 12 ปีที่ค้าแข้งใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พร้อมช่วยทีมกวาดแชมป์มาครองมากมายทั้ง พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ 2 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้า ลีก, ยูฟ่า ซูปเปอร์ คัพ กับ แชมป์สโมสรโลกอย่างละสมัย
หลังแขวนสตั๊ด อดีตแข้งวัย 40 ปี ก็ก้าวขึ้นทำหน้าที่โค้ชชุดใหญ่ทั้งในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก่อนขึ้นมาทำหน้าที่กุนซือรักษาการในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าชัยชนะไป 2 จาก 3 นัดและเสมอ 1 นัด โดยแบ่งเป็น เกมชนะ บียาร์เรอัล 2-0 ในถ้วยยุโรป ต่อด้วยเสมอ เชลซี 1-1 และปิดท้ายด้วยเกมเปิดรังเฉือน อาร์เซน่อล 3-2 จากนั้นจึงอำลาตำแหน่งและสโมสรอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา
เพื่อรำลึกถึงความยอดเยี่ยมตลอด 15 ปีในทีม ปีศาจแดง UFA ARENA จึงขอพาหยิบยก 6 เหตุผลที่ทำให้ คาร์ริค เป็นที่รักของแฟนบอล ยูไนเต็ด และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
ตัวแทน รอย คีน
ความสำเร็จและผลงานที่ รอย คีน ทิ้งไว้ใน แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่ายิ่งใหญ่มากๆ แต่ คาร์ริค ก็พร้อมรับความท้าทายด้วยการสวมเสื้อเบอร์ 16 ต่อจาก กองกลางชาวไอริช เจ้าของเบอร์ที่ครองหลายเลขนี้มานาน 12 ปี
“ผมคิดว่านั่นแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเลยนะ บางครั้งผู้เล่นก็เชื่อเกี่ยวกับเรื่องโชคลางเล็กน้อยเกี่ยวกับอะไรแบบนั้น แต่เขาก็พร้อมและยินดีที่จะสวมหมายเลข 16” เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าว
แม้มีคาแร็คเตอร์และสไตล์การเล่นที่แตกต่างจาก คีโน่ อย่างสิ้นเชิง แต่การวางบอลยาวที่แม่นยำและเฉียบคมก็กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง นับตั้งแต่กองกลางชาวอังกฤษก้าวเข้ามาในทีม
คาร์ริคมองไปข้างหน้าเสมอ และเมื่อมีโอกาสทำเกมบุกในแดนหน้า เขามักจะคว้าโอกาสนั้นไว้เสมอ และไม่เพียงแต่จ่ายบอลได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ยังแม่นราวจับวาง และทำมันเหมือนเรื่องง่ายเสมอด้วย
ไม่เคยงี่เง่า
ตลอดเวลาที่ คาร์ริค เล่นฟุตบอลอาชีพ เขาแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นเสมอ ไม่เคยให้เรื่องอะไรมากวนใจ ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ และก้มหน้าทำหน้าที่ของตัวเองเหนือสิ่งใดในสนาม
สิ่งนี้มีหลักฐานชัดเจนในฤดูกาล 2012-13 ปีสุดท้ายของ เฟอร์กี้ ในฐานะกุนซือก่อนวางมือ ซึ่งเป็นปีที่ แข้งชาวอังกฤษ คว้าผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีจากการโหวตของนักเตะในสโมสร
“ไมเคิ่ล ไม่ใช่ที่คนที่ชอบออกสื่ออะไรมากมาย เขาเป็นคนเงียบๆ เขาดำเนินชีวิตในลักษณะเดียวกับสโคลส์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้รับการยอมรับจากเรา” กุนซือชาวสกอตกล่าวผ่านเว็บไซต์สโมสร
“มันค่อนข้างดูมีชีวิตชีวาในเกมสมัยใหม่ที่เรามีผู้เล่นที่สามารถพึ่งพาได้ ไม่ใช่แค่การโปรโมตหรือฉายภาพตัวเองเท่านั้น ไมเคิลมีจิตใจที่แข็งแกร่งเช่นกัน เขามีบุคลิกที่แตกต่างจากผู้เล่นส่วนใหญ่”
ทัศนคติของผู้นำ
โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมยูไนเต็ดในปี 2016 เขาก็แต่งตั้ง คาร์ริค เป็นกัปตันทีมอย่างรวดเร็ว เขาเป็นผู้นำโดยเป็นแบบอย่างจากฟอร์มการเล่นที่แสดงให้เห็น แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขามีความแข็งแกร่ง มาตรฐาน และทัศนคติของการเป็นกัปตันทีมยูไนเต็ดด้วย
“ผมไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้เลยกับการบอกว่าท็อปโฟร์เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ มันต้องคว้าแชมป์ลีกให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับผม” เจ้าตัวกล่าวในปี 2017
เมื่อ เวย์น รูนี่ย์บอกว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาและ คาร์ริค ที่จะรักษามาตรฐานของผู้เล่นหน้าใหม่ใน ยูไนเต็ด หลังประสบปัญหานี้มานานหลายปี เขาก็ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “นั่นเป็นความคิดเห็นที่ยุติธรรมจากเวย์นนะ”
“ผมจะไม่พูดว่าผมต้องเปลี่ยนความคิดของผู้เล่น ผมแค่คิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมายที่สโมสร และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น บางครั้งผู้คนต้องใช้เวลามากมายในการค้นหาเท้าและปรับตัว”
“มีหลายครั้งมาตรฐานลดลงในลีก ไม่มีอะไรปิดบัง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้อีกหากคุณยังคงทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป”
มีคนมากมายในวงการลูกหนังที่พูดอย่างผู้ชนะ แต่ขาดความตระหนักในตนเองอย่างแท้จริง และเขาก็ไม่ใช่หนึ่งในคนพวกนั้นอย่างแน่นอน
เกมถล่ม โรม่า 7-1
ตลอด 12 ปีที่เล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หนึ่งในนัดที่ คาร์ริค ทำผลงานได้โดดเด่นเป็นอันดับต้นๆในสายตาของแฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ คงหนีไม่พ้นเกมถล่ม โรม่า ในฤดูกาล 2006-07
เจ้าของฉายา ‘เฮียแปะ’ เล่นงาน ‘จัลโลรอสซี่’ ตั้งแต่ 11 นาทีแรกด้วยการซัดไกลนอกกรอบ และกดประตูที่ 2 ของตัวเองด้วยยิงไกลสุดสวยจากระยะ 22 หลา พร้อมเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ถึง 7-1
“ผมคิดว่านั่นเป็น 2 ประตูที่ดีที่สุดของผมกับ ยูไนเต็ดเลยกับโอกาสที่เหลือเชื่อมากๆ” เจ้าตัวกล่าวผ่านเว็บไซต์สโมสร
“มันเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม และหลายๆสิ่งก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ หลังจากประตูแรก เรายิงได้ จากลูกที่ 3 เป็นลูกที่ 4 และก็เป็นแบบนี้ต่อไป ช่างเป็นคืนที่น่าตื่นเต้นจริงๆ”
จริงๆก็ไม่ใช่แค่เกมกับ โรม่า เพราะบ่อยครั้ง อดีตแข้งวัย 40 ปี แสดงให้เห็นถึงคลาสกองกลางระดับท็อป ไม่ว่าจะดวลกับทีมรองหรือสโมสรยักษ์ใหญ่ก็ตาม
ยูไนเต็ด > อังกฤษ
ถึงทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับ ยูไนเต็ด มากแค่ไหน แต่ คาร์ริค กลับไม่เคยถูกใช้งานในทีมชาติอังกฤษ อย่างที่ควรจะเป็น โดยลงเล่นเพียง 34 นัด ในทีมชาติซึ่งกินเวลา 14 ปีครึ่ง นับตั้งแต่ประเดิมสนามครั้งแรกในปี 2001 และลงเล่นนัดสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายน 2015
ฝีเท้าของเขายอดเยี่ยมถึงขั้นที่ ชาบี อลอนโซ่ เชื่อว่า กองกลาง ปีศาจแดง สามารถเล่นให้ทีมชาติสเปนได้แน่นอน โดยกล่าวว่า “เขาสามารถเล่นให้ทีมชาติสเปนได้แน่ และในยูไนเต็ด เขาเป็นผู้เล่นที่สำคัญมาก ผมจดจำเขาและ (พอล) สโคลส์เป็นเหมือนเครื่องจักรที่สมบูรณ์แบบ เพราะคาร์ริคอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเสมอ และสโคลส์ก็เคลื่อนไหวไปมา ทำสิ่งที่พิเศษของเขา”
