หลังฟอร์มบู่ไม่ชนะใครมา 3 นัดติดในลีก ท้ายที่สุด ลิเวอร์พูล ก็สามารถคว้าชัยชนะครั้งแรกได้เสียที ด้วยการเปิดแอนฟิลด์ถล่ม บอร์นมัธ ด้วยสกอร์มโหฬารถึง 9-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ‘หงส์แดง’ ออกสตาร์ทฤดูกาลได้ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 18 ปี หลังทำได้แค่เสมอกับ ฟูแล่ม 2-2 และ คริสตัล พาเลซ 1-1 ก่อนโดนทีมเพื่อนรักอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ 2-1 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ซึ่งลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วง 3 นัดดังกล่าวต้องบอกว่าต่ำกว่ามาตรฐานมาก ทั้งรูปแบบการหรือการเข้าทำที่ดูช้าผิดปกติ แต่ในเกมวันเสาร์ที่ผ่านมา พวกเขาดูกลับมาเป็นทีมเดิมอีกครั้ง หลังรัวใส่ ‘เดอะ เชอร์รี่ส์’ ราวกับอัดอั้นหรือคับแค้นใครมานานถึง 9 ลูก
หลายคนคิดว่า ทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ คงเอาชนะ บอร์นมัธ ไปได้ไม่ยาก เพียงแต่ก็ไม่มีใครคิดเช่นกันว่าพวกเขาจะยิงกระจายจนสร้างสถิติของพรีเมียร์ลีก เทียบเท่า แมมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เลสเตอร์ ซิตี้ แบบนี้
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 9 สถิติสุดเหลือเชื่อในเกมที่ หงส์แดงถล่มบอร์นมัธถึง 9-0 ผ่านบทความชิ้นนี้กัน
ยิงเยอะเทียบผี,จิ้งจอก
ด้วยจำนวน 9 ประตูที่ ลิเวอร์พูล จัดหนักใส่ บอร์นมัธ ใน แอนฟิลด์ ทำให้พวกเขาทำสถิติยิงประตูคว้าชัยชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกเลย เพียงแต่ว่าพวกเขาก็ไม่ใช่ทีมแรกที่ยิงใส่คู่แข่งถึง 9 ลูกแบบนี้เช่นกัน
โดยทีมแรกที่ทำแบบนี้ได้ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถล่มใส่ อิปสวิช ทาวน์ 9-0 ในปี 1995 จากนั้น เลสเตอร์ ซิตี้ และ ‘ปีศาจแดง’ เจ้าเก่า ก็ทำสถิตินี้อีกครั้ง ด้วยการซัดใส่ เซาแธมป์ตัน 9 ลูก ในปี 2019 และ 2021 ตามลำดับ
ยิงเยอะสุดของทีมยุคพรีเมียร์ฯ
หากนับเฉพาะยุคพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เคยเอาชนะคู่แข่งได้มากสุดในเกมที่อัด คริสตัล พาเลซ 7-0 ในปี 2020 ก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะทำลายสถิตินี้อีกครั้งในเกมพบกับ บอร์นมัธ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ยิงเป็นสถิติสโมสร
ชัยชนะเหนือ บอร์นมัธ 9-0 ไม่เพียงแต่เป็นชัยชนะด้วยสกอร์มโหฬารที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น เพราะนี่ยังทำสถิติคว้าชัยด้วยประตูมากที่สุดในเกมลีกนับตั้งแต่สโมสรก่อตั้งมาด้วย
ก่อนหน้านี้มีเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวที่ ‘หงส์แดง’ ยิงประตูใส่คู่แข่งร่วม 9 ลูก เกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะ ร็อตเตอร์แฮม ทาวน์ 10-1 ในดิวิชั่น 2 เมื่อฤดูกาล 1898-99
บ๊อบบี้กับแฮตทริกแอสซิสต์
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ถือเป็นดาวเด่นในเกมซัด ‘เดอะ เชอร์รี่ส์’ จนหมดสภาพนักศึกษา เพราะนอกจากเหมา 2 ประตูในเกมนั้นเช่นเดียวกับ ลุยซ์ ดิอาซ แล้ว เขายังเป็นคนทำแฮตทริกแอสซิสต์ด้วย
นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีกว่าที่มีแข้ง ลิเวอร์พูล ทำแอสซิสต์ได้ 3 ลูกในเกมเดียว นับตั้งแต่…เอ่อ…ฟีร์มิโน่ คนดีคนเดิมทำได้นั่นแหละ ในเกมที่พบ เซาแธมป์ตัน ณ เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 ซึ่งเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-0
หากยิงนำก็ไม่แพ้ใครนาน 110 นัดในลีก
ชัยชนะครั้งนี้ในแอนฟิลด์ ยังทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครมาแล้ว 110 เกมในพรีเมียร์ลีก ตราบใดที่พวกเขาออกนำคู่แข่งไปก่อนตั้งแต่ครึ่งแรกด้วย
ชำระแค้นปาร์คเกอร์
สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ คือคนสุดท้ายที่ยัดเยียดความปราชัยให้กับ ลิเวอร์พูล คารังแอนฟิลด์ จากการพบกันในเดือนมีนาคมปี 2021 ซึ่งสมัยนั้นเขายังกุมบังเหียน ฟูแล่ม อยู่
นับตั้งแต่สถิติเกมในบ้านของ ‘หงส์แดง’ ก็ไม่เคยแพ้ใครเลย โดย 25 เกม ชนะไปถึง 19 เสมอเพียง 6 และไม่แพ้ใครเลย และชัยชนะเหนือ บอร์นมัธ ในครั้งนี้จึงถือเป็นการล้างแค้นที่แสนหอมหวานสำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีม ที่มีประเด็นติดใจกับ ปาร์คเกอร์ มานานร่วม 1 ปีกว่าด้วย
TTA กับบทบาทปั้นเกม
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เป็นคนที่ยิงประตูที่ 3 ในเกมวันนั้น ด้วยลูกไกลนอกกรอบสุดสวย แต่ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นคือการที่เขามีส่วนร่วมกับเกมการเล่นของ ลิเวอร์พูล ตลอด 90 นาที
ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่ง 32 ครั้ง, จ่ายบอลยาวสำเร็จ 9 ครั้ง, ครอสบอล 6 ครั้ง, จ่ายบอลครั้งสำคัญ 3 หน และสัมผัสบอลในเกมถึง 123 ครั้งด้วย
ค่า xG มากที่สุดในซีซั่นนี้
ลิเวอร์พูล มีค่าคาดหวังในการทำประตู (xG) ถึง 4.86 แตกต่างจาก บอร์นมัธ ที่มีเพียง 0.18 เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีเกมรุกที่ยอดเยี่ยมจนสามารถหวังผลได้สุดๆ
ไม่เพียงเท่านั้น นี่ยังเป็นค่า xG มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีค่านี้ 3.67 ในเกมที่พบกับ นิวคาสเซิ่ล ก่อนเสมอกันไป 3-3
บังโมไม่มีส่วนร่วมกับประตูเลย
สถิติสุดท้ายเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก ทั้งในสายตาของ เดอะ ค็อป ทั่วโลก รวมไปถึงแฟนบอลทีมอื่นๆ เมื่อ ดาวเด่นประจำทีมอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิสต์ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ทั้งๆที่เพื่อนร่วมทีมยิงกันกระจายถึง 9 ลูก
มากไปกว่านั้น WhoScored เว็บไซต์บันทึกสถิติของนักเตะชื่อดัง ให้เร้ตติ้งดาวเตะทีมชาติอียิปต์ในเกมนั้นเพียง 5.89 ซึ่งถือน้อยที่สุดเท่าที่เขาเคยทำได้ในพรีเมียร์ลีกด้วย ซึ่งหากดูผลงานในเกมนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะ 2 โอกาสทองที่เขาควรมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดแท้ๆ