รายการบอลถ้วย คือหนึ่งในการแข่งขันที่อยู่เคียงคู่กับ การแข่งขันระดับลีกของแต่ละประเทศบนโลกใบนี้ที่มีดวลแข้งเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ จากอังกฤษ, เฟรนช์ คัพ และ เฟรนช์ ลีก คัพ จากฝรั่งเศส, เดเอฟเบ โพคาล จากเยอรมัน, โคปา เดล เรย์ จากสเปน หรือ โคปป้า อิตาเลีย จากอิตาลี เป็นรายการบอลถ้วยที่คุ้นหูแฟนบอลเป็นอย่างดี
เมื่อนำไปรวมกับการแข่งขันระดับสโมสรยุโรปอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ ยูโรป้า ลีก ย่อมทำให้กุนซือหลายคนในปัจจุบัน ออกมาบ่นอยู่บ่อยครั้งถึงการแข่งขันรายการที่มีแน่นเต็มปฏิทินไปหมด
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าพวกเขาคงต้องหัวเสียกว่าเดิมแน่ๆ หากการแข่งขันเหล่านียังคงมีให้เห็นกันอยู่ในวงการลูกหนัง
ฟูล เมมเบอร์ส คัพ
ฟูล เมมเบอร์ส คัพ หรืออีกชื่อที่แฟนบอลคงรู้จัก (มั้ง) อย่าง เซนิธ ดาต้า ซิสเต็มส์ คัพ คือรายการบอลถ้วยที่จัดขึ้นตั้งแต่ปี 1985 ถึง 1992
บอลถ้วยในแดนผู้ดีนี้มีการใช้ชื่อ ซิม็อด คัพ ระหว่างปี 1987 ถึง 1989 ตามผู้สนับสนุน ซึ่งจะเป็นการแข่งขันของทีมจาก 2 ลีกเท่านั้น ก็คือ ดิวิชั่น 1 และ 2 โดยปัจจุบันเป็นที่รู้จักในชื่อ อีเอฟแอล โทรฟี่ พร้อมกับเปลี่ยนให้มีแค่ทีมจาก ลีกวัน, ลีกทู หรือทีมชุดเล็กจาแชมเปี้ยนส์ชิพ ฟาดแข้งกันเท่านั้น
รายการนี้ถูกเพิ่มเข้ามาในอังกฤษหลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เฮย์เซลที่ทีมจากแดนผู้ดีถูกห้ามลงแข่งในฟุตบอลรายการยุโรป
อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลแรกที่จัดการแข่งขัน ทีมที่ทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรป 6 ทีมแรกจะต้องมาเล่นในรายการนี้แทน แต่มีเพียง 5 ทีมจากลีกสูงสุดที่ตัดสินลงแข่งเท่านั้น
จำนวนทีมที่เข้าแข่งค่อยๆเพิ่มมากขึ้น จาก 41 กลายเป็น 45 ในฤดูกาลสุดท้าย แต่การมาของ พรีเมียร์ลีก ทำให้บอลถ้วยน้องใหม่นี้ต้องเป็นอันสิ้นสุดลง
อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไม่เคยลงเล่นในศึกฟูล เมมเบอร์ส คัพ เลย ส่วน เชลซี กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คือ 2 สโมสรที่ประสบความสำเร็จในรายการนี้มากที่สุดด้วยการคว้าแชมป์ 2 สมัยเท่ากัน
สกรีน สปอร์ต ซุปเปอร์ คัพ
แม้ ฟูล เมมเบอร์ส คัพ จะมีอายุการแข่งขันแค่ 7 ปีเท่านั้น แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นก็มากมายกว่าศึกสกรีน สปอร์ต ซุปเปอร์ คัพ อยู่หลายเท่าตัว
ฟุตบอล ลีก ซุปเปอร์ คัพ เป็นรายการแข่งขันที่ชดเชยสำหรับทีมที่คว้าตั๋วไปเล่นในฟุตบอลยุโรปจาก ฤดูกาล 1984-85 แต่หมดโอกาสโชว์ฝีเท้าเนื่องจากการโดนแบนในโศกนาฏกรรมที่เฮย์เซล
ศึกในครั้งนั้นประกอบไปด้วย เอฟเวอร์ตัน แชมป์ดิวิชั่น 1 ผู้ต้องเข้าไปเล่นในยูโรเปี้ยน, ส่วนทีมอันดับไล่ลงมาอย่าง ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส และ เซาแธมป์ตัน ที่ควรไปเล่นในยูฟ่า คัพ และ นอริช ทีมเดียวจากลีกดิวิชั่น 2 ที่เข้ามาเล่นในรายการนี้ในฐานะแชมป์ลีกคัพ
