ดับฝันดาวรุ่ง : เมื่อการปล่อย โอเดการ์ด อาจส่งผลร้ายต่อราชัน

 

การที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ย้ายไปเล่น อาร์เซน่อล แบบยืมตัว กลายเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของตลาดนักหน้าหนาวประจำปี 2021 แต่ทว่าดีลนี้กลับยิ่งกสร้างความกังวลใจให้กับดาวรุ่ง เรอัล มาดริด ขึ้นไปอีก

 

ราชันชุดขาวถือเป็นหนึ่งในทีมที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในด้านกีฬา ด้วยการคว้าตัวหนึ่งในดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกมารวมทีมได้เมื่อปี 2015 แต่สิ่งที่พวกเขาแสดงออกมาให้เห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลับไม่สามารถผลักดันแข้งเยาวชนให้ขึ้นมาประสบความสำเร็จในฟุตบอลระดับสูงได้ แม้พวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากแค่ไหนก็ตาม

 

หลายคนมองว่า มาดริด เป็นทีมนักซื้อ มาอย่างยาวนาน ไม่ทีมนักขายหรือนักปั้น ในขณะที่มุมมองทางการเงินที่เปลี่ยนไป และอำนาจก็ซื้อขายที่ไม่ได้อยู่กับสโมสรเพียงอย่างเดียว ทำให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธาน โลส บลังโกส หันมามุ่งเน้นไปที่การสอดส่องผู้เล่นดาวรุ่ง และคว้าพวกเขามาไว้ใน เบอร์นาเบว ซึ่งง่ายกว่าการล่อซื้อบรรดาแข้งซุปเปอร์สตาร์หลายเท่าตัว ในตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

 

แต่ทว่า มาดริด อาจไม่ใช่จุดหมายที่ดาวรุ่งทั้งหลายอยากมาฝากฝั่งอนาคตไว้เท่าไหร่ หากย้อนไปดูเหตุการณ์ที่ โอเดการ์ด เผชิญ ตั้งแต่ 5 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน…

 

 

ไม่ได้ซื้อเพื่ออนาคตเท่านั้น

 

Real Madrid's young stars - the future looks all white - AS.com

 

การคว้า โอเดการ์ด แสดงให้เห็นถึงนโยบายใหม่เกี่ยวกับแข้งเยาวชนที่สโมสรพยายามสรรค์สร้างขึ้นมา กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ หลังถูกค้นพบและดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2015 จากนั้น หัวหน้าแมวมองของทีมก็เจอทั้ง เฟเด บัลเบร์เด้, วินิซิอุส จูเนียร์, โรดริโก้ โกเอส, เอแดร์ มิลิเตา และดาวรุ่งอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์น้อยมากไปจนถึงไม่มีเลยในฟุตบอลระดับอาชีพ

 

หลายคนอาจเข้าใจผิดในการเซ็นดาวรุ่งมาร่วมทีมของ เรอัล มาดริด ไม่ได้ใช้เงินมากมายอย่างที่พวกเขาเคยทำ เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทีมใช้เงินไปกว่า 670 ล้านยูโร กับนักเตะเหล่านี้ เช่น มิลิเตา (50 ล้านยูโร), โรดริโก้ (45 ล้านยูโร), วินิซิอุส (45 ล้านยูโร), เรเนียร์ (30 ล้านยูโร), อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า (30 ล้านยูโร), เตโอ แอร์กนองเดซ (24 ล้านยูโร) หรือ ลูก้า โยวิช ที่แพงกว่าทุกในที่กล่าวมา

 

แต่การซื้อเหล่านี้ก็มีแนวคิดที่ล้ำลึกกว่านั้น นั่นก็คือยอมจ่ายราคา 10 ล้านตอนนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายเป็น 100 ล้านในอนาคต ถ้า วินิซิอุส กลายเป็นแบบ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ขึ้นมา (แม้จะไม่มีแววจะถึงระดับนั้นก็ตาม) 

 

ทีมเมืองหลวงแดนกระทิง หลีกเลี่ยงการลงทุนที่อาจสูงขึ้นในอนาคต เพราะถ้ามีใครซักคนทำผลงานได้ปังขึ้นจริง ๆ  พวกเขาก็มีแต่ได้กับได้ แม้นักเตะบางคนที่ไม่สามารถยกกระดับเป็นแข้งตัวหลักได้ สโมสรก็อาจเลือกปล่อยเขาออกไป และสามารถขายแบบมีกำไรได้ด้วยซ้ำ หรือจะพูดว่าไม่มีอะไรการันตีว่าดาวรุ่งเหล่านี้จะกลายเป็นอนาคตของ เรอัล มาดริด ก็คงไม่ผิดนัก เพราะนี่คือธุรกิจที่แยกออกจากกันไม่ขาดในวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน   

 

นั่นเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เพียงในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แถมเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย และเป็นไปได้เช่นกันที่นักเตะเหล่านั้นจะไม่ประสบความสำเร็จเลย หรือแย่ไปกว่านั้นคือพวกเขาย้ายไปชูถ้วยกับสโมสรอื่น ซึ่งมีให้เห็นบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง เซร์คิโอ เรกูล่อน, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส ยอเรนเต้ หรือ อัฟราม ฮาคิมี่

