หลังจากที่ ฟินแลนด์ ในฐานะ ทีมที่เพิ่งได้เข้ามาเล่นเกมรอบสุดท้ายของศึกยูโรเป็นครั้งแรก ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนัดแรกด้วยการเอาชนะ เดนมาร์ก 1-0 รวมถึง มาซิโดเนียเหนือที่แม้จะแพ้ ออสเตรียไป แต่ก็สามารถยิงประตูได้ด้วย นับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับสองทีมน้องใหม่
วันนี้ UFAARENA จะพาไปทำความรู้จักกับบรรดาทีมน้องใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าร่วมศึกยูโร รอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกแต่ทำผลงานอย่างหรูกับ 5 ทีมชาติร่วมยูโรครั้งแรกแต่ฟอร์มแรง
นอกจากทีมฟอร์มเเรงยูโรเเล้วยังมีทีมขวัญใจนักลงทุนที่น่าสนใจในศึกครั้งนี้
โปรตุเกส 1984 รอบรองชนะเลิศ
หลังจากพยายามผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ ยูโรหนแรก ในที่สุดทัพฝอยทองก็ได้ผ่านเข้ามาเล่นในเกมรอบสุดท้ายเสียที ซึ่งพวกเขาก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จากการเอาชนะ โรมาเนีย และยันเสมอสองทีมแกร่งอย่าง สเปน และ เยอรมันตะวันตกไว้ได้ และสามารถเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งพวกเขาแพ้ให้กับ ฝรั่งเศสไปเพียงแค่ 3-2 เท่านั้น แถมยังเป็นการยื้อไปเล่นในช่วงต่อเวลาอีกด้วย
โดยในทีมชุดนี้นำโดยสองหัวหอกตัวเก๋าอย่าง เนเน่ และ รุย จอร์เดา ซึ่งในรายของ เนเน่ ยังเป็นนักเตะที่ติดทำเนียบดาวยิงสูงสุดของ ทีมชาติโปรตุเกส อันดับ 10 จากการทำไป 22 ประตู ตลอดการรับใช้ชาติ 66 นัด อีกด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นพวกเขาต้องรอถึงปี 1996 กว่าจะได้กลับมาเล่นในศึก ยูโร รอบสุดท้ายอีกครั้ง โดยในหนนี้พวกเขามีทั้ง หลุยซ์ ฟิโก้ และ รุย คอสต้า อยู่ในทีม แต่ก็ไปได้แค่รอบ 16 ทีมเท่านั้น
โครเอเชีย 1996 รอบรองชนะเลิศ
หลังจากประกาศอิสรภาพจาก ยูโกสลาเวียได้เป็นผลสำเร็จ พวกเขาก็สามารถทะลุเข้ามาเล่นในศึกยูโร 1996 ได้ทันที หลังจากแยกตัวออกมา แถมยังเข้ามาในฐานะของแชมป์กลุ่มจากรอบคัดเลือกอีกด้วย ซึ่งในเกมรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาอยู่ร่วมกับ โปรตุเกส , เดนมาร์ก และ ตุรกี โดยพวกเขาสามารถเข้ารอบน็อคเอ้ามาในฐานะทีมอันดับ 2 ที่ชนะไป 2 นัด แพ้ 1 นัดให้กับ โปรตุเกส ภายใต้การนำของสตาร์อย่าง ซโวนิเมียร์ โบบัน
ซึ่งในฐานะทีมน้องใหม่ และสำหรับประเทศที่เพิ่งตั้งตัวพวกเขาจัดว่าทำได้อย่างดี โชคร้ายที่ในเกมรอบ 16 ทีม พวกเขาต้องมาเจอทีมแกร่งอย่าง เยอรมัน ที่เอาชนะพวกเขาไปได้ 2-1 แม้ในการแข่งขันถัดมาในปี 2000 พวกเขาจะไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ถือเป็นขาประจำมาโดยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
เยอรมัน(หลังรวมประเทศ) 1992 เข้าชิง