ขณะที่ แชมป์เอฟเอ คัพ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เตรียมไปเล่นในศึก ยูฟ่า วินเนอร์ส คัพ ก็ต้องมาเล่นในบอลถ้วยป้ายแดงนี้เช่นเดียวกับ 5 ทีมก่อนหน้านี้ด้วย โดยจะแบ่งการแข่งขันเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม แข้งกันทั้งหมด 6 นัดในลักษณะเหย้าเยือน
หลังจากผ่านไป 4 เกมแรก 2 ทีมแรกที่ร่วงตกรอบนี้ไปก่อนใครคือ ‘ปีศาจแดง’ และ ‘นักบุญ’ ที่สะกดคำว่า “ชนะ” ไม่เป็นเลย
ส่วน 4 ทีมที่เหลือก็ไปลุยกันต่อในรอบตัดเชือก ซึ่งเป็น 2 ทีมจากลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ที่ได้เข้ามาเล่นในนัดชิง ที่จะแบ่งเป็น 2 เลกด้วยกัน
ท้ายที่สุด แชมป์รายการนี้ตกเป็น ‘หงส์แดง’ หลังเอาชนะ ‘ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน’ ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 7-2 ทำให้ฤดูกาลนั้น ทีมสีแดงจากเมอร์ซี่ย์ไซด์คว้าได้ทั้งแชมป์ลีก, เอฟเอคัพ และรายการนี้รวมไป 3 ถ้วย
ในนัดที่ 2 ของนัดชิง มีข่าวลือว่า เอียน รัช ที่ทำไป 5 ประตูในนัดชิง 2 นัด ได้มอบบอลที่ยิงได้ให้กับ เด็กเก็บบอล และบอกให้เก็บไว้อีกด้วย แต่หลังจากนั้นไม่นานการแข่งขันก็ถูกยกเลิกไป
และคงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้าเด็กคนนั้นจะเอาบอลลูกลูกนั้นไปทิ้งไว้ที่ไหนซักที่ในเกาะอังกฤษ
แองโกล-อิตาเลี่ยน คัพ
ศึก แองโกล-อิตาเลี่ยน คัพ มาได้ไกลเกินกว่าที่หลายคนคาดคิด หลังแข่งขันกันเป็นเวลา 1 ใน 4 ของศตวรรษด้วยกัน โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1970 ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างสโมสรจากฝั่งอิตาลี และ อังกฤษ แทนที่ศึก อินเตอร์-ซิตี้ส์ แฟร์ส คัพ
แชมป์ในปีแรกตกเป็นของ สวินดอน์ ทาวน์ ตัวแทนจากอังกฤษ ที่เอาชนะ นาโปลี 3-0 และถูกเปาจบเกมนั้นหลังเกิดความรุนแรงในการแข่งขัน และความรุนแรงของแฟนบอลทั้ง 2 ประเทศกลายเป็นจุดเด่นไปโดยปริยาย เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการพูดถึงรายการนี้
หลังจากแข่งไป 4 ครั้งแรก รายการก็ยกเลิกไป เนื่องจากไม่รับความสนใจมากพอ แต่ในปี 1976 ก็กลับมาจัดใหม่อีกครั้งในรูปแบบการแข่งขันกึ่งอาชีพ ทว่าก็แข่งไปเพียง 10 ปี ถูกยกเลิกไปอีกรอบ
ต่อมา การล้มสลายของศึก ฟูล เมมเบอร์ส คัพ ในปี 1992 ทำให้ แองโกล-อิตาเลี่ยน คัพ กลับมาอีกครั้งในรูปทัวร์นาเม้นต์แบบอาชีพเต็มตัว โดยมีทีมดิวิชั่น 1 ของอังกฤษ และ เซเรีย บี จากอิตาลี เข้าร่วมแข่งขัน ก่อนจะถูกยกเลิกในอีก 4 ปีต่อมา เนื่องจากปัญหาความรุนแรง และ การจัดตารางการแข่งขันของ 2 ลีกที่ไม่ลงตัว
ในช่วงเวลา 26 ปี ของการแข่งขัน ทีมจากอังกฤษสามารถคว้าแชมป์ แองโกล-อิตาเลี่ยน คัพ ได้เพียง 5 ทีมเท่านั้นก็คือ สวินดอน ทาวน์, แบล็คพูล, นิวคาสเซิล ซัตตัน ยูไนเต็ด และ น็อตต์ เค้าน์ตี้ นอกนั้นสโมสรจากแดนมักกะโรนีกวาดเรียบ โดย โมเดน่า สโมสรจากภาคเหนือของอิตาลี คว้าแชมป์ในรายการนี้มากที่สุด 2 สมัย
อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ คัพ
ศึกนี้มีความคล้ายคลึงกับ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ ที่นำเอาทีมชาติแชมป์ยุโรป มาแข่งกับ ตัวแทนจากอเมริกาใต้ที่คว้าแชมป์ โคปา อเมริกา
โดยชื่อของทัวร์นาเม้นต์ถูกตั้งตาม อดีตประธานยูฟ่า อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ ที่นั่งตำแหน่งมานานกว่า 10 ปี ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในอิตาลีบ้านเกิดเมื่อปี 1983 ซึ่งการแข่งหนแรกเกิดขึ้นระหว่างทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์ยูโรปี 1984 ที่มีดาวเด่นอย่าง มิเชล พลาตินี่ พบกับ อุรุกวัย ณ สนาม ปาร์ค เดส์ แพรงส์ ก่อนที่ ‘ตราไก่’ จะเอาชนะไป 2-0
การแข่งขันไม่ถูกจัดขึ้นในช่วง 1 ปีหลังศึกยูโร 88 แต่ในปี 1993 ก็กลับมาอีกครั้ง โดยเป็นการพบกันระหว่าง เดนมาร์ก ดีกรีแชมป์ยุโรปปี 1992 กับ อาร์เจนติน่า ผู้คว้าแชมป์แดนละตินอเมริกาในปี 1991 ที่มีทั้ง ดีเอโก้ มาราโดน่า, กาเบรียล บาติสตูต้า หรือ เคลาดิโอ คานิกเกีย ซึ่งทีม ‘ฟ้าขาว’ เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ด้วยการดวลจุดโทษ หลังเสมอกันในเวลาปกติ 1-1
จากนั้นรายการนี้ก็ถูก ฟีฟ่า เข้ามาจัดการดูแลในปี 1997 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ แทนนับตั้งแต่นั้น
อินเตอร์โตโต้ คัพ
รู้หรือไม่ว่า อังเดร อาร์ชาวิน ประเดิมสนามนัดแรกให้กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในนัดที่เอาชนะ แบรดฟอร์ด ซิตี้ 3-0 ในศึกอินเตอร์โตโต้ คัพ
หลายคนจดจำการแข่งขันรายการนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงกลางของยุค 1990s ได้ดี แต่นั่นเป็นเพราะทัวร์นาเม้นต์นี้ได้รับการควบคุมโดยยูฟ่าล้วนๆ
การแข่งขันครั้งแรกเริ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปี 1961 ซึ่งเป็นทีมจากยุโรปภาคกลางและฝั่งตะวันออกมาดวลแข้งกันในช่วงปิดฤดูกาลเป็นธรรมเนียม
ผ่านไป 6 ปีแรก การจัดตารางแข่งยากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รอบน็อคเอ้าท์ถูกยกเลิก หมายความว่ารายการนี้จะไม่มีผู้ชนะ แต่จะมอบรางวัลให้กับผู้ที่รั้งตำแหน่งเบอร์หนึ่งของกลุ่มแทน
จากนั้นในปี 1995 ยูฟ่า ได้เข้ามาจัดการการแข่งขันนี้ และทำให้เป็นหนึ่งในทางลัดคว้าตั๋วไปลุย ยูฟ่า คัพ ของสโมสรในยุโรป ซึ่งแต่เดิม ยูฟ่า ได้ประกาศว่าสโมสรจากอังกฤษสละสิทธิ์ที่จะลงเล่นในศึกประจำซัมเมอร์ แต่ต่อมาไม่นานพวกเขาก็กลับเข้ามาแข่งขันอีกครั้ง
ตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2005 ทัวร์นาเม้นต์นี้จะมีนัดชิง 3 นัด ซึ่งผู้ชนะทั้งหมดจะเข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า คัพ รอบคัดเลือก ขณะที่ในปี 2006 ถึง 2008 มี 11 ทีมที่เข้ารอบไปเล่นรอบคัดเลือกของบอลยุโรปถ้วยเล็ก
ภายหลังที่ มิเชล พลาตินี่ เข้ามารับตำแหน่งประธานของยูฟ่า ก็ได้ประกาศยกเลิกการแข่งขันไปในปี 2009 และขยายการแข่งขันในรอบคัดเลือกของยูฟ่า คัพ ให้มากขึ้นแทนในช่วงซัมเมอร์