แฟนบอลจำนวนไม่น้อย อาจเริ่มได้ยินชื่อของเจ้าหนู จู๊ด เบลลิ่งแฮม เป็นครั้งแรกในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากมีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมลงทุนกว่า 30 ล้านปอนด์ เพื่อล่าลายเซ็นของเด็กที่เพิ่งผ่านโลกมาเพียง 16 ปี และค้าแข้งอยู่แค่ทีมระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก่อนที่สุดท้าย เรื่องราวดังกล่าวจะค่อยๆเงียบหายไปในฐานะข่าวลือข่าวหนึ่ง
แต่ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าความเชื่อมโยงระหว่าง เบลลิ่งแฮม กับปีศาจแดงจะไม่ใช่เรื่องที่สื่อพากันปั้นแต่งขึ้นมาเสียแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าตัวได้ถูกเชิญมาเยี่ยมชมสนามซ้อมของพลพรรคอสูร ซึ่งนั่นยืนยันได้ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา หมายตาดาวรุ่งพรสวรรค์รายนี้จริง
ในวัย 16 ปี ขณะที่ดาวรุ่งคนอื่นๆกำลังไล่หวดลูกหนังบนเวทีระดับเยาวชน เบลลิ่งแฮม กลับลงเล่นในระดับอาชีพมาแล้วเกินกว่า 30 นัด และฉายแววความเก่งกาจจนเข้าไปอยู่ในเรดาร์ของบรรดาบิ๊กทีมทั้งหลาย ซึ่งจะมีนักฟุตบอลสักกี่คนกันที่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดซื้อขายได้ตั้งแต่อายุเท่านี้
เชื่อว่าหลายคน คงเริ่มสนใจเจ้าหนูจากทีมลูกโลกกันแล้ว ดังนั้น วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักพร้อมไล่เรียงไทม์ไลน์ชีวิตของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม เด็กระเบิดคนใหม่ของวงการลูกหนังผู้ดีกันสักหน่อยดีกว่า
ประวัติเบื้องต้น
จู๊ด เบลลิ่งแฮม หรือชื่อเต็มว่า จู๊ด วิคเตอร์ วิลเลี่ยม เบลลิ่งแฮม เกิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนปี 2003 ที่เมืองสตัวร์บริดจ์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของมิดแลนด์ส ประเทศอังกฤษ มีส่วนสูงอยู่ที่ 180 เซนติเมตร ถนัดเท้าขวา โดยเจ้าตัวเป็นลูกชายคนโตในสองพี่น้องตระกูล เบลลิ่งแฮม มีน้องชายชื่อ โจ๊ป เบลลิ่งแฮม ส่วนคุณพ่อชื่อ มาร์ค เบลลิ่งแฮม ซึ่งเป็นนักเตะฟุตบอลที่โลดแล่นอยู่ในวงการฟุตบอลระดับนอกลีกมาตลอดชีวิตการค้าแข้ง
เข้าสู่รั้วเบอร์มิ่งแฮม
ดาวรุ่งจากสตัวร์บริดจ์ ก้าวเข้ามาเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังกับทีมอะคาเดมี่ของ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้ในวันที่ 15 ตุลาคมปี 2018 เกมที่พบกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เบลลิ่งแฮม ได้รับโอกาสลงประเดิมสนามให้กับทีมลูกโลกรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในขณะที่ตัวเองมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น มิหนำซ้ำ ในวันนั้นเขายังเป็นผู้ที่ซัดประตูชัยให้กับทีมได้อีกต่างหาก
ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ดัน จู๊ด เบลลิ่งแฮม ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2019-20 ก่อนจะได้รับโอกาสเปิดตัวอย่างรวดเร็วในเกม คาราบาว คัพ รอบแรก ที่ดวลกับ พอร์ทสมัธ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมปี 2019 ซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นให้กับทีมซีเนียร์ของเดอะ บลูส์ ด้วยวัย 16 ปี กับอีก 38 วัน ทำลายสถิติเดิมของ เทรเวอร์ ฟรานซิส ที่ยืนยาวมากว่า 49 ปีลงได้
และในอีก 19 วันถัดมา เบลลิ่งแฮม ก็ได้เปิดซิงกับทีมชุดใหญ่ในเกมลีกเป็นครั้งแรก หลังจากถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาในเกมที่บุกไปพ่ายให้กับ สวอนซี ซิตี้ 0-3
สไตล์การเล่น
จู๊ด เบลลิ่งแฮม เป็นนักเตะที่เล่นได้ดีทั้งเกมรุกและเกมรับ ตำแหน่งโดยธรรมชาติของเจ้าตัวคือมิดฟิลด์ตรงกลาง แต่ก็มักจะถูกจับไปเล่นเป็นปีกซ้ายในทีมชุดใหญ่ เด็กสร้างของทีมลูกโลกมีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถเฉพาะตัว , ความคล่องตัว , การเข้าปะทะ , ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และที่พิเศษที่สุด คือเขาเป็นผู้เล่นที่เล่นได้ดีทั้งสองเท้า
อย่างไรก็ตาม หากไม่นับเรื่องประสบการณ์ที่จะกล้าแกร่งตามวัย เบลลิ่งแฮม ยังมีจุดอ่อนในเรื่องของการจ่ายบอลอยู่ โดยเขามีเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลสำเร็จอยู่ที่ 74.8% และมีอัตราการครอสบอลเฉลี่ยอยู่ที่ 0.3 ครั้งต่อเกม ซึ่งถือว่าน้อยมากกับบทบาทริมเส้นที่เจ้าตัวได้รับ
ข่าวคราวย้ายทีม
กองกลางทีมชาติอังกฤษชุดเล็ก ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับบรรดาสโมสรชั้นนำทั่วยุโรปมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล , เชลซี , บาเยิร์น มิวนิค , โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หรือแม้กระทั่ง บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด แต่ดูเหมือนว่าสองทีมที่ให้ความสนใจแบบจริงจังมากที่สุดคือปีศาจแดงและเสือเหลือง โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน Bild สื่อดังของเยอรมัน รายงานว่า ดอร์ทมุนด์ จ่อบรรลุข้อตกลงคว้าตัวเจ้าหนูวัย 16 ปี ไปร่วมทีมแล้วด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร
แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สื่อผู้ดีกลับจับภาพได้ว่า เบลลิ่งแฮม เข้ามาเยี่ยมชมแคร์ริงตัน ซึ่งเป็นสนามซ้อมของ แมนฯ ยูไนเต็ด และสื่อระดับสูงก็รายงานตรงกันว่าดาวรุ่งรายนี้เข้ามาทัวร์สโมสรจริง ทั้งยังมี เอ็ด วู้ดเวิร์ด กับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาให้การต้อนรับด้วยตัวเองอีกต่างหาก ฉะนั้น โอกาสที่เพชรเม็ดงามรายนี้จะ “เสร็จผี” ก็มีสูงมากทีเดียว
ปัจจุบัน
วอนเดอร์คิดเลือดผู้ดี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ แบบเต็มตัวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจนถึงตอนนี้ เบลลิ่งแฮม ลงเล่นให้กับทีมลูกโลกไปแล้วถึง 35 นัดรวมทุกรายการ และทำไป 4 ประตู 3 แอสซิสต์ ขณะที่ในเรื่องของข้อผูกมัดกับสโมสร เจ้าตัวยังไม่ได้เซ็นสัญญาอาชีพกับต้นสังกัด เนื่องจากตามกฎแล้วนักฟุตบอลอังกฤษจะเซ็นสัญญาอาชีพได้ก็ต่อเมื่ออายุครบ 17 ปีบริบูรณ์