 

 

เหยื่อของตัวหลัก

 

Football: Hazard ends drought, Benzema scores twice as Real rout Alaves,  Football News & Top Stories - The Straits Times

 

ปัญหาไม่ใช่การที่ มาดริด ขาดผู้เล่นเหล่านี้ไปในปัจจุบัน พวกเขามีทั้ง เฟอร์ลอง เมนดี้, ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, กาเซมิโร่, คาริม เบนเซม่า และ ดานี่ การ์บาฆาล เป็นตัวหลัก แต่ทีมอาจจะคิดถึงเหล่าดาวรุ่งในเวลาต่อมาแน่นอน เพราะตัวหลักในตอนนี้มีอายุแตะ 30 กันเกือบหมดแล้ว 

 

ในความเป็นจริง คุณอาจโต้แย้งได้ว่าแข้งที่ถูกปล่อยยืม หรือขายในตอนนี้ ล้วนเป็นประโยชน์กับทีม แต่  ซีเนดีน ซีดาน ก็จำเป็นต้องใช้งานนักเตะในทีมแบบผสมผสาน มากกว่าเลือกใช้แต่นักเตะคู่ใจที่เขาชื่นชอบด้วย หากหวังจะสร้างทีมเพื่อลุ้นแชมป์แบบระยะยาวจริง ๆ 

 

และการเลือกใช้แต่นักเตะที่ตนเองชื่นชอบ หรือไว้ใจ อาจทำลายโอกาสของนักเตะหนุ่มหลาย ๆ คน ซึ่ง โอเดการ์ด คือหนึ่งในนั้นที่ถูกปล่อยยืมไปเล่นถึงง 3 หน ในช่วงเวลา 5 ปี และย้ายออกไปเป็นหนที่ 4 ในปี 2021 กับ อาร์เซน่อล แม้จะโดดเด่นกับการเล่นกับ โซเซียดาด ในฤดูกาลก่อนมากแค่ไหนก็ตาม

 

โอเดการ์ด พบว่าตัวเองไร้โอกาสลงเล่น ไม่ต่างจาก โควาซิช หรือ ยอเรนเต้ เขาเป็นเหยื่อของ ลูก้า โมดริช วัย 35 ปี ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นเหมือนคนวัย 20 ปลาย ๆ เขาเป็นเหยื่อของ โทนี่ โครส หนึ่งในกองกลางที่จ่ายบอลได้ยอดเยี่ยมที่สุดในวงการลูกหนัง ซึ่งยังคงฟอร์มระดับสูงอยู่ ในตำแหน่งอื่น ๆ อย่างเช่น ปีกขวา ที่แข้งทีมชาตินอร์เวย์ เคยได้โชว์ฝีเท้าบ่อย ๆกับ เรอัล โซเซียดาด และสโมสรใน เอเรดวิซี่ เขาก็กลายเป็นเหยื่อของลูกรักซีดานอย่าง ลูคัส บาสเกซ ที่สามารถช่วยเกมรับและเกมรุกได้

 

นอกจากนี้ ซีดาน ยังโรเตชั่นหมุนเวียนผู้เล่นในแบบที่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งทำให้นักเตะอย่าง มาร์โก อเซนซิโอ้ หรือ อิสโก้ ได้โอกาสก่อน โอเดการ์ด เสมอ อีกทั้งกุนซือชาวฝรั่งเศส ยังคงเชื่อมั่นในตัว เอเด็น อาซาร์ ปีกทีมชาติเบลเยี่ยม ทั้ง ๆ ที่ยังหาฟอร์มเก่งไม่เจอในสเปน

 

บางที่ อาซาร์ ยังได้รับความอดทนจากนายใหญ่เพราะ เขามีค่าตัวแพง และเคยพิสูจน์ผลงานมาแล้วกับ เชลซี ผิดกับสถานการณ์ของ โอเดการ์ด ที่แตกต่างกัน ทำให้ ซีดาน ไม่ได้มองว่าแข้งวัย 22 ปี มีคุณค่าในแบบเดียวกันเท่าไหร่

 

แต่คำว่า ‘ทำไม?’ กลับเป็นคำถามที่ตามมา ฤดูกาลที่แล้วกับ โซเซียดาด โอเดการ์ด ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการติดท็อปเทนของนักเตะที่ แอสซิสต์ และ สร้างโอกาสได้มากที่สุดในลาลีก้า รวมถึงการจ่ายบอลจังหวะสำคัญ, จ่ายบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง, จ่ายบอลขึ้นหน้า, พาบอลขึ้นไปพื้นที่สุดท้าย, เลี้ยงบอลสำเร็จ และ จ่ายบอลทะลุช่อง ก็ติด 1 ใน 10 เช่นกัน

 

โอเดการ์ด ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่ในช่วงแรกของฤดูกาล 2020-21 แต่แล้วก็เสียตำแหน่งในเวลาต่อมา หลังบาดเจ็บพลาดลงเล่นไป 10 นัด และไม่ได้กลับมาลงสนามอีกเลย แม้จะหายดีฟิตสมบูรณ์แล้วก็ตาม แต่เพราะอะไรที่ทำให้เขาถูก ซีดาน หมางเมิน? เพราะเกมรับที่เขามองว่ามีผู้เล่นคนอื่นทำได้ดีกว่าหรือ? 