“แต่ในทีมชาติ คาร์ริค ไม่ได้มีบทบาทสำคัญขนาดนั้น ผมมองว่าเขาเป็นคนสำคัญที่จะช่วยทำให้ทีมดีขึ้น แต่มันกลับไม่เกิดขึ้น”
แข้งชาวอังกฤษ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพียง 22 ครั้งในทีมชาติ และลงเล่นให้ ‘สิงโตคำราม’ แต่เกมเดียวในการแข่งขันระดับนานาชาติ ช่วงระหว่างปี 2006-2012
ความพยายามอย่างต่อเนื่องและไร้ผลในที่สุดเพื่อให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ดและ แฟรงค์ แลมพาร์ด เล่นร่วมกันในแดนกลางได้ ทำให้อังกฤษต้องพลาดใช้งาน คาร์ริค และ สโคลส์ ทั้งๆที่พวกเขาจะช่วยให้แดนกลางของ ‘ทรี ไลอ้อนส์’ แข็งแกร่งขึ้นแท้ๆ ไม่ว่าจะเล่นร่วมกับ เจิด หรือ แลมพ์ ก็ตาม
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้ทำให้ กองกลางจาก วอลล์เซนด์ สามารถยืดเวลาการค้าแข้งกับ ยูไนเต็ด ได้ยาวนานขึ้นเช่นกัน และเขาก็ทุ่มเทให้กับสโมสรเต็มร้อยเสมอจนกระทั่งวันสุดท้ายในอาชีพ
ตำนานให้การซูฮก
แฟนบอล ‘ปีศาจแดง’ หลายคนดูข้องใจไม่น้อย เมื่อทีมรักเลือกใช้เงินกว่า 18 ล้านปอนด์เพื่อ คาร์ริค จาก สเปอร์ส ไปร่วมทีมในปี 2006 แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาเหล่านั้นก็เข้าใจว่าเงินที่เสียไปคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มหลายเท่าตัว และยกย่องเขาให้เป็นกองกลางตำนานอีกคนจากความสำเร็จที่เขาสร้างให้กับสโมสร
ไม่ใช่แค่แฟนบอลเท่านั้น แต่บรรดาคนดังในวงการลูกหนังมากมาย ต่างยอมรับผ่านสื่อไม่น้อยว่า คาร์ริค เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่พวกเขาชื่นชอบไม้แพ้ใคร
“ผมเป็นแฟนตัวยงของ ไมเคิ่ล คาร์ริค เลยนะ เขาเป็นหนึ่งในกองกลางตัวโฮลบอลที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาในชีวิตเลย เขาอยู่ระดับเดียวกับ ชาบี อลอนโซ่ และ เซร์คิโอ้ บุสเก็สต์เลย” – เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
“ในฟุตบอลอังกฤษบางครั้งดูเหมือนว่ายากที่จะให้คะแนนคนที่ทำให้ทีมเล่นร่วมกันได้ ยกตัวอย่างเช่น ไม่เคิ่ล คาร์ริค ที่ทำให้คนรอบข้างของเขาโดดเด่น ผมเห็นตัวเองในตัว คาร์ริค เสมอ” – ชาบี อลอนโซ่
“คาร์ริคเป็นผู้จ่ายบอลที่มีคุณภาพ และเขาสามารถเล่นให้บาร์เซโลน่าได้ เขาจะเหมาะกับสไตล์ของพวกเขาอย่างยิ่ง ผมคิดว่าคาร์ริคเป็นผู้เล่นที่ประเมินค่าต่ำในอังกฤษ และบางครั้งไม่เพียงแต่ผู้ทำประตูควรได้รับรางวัลเท่านั้น แต่ผู้เล่นตัวจริงที่เป็นหัวใจของเกมก็ควรได้ด้วยเช่นกัน” – อาร์เซน เวนเกอร์
“เขานำความสงบมาสู่เกมและเคลื่อนที่ไปรอบสนามเหมือนรถโรลส์-รอยซ์ ผมพบว่าเขาเล่นด้วยง่ายมากๆเสมอ เขาสามารถทำอะไรก็ได้ เขาสามารถสร้างโอกาส, ทำประตู เขาจ่ายบอลได้ยอดเยี่ยม และเป็นนคนที่แข็งแกร่งมากที่พร้อมลงเล่นได้ทั้งวัน” – พอล สโคลส์
“ไมเคิ่ล เป็นคนมหัศจรรย์และเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง เขาให้ความมั่นคงในเกมของเราและให้อิสระกับผู้เล่นคนอื่นในการเล่นเกมรุกมากขึ้น เขามีความเข้าใจเกมเป็นอย่างลึกซึ้งและเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับผู้เล่นเยาวชนยของเรา” โชเซ่ มูรินโญ่