สถานการณ์ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบันจัดว่าย่ำแย่ต่อเนื่อง โดยตอนนี้พวกเขาไม่ชนะใครในลีกมาแล้ว 4 นัดติด ทั้งที่ศักยภาพทีมไม่เป็นสองรองใครและล่าสุดก็เพิ่งแพ้ให้กับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล เละเทะถึง 5-0 นั่นทำให้กระแสวิจารณ์ร้อนแรงขึ้นอย่างมาก
วันนี้ UFAARENA จะพาไปดูว่ามีผู้จัดการทีมคนไหนบ้างที่มีความรับผิดชอบมากพอต่อผลงานอันย่ำแย่ของตัวเอง และประกาศลาออกจากตำแหน่งไปแบบที่ไม่ต้องให้ใครมาไล่กับ 10 กุนซือลาออกเองเซ่นผลงานห่วย
ไบรอัน คลัฟ | น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
ตำนานผู้จัดการทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ผู้พาทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมายในช่วงยุค 70-80 จากทีมเล็กในลีกรองของอังกฤษ ก่อนเดินหน้ากวาดถ้วยแชมป์ไปทั้ง พรีเมียร์ลีก 1 สมัย , ลีกคัพ 4 สมัย , แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพอีก 1 สมัย เรียกว่าเป็นยุคทองของทีมเลยทีเดียวในเวลานั้น
แต่หลังจากนั้นนับตั้งแต่ช่วงปี 90 โลกฟุตบอลเริ่มมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ความเปลี่ยนแปลงมากมายถาโถมมาสู่ทีม รวมถึงปัญหาภายในที่ในเดือนมีนาคม ปี 1992 มัวริซ โรวาร์ธ ประธานสโมสรถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง จนทั้งทีมเริ่มพังทลายยังดีที่ฤดูกาล 1991/92 พวกเขายังจบที่อันดับ 8 ได้
อย่างไรก็ตามสุดท้ายในปีถัดมาพวกเขาก็ฟอร์มย่ำแย่จนต้องตกชั้นในฐานะบ๊วยของตารางอีกด้วย แม้จะมีเสียงบ่นก่นด่าอยู่บ้าง และมีแฟนบอลไม่น้อยที่ยังสนับสนุนให้ คลัฟอยู่ต่อ รวมไปถึงบอร์ดบริหารของทีมเองก็ด้วย แต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะลาออกด้วยตัวเอง โดยในวันสุดท้ายที่เขาอำลาทีมที่รังเหย้าของทีม บรรดาแฟนบอลก็ยังคงตะโกนแสดงความเคารพ และให้เกียรติเขาเป็นการส่งท้าย
รูดี้ โฟลเลอร์ | ทีมชาติเยอรมัน
ตำนานอินทรีเหล็กผู้ถูกดึงเข้ามารับงานคุมทีมแทนที่ของ เอริก ริบเบ็ค ที่ทำผลงานได้ไม่ดีนัก ซึ่งผลงานแรกของเจ้าตัวคือการพาทีมชาติบ้านเกิดทะลุเข้าไปถึงการเข้าชิงฟุตบอลโลก 2002 แม้จะเป็นฝ่ายพ่าย บราซิลไป แต่ก็ถือว่าผลงานน่าประทับใจ จนได้รับความไว้วางใจให้คุมทีมยาว
อย่างไรก็ตามในยูโร 2004 ผลงานที่เคยดีในช่วงฟุตบอลโลก กลับตาลปัตรจากที่พาทีมเข้าชิงบอลโลก ดันมาตกรอบแรกของศึกยูโร แถมผลงานยังแย่แข่ง 3 นัด ไม่ชนะใครเลย เสมอ 2 แพ้ 1 ซึ่งแม้ในเวลานั้นทางสมาคมฟุตบอลเยอรมันจะไม่ได้สั่งปลด หรือมีแนวโน้มที่จะหาใครเข้ามาแทนที่ แต่โฟลเลอร์ก็เลือกที่จะประกาศลาออกด้วยตัวเอง
กุนซือทัพสิงโตคำรามที่โดนแฟนบอลยี้มาอย่างยาวนานจากแนวทางการทำทีม เริ่มต้นคุมทีมมาตั้งแต่ยูโร 2012 ซึ่งก็พาทีมจอดป้ายที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ต่อมาในฟุตบอลโลก 2014 ฟอร์มก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีกจากการตกรอบแรกไปแบบไม่ชนะใครเลย เสมอ 1 แพ้ 2 แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนทนต่อไปจนถึงยูโร 2016
ซึ่งศึกยูโรหนนี้ ทัพสิงโตคำรามก็ทำได้ดีด้วยการผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ได้ แถมไปเจอกับ ไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นน้องใหม่ของรายการนี้ ทำให้โอกาสในการเข้ารอบต่อไปมีสูงมาก แต่สุดท้ายรถผ้าป่าก็มาคว่ำ อังกฤษโดนน้องใหม่สอยร่วง 2-1 จอดป้ายรอบ 16 ทีมอีกครั้ง
หลังจบเกม ปู่รอยได้ประกาศลาออกกลางงานแถลงข่าวทันที โดยเปิดเผยว่า “เราไม่สามารถก้าวไปอย่างที่ผมคิดไว้ว่าเรามีดีพอที่จะทำได้ และนั่นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ผมอยากจะอยู่ต่ออีก 2 ปี อย่างไรในทางปฏิบัติผมรู้ว่าเราต้องดูที่ผลการแข่งขัน”
คาร์โล่ อันเชล็อตติ | เอซี มิลาน
นายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนเข้ามาคุมปีศาจแดงดำในปี 2001 และสามารถทำผลงานครองความยิ่งใหญ่ในช่วงยุค 2000 เดินหน้ากวาดแชมป์ กัลโช่ เซเรียอา 1 สมัย โคปา อิตาเลีย 1 สมัย ซุเปอร์โคปา อิตาเลีย 1 สมัย แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2 สมัย และ สโมสรโลกอีก 1 สมัย
อย่างไรก็ตามหลังจากพาทีมรุ่งเรืองมานาน แม้ว่าในถ้วยยุโรปพวกเขาจะยังสามารถคว้าแชมป์มาได้ในปี 2006/07 แต่ผลงานในลีกของพวกเขากลับต้องมาคอยลุ้นพื้นที่ยุโรปแทน สุดท้ายแล้ว อันเช่ก็สามารถพาทีมทะยานจบอันดับ 2 ในฤดูกาล 2008/09 และตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งทั้งที่บอร์ดบริหาร และแฟนบอล ไม่ได้ต้องการให้เขาออกเลยแม้แต่น้อย
บิเซนเต้ เดล บอสเก้ | ทีมชาติสเปน
ตำนานผู้จัดการทีมชาติสเปน ที่พาชาติบ้านเกิดเข้าสู่ยุคทอง ตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อปี 2008 รายการแรกของเจ้าตัวก็คือการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ต่อด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2012 เรียกว่าในช่วงเวลานั้นคือยุครุ่งเรืองของฟุตบอลสเปน ทั้งระดับชาติและสโมสร
อย่างไรก็ตามในฟุตบอลโลก 2014 ทัพกระทิงดุก็ถูกคาดหวังว่าจะเป็นอีกปีที่พวกเขาไปได้ไกลถึงเข้าชิง แต่สุดท้ายก็ดันมาตกรอบแรกด้วยผลงาน ชนะ 1 แพ้ 2 แต่ เดล บอสเก้ ก็ยังคงได้รับความไว้วางใจให้คุมทีมต่อ และหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้แก้มือใน ยูโร 2016
แต่สุดท้ายยูโร 2016 ทัพกระทิงดุแม้จะผ่านรอบแรกไปได้ แต่ก็หยุดอยู่แค่รอบ 16 ทีมเท่านั้น และทำให้ยอดกุนซือของทีมประกาศลาออกเพื่อเป็นการรับผิดชอบผลงานในช่วง 2 ทัวร์นาเม้นท์หลังนี้โดยเจ้าตัวได้เปิดเผยว่า “การตัดสินใจออกจากตำแหน่งโค้ชทีมชาติสเปน เป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ไม่ว่าผลยูโรจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม”
หลังจากไปล้มเหลวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มานายใหญ่ชาวสก็อตต์ก็ออกไปรับงานคุมทีม เรอั ลโซเซียดาด ก่อนที่ทัพ แมวดำจะไปดึงตัวเขากลับมาคุมทีมในอังกฤษอีกครั้งแทนที่ของ แซม อัลดาไลซ์ในฤดูกาล 2016/17 ด้วยความคาดหวังที่จะให้ทีมขยับจากทีมท้ายตารางมาเป็นทีมกลางตารางก็ยังดี
แต่ความคาดหวังนั้นก็ได้พังทลายลงไปตั้งแต่ไก่โห่เมื่อเริ่มซีซั่นมาได้แค่ 4 นัดพวกเขาก็ลงไปยึดตำแหน่งโซนตกชั้นลากยาวมาแบบที่ไม่เคยได้โงหัวขึ้นมาจากโซนตกชั้นเลย ด้วยผลงานชนะแค่ 6 เสมอ 6 แพ้ไปถึง 26 นัดจาก 38 นัด นั่นทำให้พวกเขาต้องร่วงลงไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางสโมสรจะไม่ได้มีการไล่ออก แต่อดีตกุนซือเอฟเวอร์ตัน ก็เลือกที่จะประกาศลาออกด้วยตัวเอง พร้อมกับไม่ขอรับเงินค่าชดเชยใดๆ เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อผลงานอันย่ำแย่ที่เกิดขึ้น และได้อวยพรให้กับลูกทีมกลับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดไวๆ
เจอร์เก้น คล็อปป์ | ไมนซ์/ดอร์ทมุนด์
ก่อนจะมายิ่งใหญ่กับหงส์แดง คล็อปป์ เองเริ่มต้นเส้นทางกุนซือกับ ไมนซ์ ในช่วงปี 2001 และแปลงสภาพให้ไมนซ์ จากทีมในลีกรองขึ้นมาลีกสูงสุด และทำผลงานเป็นเหมือนแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ แม้จะเที่ยวมาเที่ยวไปอยู่ในโซนครึ่งล่างของตารางก็ตาม ซึ่งสุดท้ายไมนซ์ก็ไม่สามารถต้านทานเม็ดเงินเสริมทัพของลีกสูงสุดได้ และตกชั้นไปในปี 2006/07
หลังตกชั้นไปนายใหญ่ชาวเยอรมัน ก็ยืนกรานขอพาทีมกลับไปที่ลีกสูงสุดก่อน และก็เกือบทำได้ด้วยซ้ำแต่สุดท้ายก็พลาดไปจบแค่อันดับ 4 ของตาราง นั่นทำให้เจ้าตัวประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบกับผลงานที่เกิดขึ้น
ถัดมาในสมัยที่มาคุมดอร์ทมุนด์ คล็อปป์ ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการทำทีมจากทีมกลางตาราง ใช้เวลาแค่ 2 ฤดูกาลก็พาทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 2010/11 และ 2011/12 ผลงานหลังจากนั้นก็ยังคงเกาะกลุ่มหัวตาราง แต่ในปี 204/15 เสือเหลืองตกลงไปจบที่อันดับ 7 ของตาราง ทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจลาออกทันที
โดยที่คำพูดสุดท้ายไว้กับทีมว่า “ผมพูดเสมอว่า วันใดที่ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้เพอร์เฟกต์สำหรับสโมสรแห่งนี้ ผมจะตัดสินใจเป็นคนที่เดินจากไปเอง ผมคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้ว และผมไม่มั่นใจในสิ่งนั้นได้อีกต่อไป”
เจนนาโร่ กัตตูโซ่ | เอซี มิลาน
อดีตกองกลางพันธุ์ดุของเอซี มิลาน ตัดสินใจกลับมารับงานคุมทีมเก่าของตัวเองในปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่ทีมมีปัญหามากมาย และเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาแบบปีต่อปีจนไม่มีความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา
การเข้ามาของ กัตตูโซ่ ทำให้ทีมเล่นกันได้ดูมีอนาคตมากขึ้นแม้ปีแรกจะทำทีมจบแค่อันดับ 6 ของตารางแต่ทีมก็มีทิศทางที่ดีขึ้น และเป็นการเข้ามารับงานคุมกลางซีซั่นทำให้ไม่มีใครตำหนิมากนัก อย่างไรก็ตามในปีถัดมาเจ้าตัวได้โอกาสคุมทีมเต็มที่ และมีเป้าหมายในการกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง
แต่จนแล้วจนรอด กัตตูโซ่ ก็พาทีมไปได้แค่อันดับ 5 พลาดไปลุยเวทียุโรปเช่นเดิม แม้จะเป็นเวลาเพียง 18 เดือน แต่นายใหญ่ชาวอิตาลีก็ไม่ขอฝืนไปต่อเมื่อทำผลงานไม่ได้ตามเป้า ตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งทั้งที่มีสัญญาเหลืออีก 2 ปี พร้อมกับประกาศไม่รับเงินค่าชดเชยใดๆโดยได้ให้เหตุผลไว้ว่า “เรื่องราวของผมกับมิลาน มันไม่มีวันที่จะเป็นเรื่องของเงิน”
ยอดกุนซือชาวอิตาลีที่ทำทีม ยูเวนตุส ประสบความสำเร็จอย่างมากมายตั้งแต่ปี 1994ทั้งการพาทีมคว้าแชมป์ เซเรียอา 3 สมัย โคปา อิตาเลีย 1 สมัย ซุเปอร์โคปา อิตาเลีย 2 สมัย ซุปเปอร์คัพ 1 สมัยและแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย
แต่ในช่วงซีซั่น 1998/99 อยู่ๆผลงานของพวกเขาก็ตกลงไป ผ่านครึ่งซีซั่นไปทัพม้าลายก็หมดลุ้นแชมป์ไปโดนปริยาย ในขณะที่ลิปปี้ก็พยายามประคองทีมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในเกมเปิดบ้านรับการมาเยือนกับ ปาร์ม่า เจ้าตัวได้ลั่นไว้ก่อนเกมว่าหากเกมนี้แพ้จะขอลาออก ซึ่งก็เป็นไปตามที่พูด ทัพม้าลายพ่ายคาบ้าน 4-2
หลังจบเกมนายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนก็ได้ทำตามที่พูด คือการลาออกทันทีและให้ คาร์โล่ อันเชล็อตติเข้ามาทำทีมแทนแต่ทีมก็ทำได้เพียงแค่การจบอันดับ 6 ของตาราง ก่อนที่หลังจากนั้น ลิปปี้ จะได้กลับมาคุมทีมอีกครั้งในปี 2001 ซึ่งเป็นการมาสานต่อความสำเร็จของตัวเองอีกครั้งจากการพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอา และ ซุเปอร์โคปา อิตาเลีย 2 สมัย
ตำนานผู้จัดการทีมปืนใหญ่ผู้พาทีมสร้างประวัติศาสตร์แชมป์ไร้พ่ายเมื่อปี 2003/04 และพาทีมประสบความสำเร็จมาอย่างมากมายตั้งแต่ที่มาคุมทีมเมื่อปี 1996 แต่หลังจากนั้นด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลกฟุตบอล ทำให้สไตล์บอลแบบเวนเกอร์ เริ่มต่อกรกับทีมอื่นไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว ประกอบกับการเงินของสโมสรที่ไม่สามารถซื้อขายได้อย่างคล่องมือนัก
โดยช่วงหลังๆฟอร์มการเล่นก็ทรงๆตัวจนมีคำล้อเลียนว่านายใหญ่เลือดน้ำหอมพาทีมการันตีที่ 4 เสมอแต่ไม่เคยถึงแชมป์ แต่ถ้วยรางวัลที่ไม่เคยขาดมือเลยก็มีแค่ เอฟเอคัพ และ คอมมูนิตี้ชิลด์เท่านั้น ซึ่งนั่นไม่เพียงพอต่อความต้องการของแฟนบอลจนสุดท้ายหลังจบฤดูกาล 2017/18 เวนเกอร์ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ซึ่งหลังจากที่เจ้าตัววางมือไป ทัพปืนใหญ่ไม่เคยกลับมาจบซีซั่นเหนืออันดับ 4 ที่เคยล้อเลียนกันอีกเลย แถมผลงานที่เป็นรูปธรรมอย่างถ้วยแชมป์ก็ยังไม่มีติดไม้ติดมืออีกด้วย ยังดีที่เพิ่งกลับมาคว้าเอฟเอคัพ และ คอมมูนิตี้ ชิลด์ได้อีกครั้งในยุคของ มิเกล อาร์เตต้าเมื่อซีซั่นก่อน