ถือว่าเป็นน้องใหม่หน้าเก่าอีกรายคล้ายๆกับทาง โครเอเชีย เพียงแต่ อินทรีเหล็ก ไม่ใช่การแยกประเทศออกมาตั้งใหม่ แต่เป็นการรวมเยอรมัน ตะวันตก และ ตะวันออก เข้าด้วยกันอย่างเป็นทางการในปี 1990 ซึ่งก็ยังยึดตัวผู้เล่นของฝั่งเยอรมันตะวันตกไว้อย่างครบถ้วน นำโดยสามทหารเสือเยอรมันอย่าง เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์, อันเดรียส เบรห์เม่ และ โลธ่าร์ มัทเธอุส น่าเสียดายที่ในรายหลังดันมีอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถช่วยทีมในเกมรอบสุดท้ายได้
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังสามารถหักด่านเข้าไปถึงเกมนัดชิง ซึ่งเป็นการพบกับทาง เดนมาร์ก แต่สุดท้ายพวกเขาก็เป็นฝ่ายพ่ายไปด้วยสกอร์ 2-0 แต่หลังจากนั้นในปี 1996 พวกเขาก็กลับมาคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ และกลายเป็นขาประจำในเกมรอบสุดท้ายมาโดยตลอด
ไอซ์แลนด์ 2016 รอบก่อนรองชนะเลิศ
สำหรับไอซ์แลนด์เคยเข้าร่วมศึกยูโรมาแล้วในปี 1964 แต่ไม่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ก่อนที่พวกเขาจะพยายามมากว่าจะได้เข้ามาเล่นในศึกยูโร 2016 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ และเป็นครั้งแรกที่รายการนี้เพิ่มทีมในรอบสุดท้ายไปเป็น 24 ทีม ซึ่งนี้ถือเป็นการเข้ามาเล่นในเกมรอบสุดท้ายในรายการระดับเมเจอร์ของชาติครั้งแรกเลยทีเดียว
โดยในทีมชุดนี้นำมาโดย เอดืร์ กวืดยอนแซน กองหน้าตัวเก๋าที่ผ่านการค้าแข้งมาอย่างโชกโชนกับทั้ง เชลซี และ บาร์เซโลน่า รวมถึง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน เพลย์เมคเกอร์จากเวที พรีเมียร์ลีก ซึ่งพวกเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากการเข้ารอบเป็นรองแชมป์กลุ่ม เอาชนะอังกฤษในรอบ 16 ทีม ก่อนไปแพ้ให้ฝรั่งเศสในรอบ ก่อนรองชนะเลิศ แถมยังยิงได้ถึง 2 ประตูด้วย ทำให้พวกเขากลับบ้านเกิดด้วยการเป็นเหมือนฮีโร่ แม้จะไม่ได้ไปถึงแชมป์ก็ตาม
เวลส์ 2016 รอบรองชนะเลิศ
สำหรับทัพมังกรแดงเข้าร่วมกับยูโรมาตั้งแต่ปี 1964 เช่นกัน แต่ไม่เคยได้ผ่านเข้ามาเล่นในเกมรอบสุดท้ายเลยสักครั้ง กว่าที่พวกเขาจะได้เข้ามาเล่นในเกมรอบสุดท้ายก็ต้องรอถึงปี 2016 เช่นเดียวกับ ไอซ์แลนด์ ผิดกันตรงที่พวกเขามีสตาร์ตัวชูโรงของทีมอย่าง แกเร็ธ เบล ที่ค้าแข้งอยู่กับ เรอัล มาดริด และ อารอน แรมซี่ย์ จาก อาร์เซน่อล
และแม้จะอยู่ร่วมกลุ่มกับทั้ง อังกฤษ , รัสเซีย และ สโลวาเกีย แต่พวกเขาก็สามารถเก็บชัยได้ 2 เกม แพ้ 1 เข้ารอบน็อคเอ้าท์ในฐานะแชมป์กลุ่ม ก่อนจะไปชนะ ไอร์แลนด์ และ เบลเยี่ยม เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะไปแพ้ให้กับ โปรตุเกส ด้วยสกอร์ 2-0 แต่ก็ถือเป็นการประเดิมยูโรรอบสุดท้ายครั้งแรกได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว