นอกเหนือจาก ซีเนดีน ซีดาน หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังมีนักเตะระดับตำนานมากมายที่ไม่สามารถโชว์ความอัจริยะในเส้นทางคุมทีมได้เฉกเช่นสมัยค้าแข้งบนฟลอร์หญ้าเฉกเช่น เชฟเชนโก้
งานกุนซือจึงกลายเป็นสิ่งที่ยอดแข้งหลายคนพยายามหลีกเลี่ยง หรือไม่ต้องการสัมผัสนัก แต่ไม่ใช่กับ อังเดร เชฟเชนโก้ ตำนานแข้งทีมชาติยูเครน เจ้าของดาวซัลโวตลอดกาล ผู้อยู่ในเส้นทางนี้กว่า 5 ปีแล้ว
ยูโร 2020 เป็นทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ครั้งแรกของ ‘เชว่า’ ในการคุมทีม จึงไม่แปลกใจที่หลายคนจะจับจ้องไปที่ ยูเครน ของเขาเป็นพิเศษ หลังแสดงผลงานให้เห็นในเกมแรกที่พ่าย เนเธอร์แลนด์ ไปแบบหวุดหวิด 3-2
แม้ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากในเส้นทางสายนี้ แต่ถึงอย่างไร ตำนานแข้งชาวยูเครน ก็ต้องอะไรมากมายกว่าจะเดินทางมาถึงจุดนี้…
นอกจากเป็นอดีตสุดยอดนักเตะเบอร์หนึ่งของยูเครนเชฟเชนโก้ยังเป็นยอดกุนซือเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างของชาติ
ก้าวไปทีละขั้น
หลังจากแขวนสตั๊ดได้ไม่นาน ช่วงที่ ยูเครน จับมือกับ ออสเตรีย เป็นเจ้าภาพร่วมในยูโร 2012 เชฟเชนโก้ เลือกปฏิเสธงานคุมทีมชาติบ้านเกิด เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่รวดเร็วเกินไปสำหรับเขา
‘เชว่า’ หันเหไปเส้นทางการเมืองพรรคได้ซักพัก ก่อนรู้ตัวว่าไม่มีเส้นทางไหนเหมาะสำหรับเขาไปมากกว่าฟุตบอลอีกแล้ว ก็จึงกลับมาแวดวงที่คุ้นเคยอีกครั้ง และอีก 4 ปีต่อมา เขาก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของ มิไคโล โฟเมนโก้ กุนซือทีมชาติยูเครน ก่อนลุยยูโร 2016
แต่ทัวร์นาเม้นต์นั้นคือหายนะสำหรับทีม เหลือง-น้ำเงิน อย่างแท้จริง เมื่อพวกเขาไม่มีแต้ม แถมยังยิงประตูใครไม่ได้เลย ตกรอบแบ่งกลุ่มไปเป็นแบบล้มเหลวสุดๆ สร้างความช้ำใจให้กับ แฟนบอลยูเครนที่ตามมาเชียร์ถึงฝรั่งเศสไม่น้อย
นี่ถือเป็นหนึ่งในช่วงที่ ยูเครน ตกต่ำที่สุด จนเกิดคำถามตามมาว่า เชฟเชนโก้ พร้อมแล้วหรือยังที่เขามาทำหน้าที่สร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ เขาตอบตกลงคุมทีมบ้านเกิด และตั้งเป้าผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลให้ได้
“มีโอกาสเสมอที่จะทำให้ชื่อเสียงของเขาหม่นหม่องได้เหมือนกัน แต่คนที่เล่นร่วมกับเขา ต่างเข้าใจดีว่าเขามีความคิดเฉียบแหลมมากแค่ไหน เขาได้รับความเคารพจากนักเตะที่เคยเล่นเคียงข้างเขา” ยูเวน ไซเมร่า นักเขียนจาก Donetsk Way เว็บแฟนไซต์ของ ยูเครน กล่าว
“พูดตามตรง ชื่อเสียงของเขา ต่อให้ออกไปฆ่าใครซักคน เขาก็ยังเป็นฮีโร่ในยูเครน เขายิ่งใหญ่มากในประเทศ เขาเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกคนแรกของเราหลังได้รับอิสรภาพ เฉกเช่น มาราโดน่า สำหรับคนอาร์เจนไตน์ เขา(เชฟเชนโก้) ยิ่งใหญ่ประมาณเลยล่ะ”
ครูคนแรก
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ออกมาในครั้งแรก ไม่เป็นไปตามที่หลายคนหวังไว้เท่าไหร่ เมื่อ ยูเครน ในมือ เชว่า จบอันดับ 3 รองจาก ไอซ์แลนด์ และ โครเอเชีย ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก แต่สิ่งต่างๆ เริ่มดีขึ้นในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก นัดแรกในปี 2018
เขาทำการเปลี่ยนแปลงทีมด้วยการโละนักเตะอายุเยอะออกไป และแทนที่ด้วยเลือดใหม่ที่จะกลายเป็นตัวหลักในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น รุสลาน มาลินอฟสกี้, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ หรือ โรมัน ยาเรมชุค
ยูเครน โฉมใหม่ ขึ้นไปจบอันดับ 1 ของกลุ่มในศึก เนชั่นส์ลีก เหนือ สาธารณรัฐเช็ก และ สโลวาเกีย และตามมาด้วยการผ่านเข้าไปเล่น ยูโร 2020 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยที่พวกเขาไม่แพ้ใครเลย ทำผลงานดีกว่าทั้ง โปรตุเกส แชมป์เก่า และ เซอร์เบีย อีกทั้งยังโดดเด่นกับการเพรสซิ่งสูงถึงแดนคู่แข่ง และการต่อบอลทำเกมบุกที่สวยงาม
ฟอร์มการเล่นของทีมชุดนี้ มั่นใจได้เลยว่า เชฟเชนโก้ ต้องได้รับอิทธพลสำคัญจาก วาเลรี่ โลบานอฟสกี้ กุนซือตำนานของฟุตบอลยูเครน ผู้เคยปลุกปั้นเขามากับมือในสมัยที่แจ้งเกิดกับ ดินาโม เคียฟ ช่วงปลายยุค 90
หลัง โลบานอฟสกี้ ลาโลกไปในปี 2002 เชว่า ก็คว้าแชมป์สโมสรยุโรป และรางวัลบัลลงดอร์มาครอง ช่วงที่เล่นกับ เอซี มิลาน เจ้าตัวก็นำรางวัลทั้ง 2 นี้กับอุทิศให้กับ กุนซือผู้เป็นเหมือนพ่อทุนหัวของเขา ณ หลุมศพที่มีรูปปั้นของ โลบานอฟสกี้ ตั้งอยู่
“เขาเป็นมากกว่าครู มากกว่าพ่อ สำหรับผม ผมเคยฟังเขาเปิดปากพูด ฟังทุกคำของเขาอย่างตั้งใจ เขามีผลกับผมมากๆ น่าเหลือเชื่อจริงๆ ” อดีตดาวยิง เอซี มิลาน กล่าวกับ The Athletic
“โลบานอฟสกี้ มีระเบียบวินัยมาก และเป็นคนฉลาดมาก เขาสนใจทุกอย่าง ตอนที่ผมอยู่ที่มิลานในปีต่อๆ มา เขาเป็นโค้ชให้กับทีมชาติ และทุกครั้งที่ผมมาทำหน้าที่เกมทีมชาติ เขาจะอยู่ที่นั่นรอผมอยู่ที่ออฟฟิศของเขา ผมเคยเข้าไปพบเขาทันทีและเราใช้เวลาคุยกัน 4 หรือ 5 ชั่วโมงเลย”
แทคติกที่ยืดหยุ่น
ด้วยสถานกาณ์โควิด-19 บางคนเชื่อว่าการเลื่อนไปยูโร 2020 เป็นเวลานานหนึ่งปีได้ขัดขวางโอกาสฉายแสงของยูเครน ทำให้โมเมนตัมของพวกเขาหยุดชะงักลง
การคาดเดาเหล่านั้นไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เมื่อพวกเขาปราชัย 5 นัดจาก 7 เกมแรกที่กลับมาเล่นในช่วงพักเบรกทีมชาติอีกครั้ง รวมถึงการแพ้สเปน 4-0 เนชั่นส์ลีก และความพ่ายแพ้ 7-1 ต่อฝรั่งเศสในเกมกระชับมิตร
