การจากไปขอตำนานลูกหนังอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการฟุตบอลไม่น้อย ด้วยฝีเท้าของที่เคยวาดลวดลายในช่วงยุค 80 กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะรุ่นหลังๆ แน่นอนว่าอิทธิพลต่อโลกฟุตบอลทั้งในแง่ดีและร้าย
วันนี้ทาง UFAARENA จะพาไปชมคำพูดจากคนในวงการลูกหนังที่มีต่อตำนานเลือดฟ้าขาวรายนี้
ลิโอเนล เมสซี่
เริ่มกันที่คนแรกกับ สตาร์เด่นทีมชาติอาร์เจนติน่าที่มารับสืบทอดตำนานเบอร์ 10ต่อจาก มาราโดน่า อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ เคยกล่าวเอาไว้ว่า”ไม่ว่าผมจะเล่นไปอีกล้านปี ผมก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับมาราโดน่าเลย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการด้วย สำหรับผมแล้ว เขาเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
มิเชล พลาตินี่
หรือจะเป็นตำนานทีมชาติฝรั่งเศสอย่าง มิเชล พาตินี่ ก็เคยให้คำนิยามทักษะสุดน่าทึ่งของมาราโดน่าไว้ว่า “สิ่งที่ซีานทำกับลูกบอล มาราโดน่าก็สามารถทำได้เหมือนกับผลส้ม”
แกรี่ ลินิเกอร์
ในขณะที่ตำนานทีมชาติอังกฤษ ก็ได้ออกมาพูดถึงจังหวะโซโล่เดี่ยวจากการสนามเข้าไปทำประตูในศึกฟุตบอลโลก 1986 รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ทัพสิงโตคำรามเป็นฝ่ายแพ้ไปว่า “ตอนที่ดิเอโก้ทำประตูที่สองใส่เรา ผมรู้สึกอยากจะปรบมือให้เขา ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อนเลย แต่มันเป็นเรื่องจริง”
“และมันไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นเกมสำคัญ มันยังเป็นประตูที่งดงามมากๆ เขาเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล นับเป็นปรากฏการณ์ของแท้เลย”
Diego Maradona, scorer of arguably the greatest World Cup goal of all-time 🙏
(via @FIFAWorldCup) pic.twitter.com/r9NgGZHrUs
— ESPN FC (@ESPNFC) November 25, 2020
ฟาบิโอ คันนาวาโร่
กัปตันทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์โลก 2006 และเด็กปั้นของนาโปลี สโมสรที่ มาราโดน่าจารึกชื่อไว้เป็นตำนาน ก็ได้ออกมากล่าวถึงว่า”มาราโดน่าเป็นพระเจ้าของเนเปิ้ลส์ มาราโดน่าเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ใน 80ปี เราพบกับความเจ็บปวดมาตลอด และต้องต่อสู้กับการหนีตกชั้น”
“แค่ 7 ปีที่เขาอยู่กับเรา เราคว้าแชมป์ลีกไป 2สมัย ยูฟ่า คัพ หนึ่งสมัย และ อิตาเลียน คัพ สองสมัย ผมเป็นแฟนตัวยงของเขาลย และการได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขาตลอดหลายปีมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ การได้สัมผัสบรรยากาศในสนามตอนที่พวกเขาได้ สคูเด็ตโต้ มันเป็นประสบการณ์ที่สุดมหัศจรรย์”
โชเซ่ มูรินโญ่
ผู้จัดการทีมเดอะสเปเชี่ยลวัน ที่ไม่ค่อยได้ชื่นชมใครมากนักก็ยังเคยชื่นชม มาราโดน่าเอาไว้ว่า “เวลาเขามีบอลอยู่กับตัว คุณไม่มีทางรู้ว่าเขาจะไปจบตรงไหน และบอลมันเริ่มมาจากตรงไหน”
เอริค คันโตนา
ยอดกองหน้าปีศาจแดงที่ถูกยกย่องให้เป็นราชาเองก็เคยออกมากล่าวชื่นชม มาราโดน่าไว้ว่า “บางคนบอกว่าเปเล่เป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาล แต่ไม่ใช่สำหรับผม มาราโดน่าเป็นยอดนักเตะตลอดกาล เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 แพ้ในรอบชิง แบบหวุดหวิดในปี 1990 และหลังจากนั้นในปี 1994 เขาก็อาจจะได้แชมป์อีกครั้ง หากไม่ถูกแบน”
” ความแตกต่างที่สำคัญมากๆ ระหว่าง เปเล่ กับ มาราโดน่า คือ มาราโดน่า ไม่ได้มีเพื่อนร่วมทีมชั้นยอดอยู่รายล้อมเหมือนกับ เปเล่ ส่วนเขาแบกทั้งทีมด้วยตัวเอง ถ้าคุณเอามาราโดน่าออกจากอาร์เจนติน่า พวกเขาคงคว้าาแชมป์โลกไม่ได้หรอก แต่ผมคิดว่าบราซิลเองถ้าไม่มีเปเล่ ก็ยังคว้าแชมป์โลกได้”
เซอร์บ๊อบบี้ ร๊อบสัน
ตำนานกุนซือชาวอังกฤษผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยคุมทัพสิงโตคำรามพบกับ มาราโดน่าในศึกฟุตบอลโลก 1986 ก็เคยได้ออกมาพูดถึงเจ้าตัวไว้ว่า “เขาเป็นอัจฉริยะ เป็นศิลปินที่แท้จริง เป็นหนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก เขาสามารถเอาชนะเกมได้ด้วยตัวคนเดียว”
รุด กุลลิท
ด้านตำนานสามทหารเสือดัตช์แห่ง เอซี มิลาน ซึ่งเคยฟาดแข้งกับมาราโดน่าโดยตรงเลย ได้พูดถึงแข้งรายนี้ไว้ว่า “นี้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ดีกว่าเปเล่ ผมได้เจอเขาอย่างใกล้ชิดในอิตาลีทุกสัปดาห์ และเขาอยู่ในระดับที่แตกต่างจากทุกคนเลย บางอย่างที่เขาทำมันไม่น่าเชื่อเลย เขาสามารถควบคุมบอลได้โดยไม่ต้องมอง ซึ่งหมายถึงถ้าเราผ่านบอลไป เขาก็จะเข้ามารับไปได้”
เปาโล มัลดินี่
ตำนานแนวรับปีศาจแดงดำอีกรายที่เคยปะทะฝีเท้ากับเขามาโดยตรงเช่นกัน ก็ออกมายกย่องมาราโดน่าไว้ว่า “ดิเอโก้ มาราโดน่า ไม่ใช่แค่นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ยังเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากที่สุด เขาเป็นตัวอย่างที่ดีของพฤติกรรมในสนาม เขาเคารพทุกคน ไม่ว่าจะเป็นยอดนักเตะ หรือนักเตะธรรมดาๆ ภายในทีม เขามีความพยายามเสมอและไม่เคยบ่น เหมือนกับผู้เล่นกองหน้าบางคนในทุกวันนี้”
ดิเอโก้ มาราโดน่า
สุดท้ายกับตัวมาราโดน่าเอง ที่เคยได้พูดถึงตัวเองว่า “ผมทำงานหนักมาตลอดชี้วิตของผมเพื่อสิ่งนี้ คนที่พูดว่าผมไม่คู่ควรกับอะไรเลย ผมได้อะไรมาง่ายๆ คนเหล่านั้นควรมาจูบเท้าผมนี่”