เมื่อช่วงที่ผ่านมามีชื่อของนักเตะที่ดูจะคุ้นหูแฟนบอลบางส่วนอย่าง จูเซปเป้ รอสซี่ ที่เพิ่งย้ายซบ สปาล ทีมใน กัลโช่ เซเรีย บี ดายิงผู้เคยถูกปลุกปั้นโดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายอาการบาดเจ็บก็ทำให้เส้นทางอาชีพค้าแข้งของเขาเป็นอันต้องล้มลุกคลุกคลานกันไป
วันนี้ UFA ARENA จะพาไปทำความรู้จักเส้นทางชีวิตสุดอาภัพ ที่อาการบาดเจ็บเปลี่ยนนักเตะที่น่าจับตามอง ให้ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับ จูเซปเป้ รอสซี่ จากดาวรุ่งผีสู่ลีกรองบ้านเกิด
ดาวรุ่งพุ่งแรงปีศาจแดง
เด็กชายร่างเล็กจากอคาเดมี่ของปาร์ม่า ถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดึงตัวไปปลุกปั้นต่อเมื่อปี 2004 ด้วยอายุในตอนนั้นเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น ซึ่งหลังจากอยู่กับทีมไปได้แค่ 3 เดือน รอสซี่ก็ได้ลงประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ในเกมลีกคัพ แม้จะเป็นการลงสนามเพียงแค่ 4 นาทีในฐานะตัวสำรอง แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี ก่อนที่ประตูแรกจะมาถึงในเกมลีกกับ ซันเดอร์แลนด์ ในฤดูกาลถัดมา
ดาวเตะชาวอิตาเลี่ยนเป็นนักเตะที่น่าจับตามองอย่างมากสำหรับทัพปีศาจแดงการันตีด้วยรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีในฤดูกาล 2004/05 ก่อนที่ซีซั่นถัดมาจะคว้ารางวัลนักเตะทีมสำรองยอดเยี่ยมแห่งปีอีก อย่างไรก็ตามด้วยขุมกำลังในเกมรุกของทีมในเวลานั้นที่มีทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , รุด ฟาน นิส เตอรอย , โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ เวย์น รูนี่ย์ ทำให้เขาไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาได้ สรุปรวมแล้วเขาได้ลงสนามไปเพียงแค่ 16 นัดทำไป 4 ประตูรวมทุกรายการ
ย้ายไปพีคสุดกับเรือดำน้ำสีเหลือง
หลังจากที่ผ่านการถูกปล่อยยืมตัวทั้งกับ นิวคาสเซิ่ล และปาร์ม่า สุดท้ายยอดทีมจากแมนเชสเตอร์ ก็เลือกปล่อยเขาไปอยู่กับ บียาร์เรอัล ในปี 2007 ซึ่งที่นี้เองเป็นที่ที่เขาได้แสดงสิ่งที่ไปเก็บเกี่ยวมาจากปีศาจแดงผ่านฟอร์มอันยอดเยี่ยมด้วยจำนวนประตูกว่า 13 เม็ด จากการลงสนาม 37 นัดในซีซั่นแรก
โดยดาวยิงเลือดเลี่ยนเป็นนักเตะที่มีรูปร่างเล็กด้วยส่วนสูงเพียง 173 เซนติเมตร แต่ก็ทดแทนด้วยความคล่องตัว และความรวดเร็ว แถมยังมีอาวุธเป็นเท้าซ้ายที่มีความเฉียบคมอีก ทำให้ รอสซี่ เข้ากันได้ดีกับฟุตบอลสไตล์สเปนเลยทีเดียว
ด้วยฟอร์มการเล่นอันสุดยอดกับเรือดำน้ำสีเหลืองในซีซั่นแรก ก็ทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชาติอิตาลีเป็นหนแรกในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก แต่ประตูแรกในเกมอย่างเป็นทางการของเจ้าตัวก็ต้องรอถึงเกมคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2009 ที่ยิงใส่สหรัฐอเมริกา ในรอบแบ่งกลุ่มโชคไม่ดีเท่าไรที่ช่วงพีคของเขาดันตรงกับช่วงขาลงของทีมชาติอิตาลีพอดี
อาการเจ็บทำลายอาชีพ
แม้ว่าการมาค้าแข้งบนเวทีลาลีก้าสเปนจะช่วยพาให้กราฟชีวิตของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ทำลายอาชีพของเขาก็เหมือนกับนักเตะทุกคนนั่นคืออาการบาดเจ็บ ซึ่งมันก็เริ่มมีรบกวนเขาอยู่บ้างในช่วงแรก ก่อนที่จะมาเจ็บร้ายแรงที่สุดในเกมที่ไปแพ้ เรอัล มาดริด 3-0 เขาเกิดอาการบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าขวา จนต้องพักยาว 6 เดือนเรียกว่าปิดเทอมซีซั่น 2011/12 นั้นไปทันที
อาการบาดเจ็บดังกล่าวถือเป็นการปิดฉากเส้นทางของเขาในสีเสื้อเรือดำน้ำสีเหลือง ซึ่งเป็น ฟิออเรนติน่า ที่มาดึงตัวเขาไปสู่ทีมทั้งที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่เลยด้วยซ้ำในปีถัดมา ด้วยราคา 11 ล้านยูโร แถมยังใส่ค่าฉีกสัญญาสูงถึง 35 ล้านยูโร แต่กว่าม่วงมหากาฬจะได้ใช้งานเขาก็ต้องรอถึงเกมสุดท้ายของซีซั่น 2012/13
ฤดูกาล 2013/14 หลังจาก รอสซี่หายจากอาการบาดเจ็บ ก็ลงเล่นไปได้แค่ 20 นัดก็บาดเจ็บไปอีกด้วยอาการเดิมที่เอ็นไขว้หัวเข่าขวา ก่อนจะกลับมาได้ช่วงท้ายซีซั่น ถัดมาฤดูกาล 2014/15 ก็ต้องพักยาวทั้งซีซั่นเนื่องจากมีอาการเอ็นในข้อเข่าฉีกขาด สุดท้ายทางฟิออฯก็ตัดสินใจปล่อยเขาไปให้กับ เลบานเต้ และเซลต้าบีโก้ ยืมตัว แต่อาการบาดเจ็บก็ยังตามหลอกหลอนเขาไปด้วย ก่อนจะปล่อยหมดสัญญาไปในปี 2017
หวนซ้อมร่วมผี ก่อนกลับบ้านเกิด
หลังออกจากฟิออเรนติน่า รอสซี่ ก็เรียกว่าทุลักทุเลไปกันใหญ่ เจ้าตัวได้ไปเซ็นสัญญากับ เจนัว ในปี 2017 แต่ก็อยู่ได้แค่ครึ่งซีซั่น ก็โดนยกเลิกสัญญา เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บของเขาที่ยังตามรังควาญ แข้งชาวอิตาเลี่ยนกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดยาวนานตั้งแต่ 2018-2020 กว่าจะได้ไปเซ็นกับ ซอลต์เลก บนเวทีเมเจอร์ลีก สหรัฐ
โดยในช่วงเวลาที่เจ้าตัวเป็นนักเตะไร้สังกัด ได้มีช่วงที่ถูกดึงมาซ้อมร่วมกับทีมอู่ข้าวอู่น้ำอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2019 อย่างไรก็ตามทาง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่เซ็นสัญญากับเขา เพียงแต่มาช่วยเรียกความฟิตให้ระหว่างหาทีมลงเล่นเพียงเท่านั้น
“เราจะไม่เซ็นสัญญากับรอสซี แต่เขาซ้อมกับเราได้ดีเลยนะ เขาดูปราดเปรียว เขากำลังมองหาสโมสรใหม่ ดังนั้นเขาจะอยู่กับเราต่ออีกสัปดาห์ ถ้าไม่มีใครคว้าตัวเขาไปก่อนนะ เขายิงประตูสุดสวยในสนามซ้อม เจ้านาย (เซอร์อเล็กซ์) ถึงกับหันมาพูดกับผมว่า ‘เป็นไงล่ะ ลูกชาย’ “
อย่างไรก็ตามการไปอยู่กับ ซอลต์เลก เขาก็ได้โอกาสลงสนามไปเพียงแค่ 7 เกมจากทุกรายการเท่านั้นและยิงได้แค่ประตูเดียว ทำให้อยู่ไปได้เพียงปีเดียวก็ต้องแยกทางกลับมาเป็นนักเตะไร้สังกัดอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 กว่าที่ล่าสุดจะได้มาลงเอยกับ สปาล ในลีกรองบ้านเกิดก็ตั้งเกือบสิ้นปี ต้องมารอดูกันว่าในวัย 34 ปี รอสซี่ จะสามารถกลับมาทำผลงานเด่นได้ไหม หรืออย่างน้อยเขาจะสามารถกลับมาสนุกกับฟุตบอลที่ตัวเองรักได้หรือไม่
(แถม)เป็นปีศาจตลอดไป
การได้กลับมาซ้อมร่วมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ รอสซี่ เหมือนได้กลับมาสู่ถิ่นที่ปั้นเขามา แม้ว่าในความคิดของเขาผู้คนจะไม่ได้จดจำเขาแล้วก็ตาม เนื่องจากได้ลงสนามให้กับทีมไปแค่ 16 นัดเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากบทสัมภาษณ์ของเขาที่ได้ให้ไว้ถึงสาวกเร้ดเดวิลส์หลังมาซ้อมร่วมกับทีมว่า “พวกเขายอดเยี่ยมมาก”
“พวกเขาสนับสนุนผมเสมอมา จนถึงวันนี้ ทั้งที่ผมลงเล่นไปแค่ 16 นัดเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังแสดงความรักให้กับผมมาจนถึงวันนี้”
“มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขารักสโมสรมากแค่ไหน ผมมั่นใจว่า เดวิด(เมย์) เองก็จะโดนแฟนบอลเรียกอยู่ตลอดแน่ละ พวกเขาจำนักเตะทุกคนที่เล่นให้กับสโมสรได้เสมอ ไม่ว่าจะลงเล่น 100 นัดหรือแค่ 16 นัดแบบผมก็ตาม”
“ผมกลับมาซ้อมร่วมกับทีมเมื่อปีที่แล้ว ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีคนเข้ามาพูดกับผมว่า ‘ว้าว จูเซปเป้’ แล้วผมก็แบบ’พวกนายยังจำผมได้ด้วยหรอ? ยอดเลย ผมต้องหาเซ็นลายเซ็นให้แล้วมั้งเนี่ย'”