แต่การถูกทดสอบจากคู่แข่งระดับสูง ทำให้ เชฟเชนโก้ เพิ่มไม้เด็ดลงไปในทีมของเขา โดยได้รับอิทธิพลมาจาก โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซืออีกคนที่เขาเคยร่วมงานด้วย
ทั้ง 2 คนร่วมงานกัน 1 ฤดูกาลโดยไม่มีความสำเร็จเลยที่ เชลซี แต่ ตำนานแข้งชาวยูเครน ก็บอกว่าตนเองได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจาก มูรินโญ่ และนำมาปรับใช้กับทีมของเขา ตามแต่สถานการณ์ที่พบเจอ โดยเฉพาะกับเกมตั้งรับแบบรถบัส และการจู่โจมแบบโต้กลับ
“เขามักจะพูดเสมอว่าเขาต้องการต่อบอลเป็นอย่างแรก ซึ่งทีมของเขาต่อบอลทำเกมจากด้านหลังอย่างอดทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านตรงกลาง อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่ายูเครนไม่สามารถเล่นฟุตบอลแบบนั้นกับทีมระดับสูงได้” แอนดรูว์ โทดอส ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลยูเครน ให้ความเห็น
“หลังความพ่ายแพ้ สเปน 4-0 เขายอมรับว่าเขาทำพลาดไป และเขาก็มองหาการแก้ไข้ร่วมกับสต๊าฟโค้ช ซึ่งพวกเขาก็แก้แค้นเอาชนะ สเปนได้ 1-0 ในเกมนัดต่อมา โดยใช้วิธีการที่เน้นผลมากขึ้น พวกเขาถอยลงมาป้องกันอย่างชาญฉลาดและเล่นเกมโต้กลับ”
ผลของช่วงการปรับตัวนั้นยังเห็นได้ในเกมแรกของฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกในเดือนมีนาคม โดยเริ่มด้วยการยันเสมอกับฝรั่งเศสเต็งหนึ่งในยูโร 2020 ด้วยสกอร์ 1-1 ทั้งที่เมื่อ 5 เดือนก่อนหน้านี้ พวกเขาโดนถล่มไปแบบหมดสภาพ 7-1
เห็นแบบนี้เคี้ยวไม่ง่าย
แต่สิ่งต่าง ๆ ไม่สมบูรณ์แบบ ยูเครนชนะแค่ 4 เกมใน 13 เกม มีปัญหาในการจบสกอร์เรื้อรังและการไม่สามารถรักษาผลงานไว้ได้นานกว่า 90 นาที
ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเสมอกับฝรั่งเศส ด้วยการเจ๊าสกอร์ 1-1 กับคาซัคสถานและฟินแลนด์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความความหวังที่จะไปเล่นฟุตบอลโลกที่กาตาร์ในปีหน้า
ยังมีเหตุผลที่มองโลกในแง่ดี ความสามารถในการสลับไปมาระหว่างรูปแบบการโต้กลับและการเล่นเกมรุกแบบเต็มสูบ เหมาะสำหรับฟุตบอลแบบทัวร์นาเม้นต์ โดยมีคู่ต่อสู้ในรอบแบ่งกลุ่มอย่างเนเธอร์แลนด์,ออสเตรีย และ นอร์ธ มาซิโดเนีย น้องใหม่ประจำรายการ ซึ่งแต่ละทีมต่างเสนอความท้าทายที่แตกต่างกันไป
ในเกมแรก แม้พ่าย ‘อัศวินสีส้ม’ ไปแบบเจ็บใจด้วยสกอร์ 3-2 แต่ช่วงที่ตีเสมอมาเป็น 2-2 ก็แสดงให้เห็นว่า ยูเครน ของ ‘เชว่า’ ไม่ใช่ทีมที่เคี้ยวง่าย แถมเต็มไปด้วยเดาวเตะฝีเท้าดีมากมาย
ซินเชนโก้ อาจจบฤดูกาลที่แล้วด้วยน้ำตาจากความพ่ายแพ้ในแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศ แต่การที่ กวาร์ดิโอล่า เลือกเขาก่อน เชา คานเซโล่ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงฟอร์มที่ดีสม่ำเสมอของเขา ในขณะที่ มาลินอฟสกี้ กลายเป็นดาวเด่นของ อตาลันต้า ตั้งแต่ ปาปู โกเมซ ย้ายไป เซบีย่า ในช่วงกลางฤดูกาล ซึ่งเขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเซเรีย อา ประจำเดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม ไปครอง
ขณะที่ ดาวยิงตัวเก๋าอย่าง อังเดร ยามาเลนโก้ ดูเฉียบคมอย่างน่าประหลาดใจในเกมอุ่นเครื่องหรือเกมล่าสุด ทั้งที่เจ็บบ่อยๆ กับ เวสต์แฮม, อิลยา ซาบาร์นี่ กองหลังวัย 18 ปี ก็มีศักยภาพที่จะเป็นดาวเด่นในรายการนี้ หรือ เดนิส โปปอฟ ที่เคยลงเล่นให้ทีมชาติยูเครนรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี พร้อมดีกรีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกรุ่นเล็กเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ทัวร์นาเม้นต์ชี้ชะตา
เชฟเชนโก้ ยังได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมฟุตบอลยูเครนอย่างเต็มที่ หลังประกาศให้พรีเมียร์ลีก ยูเครน จบการแข่งขันเร็วกว่ากำหนด 1 สัปดาห์เพื่อให้ เชฟเชนโก้ มีเวลาเตรียมการเพิ่มเติมกับผู้เล่นของเขา และเขาสามารถดึงอันเดรีย มัลเดร่าและ เมาโร ทัสซอตติ ดูโอ้ชาวอิตาลีที่ เชว่า เคารพนับถืออย่างสูงมาร่วมทีมโค้ชของเขาได้
อันเดรีย อัซซาลิน อดีตโค้ชด้านวิทยาศาสตร์ของเลสเตอร์ ซิตี้ ชุดปาฏิหาริย์คว้าแชมป์ลีกอยู่ในทีมชุดนี้ของ ‘เชว่า’ ด้วย และเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ๆ หลังจากผ่านช่วงที่วุ่นวายมา 1 ปีเต็ม
เนื่องจากการสนับสนุนดังกล่าว และสถานการณ์ที่ค่อนข้างเอื้ออำนวย หาก ยูเครน ตกรอบแบ่งกลุ่มยูโรติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 คงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังไม่น้อย ทั้งสำหรับตัวของ เชฟเช่นโก้ เอง และ แฟนบอลชาวยูเครน
“ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นการสร้างหรือทำลายชื่อเสียงที่มีของ เชฟเชนโก้ ในฐานะโค้ชทีมชาติ” โทโดส กล่าวเสริม
“โอเค การจบอันดับสูงสุดของกลุ่มและไม่แพ้ใครในปี 2019 ถือเป็นประวัติศาสตร์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงการผ่านเข้ารอบ หลายคนกำลังคิดว่าเขาจะแสดงสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ได้หรือไม่”
“มันอาจจะเป็นแบบอย่างสำหรับเส้นทางอาชีพระดับสโมสรในอนาคตของเขาด้วยซ้ำ หากเขาล้มเหลวที่นี่ ความฝันที่จะคุม มิลาน หรือ เชลซี นั้นก็อาจไม่เป็นจริง”
การแข่งขันของยูเครนในยูโรครั้งนี้จึงน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะว่าเราอาจได้เป็นสักขีพยานของการสร้างยอดกุนซือหน้าใหม่มาประดับวงการลูกหนังในยุโรปอีกคนก็เป็นได้
หรือไม่ก็เป็นแค่ตำนานแข้งอีกคนที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันในเส้นทางผู้จัดการทีม ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เช่นเดียวกัน