 

เกมรับอาจมีปัญหาจริง แต่ก็ได้รับการปรับปรุงมาบ้าง และต้องดีขึ้นกว่านี้หากหวังจะป้องกันแชมป์ลีก แต่สิ่งที่ กดดัน ซีดาน มากที่สุดตลอดฤดูกาลนี้คือการเล่นเกมรุกที่ควรพัฒนาขึ้น เนื่องจากจำนวนประตูที่ลดลงไปอย่างชัดเจน นับตั้งแต่การจากไปของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (63 ลูก ฤดูกาล 2018-19, 70 ลูก ฤดุกาล 2019-20) 

 

โอเดการ์ด น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการช่วยเหลือด้านนี้ และอาจช่วยให้แนวรุกของทีมยิงประตูได้มากขึ้น แต่สุดท้าย เขาก็กลายเป็นตัวเลือกท้าย ๆ ที่ ซิซู ไว้ใจอยู่ดี

 

 

นโยบายที่พังทลายลง

 

Arsenal are the winner of Real Madrid's mishandling of Martin Odegaard -  Managing Madrid

 

ส่วนที่น่าสับสนที่สุดก็คือ เรอัล มาดริด ไม่ได้ทำผลงานยอดเยี่ยมกับแกนหลักในชุดปัจจุบัน พวกเขาทำได้ไม่เลว แต่ก็ดีไม่พอที่จะหยุดความคิดในการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นแทคติกหรือผู้เล่นก็ดี มาดริดนิสต้า หลายคนต่างเคยเห็น โมดริช และ โครส หมดไฟจนฟอร์มตกมาแล้ว พวกเขาจะเหลือพละกำลังอีกเท่าไหร่กับการต้องช่วยทีมลงแข่งขัน 2 รายการใหญ่ต่อจากนี้

 

 และคาดว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสำหรับ โอเดการ์ด ในซัมเมอร์ปีนี้ เช่นเดียวกับ โยวิช ที่ถูกปล่อยให้เรียกความมั่นใจกับ ไอน์ทรัค แฟรงต์เฟิร์ต แบบยืมตัว เพราะทีมยังมีทั้ง เบนเซ่ม่า, โมดริด และ โครส ส่วน เรกูล่อน ที่มีเงื่อนไขดึงตัวกลับจาก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในปี 2020 ก็คงไม่ถูกใช้ เนื่องจากมี เฟอร์ลอง เมนดี้ อยู่ทั้งคน และอาจมี ดาวิด อลาบา ตามมาสมทบด้วย

 

ในกรณีนี้ อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ได้รับระโยชน์ไปเต็ม ๆ โอเดการ์ด สามารถกลายเป็นตัวทำเกมในทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ได้ทันที ซึ่งมี โธมัส ปาร์เตย์ คอยปัดกวาดเกมรับและเชื่อมบอลในแดนกลางร่วมกัน อีกทั้งยังสามารถโยกไปเล่นด้านข้างได้ และการจ่ายบอลทีเป็นจุดเด่นของเพลย์เมกเกอร์ชาวนอร์เวย์ น่าจะช่วยให้ โอบาเมยอง และ ซาก้า มีโอกาสในการเข้าทำประตูมากขึ้นแน่นอน

 

กับโอเดการ์ด เรอัล มาดริด ได้ละเมิดกฏที่ไม่มีใครบัญญัติไว้ว่า ‘อะไรไม่พัง ก็อย่าไปซ้อมหรือแก้ไข’ เพราะทั้ง ๆ ที่ ดาวรุ่งวัย 22 ปี กำลังไปได้สวยกับ โซเซียดาด พวกเขาเลือกดึงนักเตะกลับมาจากการยืมตัวก่อนกำหนด เพียงเพื่อให้เขากลับมาเป็นตัวสำรอง และย้ายทีมออกไปอีกครั้งในตลาดหน้าหนาวนี้ นี่จึงกลายเป็นจุดที่ทำให้นโยบายปั้นดาวรุ่งของ โลส บลังโกส พังทลายลงไปเรียบร้อย

 

พวกเขาดึงดาวรุ่งมากพรสวรรค์มาร่วมทีมมากมายในช่วงที่ผู้เล่นตัวหลักกำลังพีก ๆ อยู่ และโอกาสที่จำกัดของแข้งหนุ่มในทีมเหล่านี้ ทำให้หลายคนจำเป็นต้องย้ายออกไปเพื่อโอกาสครั้งใหม่ 

 

และแววไม่น้อยที่ มาดริด อาจสูญเสียพวกเขาไปในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย