ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เป็นรายการใหม่ล่าสุดที่จัดโดยสหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติยุโรป หรือ ยูฟ่า ว่าแต่มันมีความพิเศษแตกต่างจากถ้วยรุ่นพี่อย่างไรล่ะ?
จากเดิมที่คืนวันพฤหัสบดีจะเต็มไปด้วยการแข่งขันของรายการ ยูโรป้า ลีก แต่ในฤดูกาลล่าสุดของค่ำคืนนี้ในแต่ละสัปดาห์จะวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม เมื่อรายการฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยที่ 3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งนี่ถือเป็นทัวร์นาเม้นต์ใหม่ล่าสุดภายใต้การดูแลของ ยูฟ่า นับตั้งแต่เปิดตัว ยูฟ่า คัพ ในปี 1971 (ถูกเรีแบรนด์ใหม่เป็น ยูโรป้าลีก ในปี 2009)
วันนี้ UFA ARENA จะขอทุกท่านไปวิเคราะห์ถึง 5 เหตุผลที่ทำให้ คอนเฟอเรนซ์ ลีก เป็นรายการแข่งขันที่ดีและคู่ควรกับฟุตบอลในยุคปัจจุบัน
ทีมเล็กมีลุ้นผงาดคว้าแชมป์
แน่นอนว่ามีทีมใหญ่ๆที่ดันหลุดมาเล่นใน คอนเฟอเรนซ์ ลีก เช่นกัน นั่นก็คือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2019 และ โรม่า ภายใต้การกุมบังเหียนของ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่นี่เป็นรายการถ้วยยุโรประดับ 3 ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นถึงระดับของสโมสรส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมแข่งขันเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็น แรนส์ ที่ได้ลงเล่นใน แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในฤดูกาลก่อน, ยูนิโอน เบอร์ลิน ที่กลับมาเล่นฟุตบอลยุโรปครั้งแรกหลังห่างหายไปกว่า 20 ปี เช่นเดียวกับ เฟเยนูร์ด เจ้าของแชมป์ยุโรปปี 1970 และ แชมป์ยูฟ่า คัพ 2 สมัย ก็มีลุ้นกลับมาสร้างชื่อในบอลระดับทวีปเช่นในอดีต
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงทีมที่หลายคนอาจไม่คุ้นหูเลย เช่น ฟลอร่า ทาลลินน์ จากเอสโตเนีย หรือ ลินคอล์น เรด อิมป์ส จากยิบรอลตาร์ ก็มีโอกาสเป็นม้ามืดเข้าไปลุ้นถึงรอบลึกในรายการนี้เช่นกัน
ยูโรป้าลีกแข็งแกร่งขึ้น
เหตุผลที่ทำให้ทีมที่ระดับเล็กๆมีรายการแข่งขันของพวกเขา เนื่องจากคุณภาพของยูโรป้าลีกพัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อันที่จริงแล้ว 14 ทีมที่เข้ามาเล่นในบอลยุโรปรายการใหม่ คือทีมที่เคยเข้าไปเล่นในยูโรป้าลีก เมื่อฤดูกาล 2020-21 ซึ่งมีถึง 10 ทีมที่กระเด็นกลับบ้านตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม หนึ่งในนั้นคือ เกนท์ ที่เก็บไม่ได้แม้แต่แต้มเดียว
หลายทีมในบอลยุโรปถ้วยรองในฤดูกาลนี้ ก็ไม่สามารถหรือสมควรเหมาะกับการเข้าไปฟาดแข้งใน UCL ก็จริง แต่อย่างน้อยรายการน้องใหม่ก็ทำให้ ยูโรป้าลีก ดูแข็งแกร่งขึ้นในสายตาของแฟนบอลหลายๆคน หลังจากนี้เป็นต้นไป
มีประเทศเข้าร่วมบอลยุโรปมากขึ้น
สิ่งนี้อาจใช้ไม่ได้กับสโมสรจากประเทศต่างๆที่เป็นขาประจำในแชมเปี้ยนส์ลีกและ/หรือยูโรปาลีก แต่สำหรับเอสโตเนีย ยิบรอลตาร์ และอาร์เมเนีย ทีมจากประเทศเหล่านี้คงภูมิใจไม่น้อยในการโบกธงชาติของตนบนเวทียุโรป
ฟลอร่า ทาลลินน์ ลินคอล์น และเร้ด อิมป์ส์ที่กล่าวไปข้างต้นก็เป็นสโมสรแรกจากประเทศของตนที่ผ่านเข้ามาเล่นในการแข่งขันระดับสโมสรของยูฟ่า เช่นเดียวกับ ยอลาชเคิร์ต สโมสรจากอาร์เมเนีย ที่แม้เคยไปเล่นรอบคัดเลือกใน แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูโรป้า ลีก แต่บอลถ้วยยุโรปน้องใหม่ เป็นรายการที่พวกเขาได้ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย
ในฤดูกาลที่ผ่านมา มีทั้งสโมสรจาก 30 ประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันใน แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโรป้าลีก ขณะที่ในฤดูกาลนี้ เมื่อรวมกับถ้วยน้องใหม่เข้าไปก็มีสโมสรเพิ่มขึ้นเป็น 36 ชาติ แม้ดูเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ลีกน้องใหม่ครอบคลุมและเข้าถึงสโมสรในยุโรปได้มากขึ้น
รายได้อันมีค่าของสโมสรเล็กๆ
ทุกๆสโมสรใน คอนเฟอเรนซ์ ลีก จะได้รับเงิน 2.94 ล้านยูโร สำหรับการผ่านเข้ามาเล่นในรอบคัดเลือกเท่านั้น นี่อาจไม่ใช่เงินที่มากมายสำหรับทีมอย่าง สเปอร์ส หรือ โรม่า แต่มันสามารถสร้างความแตกต่างให้กับสโมสรระดับล่างๆในบอลยุโรป
ต่อให้คุณไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้ แต่เกมที่ชนะก็จะได้เงินนัดละ 500,000 ยูโร หรือหากเสมอก็ได้ 166,000 ยูโร หากทำผลงานได้สมบูรณ์แบบจนเข้าไปคว้าแชมป์ก็ได้เงินรางวัลสูงสุดที่ 15 ล้านยูโร ซึ่งก็ไม่น่าเป็นจำนวนเงินที่ทีมอย่าง สเปอร์ส หรือ โรม่า จะเมินไปแบบหน้าตาเฉยเช่นกัน
เกมเตะตอนบ่ายในยุโรป
ปกติแล้วฟุตบอลยุโรปมักจะฟาดแข่งกันช่วงหัวค่ำ ซึ่งทำให้แฟนบอลชาวไทยหลายคนต้องถ่างตารอดูทีมรักของตัวเองจนถึงตี 1 หรือ ตี 2 เป็นอย่างน้อย
แต่ในฤดูกาลนี้ ยูฟ่า ได้ปรับเวลาใหม่ในช่วงกลางสัปดาห์ให้หลายสโมสรเตะกันเร็วขึ้นเป็นช่วงเย็นในบางนัด แต่สำหรับลีกยุโรปถ้วยลำดับที่ 3 พิเศษกว่านั้น เพราะมีบางทีมที่เริ่มเตะตั้งแต่ช่วงบ่ายสาม
ไครัต อัลมาตี้ สโมสรจาก คาซัคสถาน เตะเกมเหย้าทั้ง 3 นัดในช่วงเวลาบ่าย 3 โมงครึ่ง ซึ่งเหตุผลก็มาจากประเทศของพวกเขาอยู่ห่างไกลมาก ซึ่งจริงๆไม่ได้ตั้งอยู่ในยุโรปด้วยซ้ำ ขณะที่ เอชเจเค เฮลซิงกิ ทีมจากฟินแลนด์ และ ฟลอร่า ทาลลินน์ ก็เตะในช่วงเวลานั้น 1 เกม
นั่นทำให้อย่างน้อยแฟนบอลในบ้านเราได้ดูบอลเร็วขึ้นเป็นพิเศษในคืนวันพฤหัสบดีในเวลาราวๆ 4 ทุ่ม อย่างน้อยก็รอบแบ่งกลุ่ม แม้ทีมเหล่านั้นไม่ใช่สโมสรที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก หรือคุ้นหูเลยก็ตามที
บทความที่เกี่ยวข้อง
