มีแต่เบิ้มๆ : 8 เกมห้ามพลาด UCL รอบแบ่งกลุ่มฤดูกาล 2021-22

และแล้วศึกชิงแชมป์สโมสรยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (UCL) ก็เตรียมเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง ฤดูกาล 2021-22 และแน่นอนว่าครั้งนี้ยังเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้ครั้งไหนๆ

หลายคนน่าจะทราบกันครบครบถ้วนแล้วว่าทีมไหนอยู่กลุ่มอะไรบ้างตั้งแต่มีการจับฉลากรอบแบ่งกลุ่มในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และปรากฏว่าทีมใหญ่ไม่น้อยต้องมาดวลกันตั้งแต่รอบนี้ ทั้งที่เคยมีประวัติกันตั้งแต่อดีต รวมไปถึงขั้วอำนาจใหม่ที่โผล่ขึ้นมาท้าทายบิ๊กเนมหน้าเก่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 8 เกมรอบแบ่งกลุ่มของ UCL ประจำฤดูกาล 2020-21 ที่แฟนบอลพันธ์แท้ห้ามพลาดเด็ดขาด

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

วันแข่ง : นัดแรก 28 ก.ย. 2021 ,นัดสอง 24 พฤศจิกายน 2021 

จะเรียกว่าเป็นดาร์บี้ของทีมมหาเศรษฐีจากตะวันออกกลางก็คงไม่ผิดนัก สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่หลังจากได้ดวลกันไปแล้วในรอบรองชนะเลิศเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้ง 2 ทีมก็มาพบกันอีกครั้งตั้งแต่รอบแรก หลังจับฉลากมาอยู่ด้วยกันในกลุ่ม A 

เปแอสเช และ ‘เรือใบสีฟ้า’ ถือว่าเป็น 2 ทีมน้องใหม่ที่ก้าวขึ้นเป็นยอดทีมของยุโรปในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา และเคยผ่านเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศทีมละหน แต่ก็อกหักและยังต้องเฝ้ารอถ้วยยุโรปต่อไป

แต่ถึงอย่างนั้นก็ต่อสู้ระหว่างทั้ง 2 ทีมก็เป็นสิ่งที่หลายคนรอคอย เพราะแค่คิดถึงภาพการดวลกันระหว่าง แจ็ค กรีลิช กับ อัฟราม ฮาคิมี่, เควิน เดอ บรอยน์ กับ เซร์คิโอ้ รามอส หรือ ลิโอเนล เมสซี่ ปะทะกับ รูเบน ดิอาส ก็ยิ่งทำให้เกมน่าสนใจขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ บียาร์เรอัล

วันแข่ง : นัดแรก 29 ก.ย. 2021 ,นัดสอง 23 พฤศจิกายน 2021 

ย้อนกลับไป 12 เดือนก่อน หากใครๆได้เห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ บียาร์เรอัล ในรอบแบ่งกลุ่ม ถ้าไม่ใช่แฟนบอลของทั้ง 2 ทีมก็คงไม่ให้ความสนใจกันเท่าไหร่

แต่ทว่าทั้ง 2 ทีมต่างมีประวัติกันแบบสดๆร้อนๆในฤดูกาลก่อน เมื่อ ‘ปีศาจแดง’ ได้เข้าชิงถ้วยยูโรป้าลีก และถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์ แต่สุดท้ายกลับพ่ายในช่วงดวลจุดโทษชี้ขาด ส่งผลให้ ‘เรือดำน้ำสีเหลือง’ คว้าแชมป์ยุโรปถ้วยรองไปครอง

และในรอบแบ่งกลุ่มนี้ หลายคนคงตั้งตารอว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่เสริมทัพแบบจัดหนักในซัมเมอร์นี้ จะพาทีมล้างแค้นได้หรือไม่ หรือว่าจะเป็นทีมของ อูไน เอเมรี่ ที่เป็นฝ่ายย้ำแค้นให้สาวก ‘เร้ด เดวิลส์’ ช้ำใจไปอีกครั้ง กับเกมรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 2 นัดในกลุ่ม F

 

บาร์เซโลน่า พบ บาเยิร์น มิวนิค 

วันแข่ง : นัดแรก 14 ก.ย. 2021 ,นัดสอง 8 ธ.ค. 2021 

ครั้งสุดท้ายที่ทั้ง 2 ทีมพบกันจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ บาร์เซโลน่า ต่อ บาเยิร์น มิวนิค แบบหมดสภาพ กับสกอร์รวม 8-2 และนับตั้งแต่นั้น ทีมจากแคว้นกาตาลัน ก็เข้าสู่ยุคเปลี่ยนถ่ายอีกครั้ง และการพบกันในฤดูกาลนี้ก็จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าพวกเขาพัฒนาขึ้นมามากน้อยแค่ไหน นับตั้งแต่เกมในค่ำคืนอันโหดร้ายที่ โปรตุเกส เมื่อ 2 ปีก่อน และมีศักยภาพพอจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อคเอ้าท์หรือไม่

ขณะเดียวกัน ‘เสือใต้’ ก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเช่นกันกับการเข้ามาของ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มไฟแรงคนใหม่ และถ้าสามารถเอาชนะ ‘อาซูลกราน่า’ ได้ก็คงเป็นการส่งสัญญานไปทั่วยุโรปว่าทีมของพวกเขาพร้อมกลับมาเขย่าเวทียุโรปอีกครั้ง

 

แอตเลติโก้ มาดริด พบ ลิเวอร์พูล

วันแข่ง : นัดแรก 19 ต.ค. 2021 ,นัดสอง 3 พ.ย. 2021 

แอตเลติโก้ มาดริด ถือเป็นโจทย์เก่าที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ และ ลิเวอร์พูล ลืมไม่ลง เนื่องจากพวกเขาพ่ายให้ ‘ตราหมี’ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน และเป็นทีมแรกที่เอาชนะ คล็อป ในเกม 2 เลกรอบน็อคเอ้าท์

ทั้งคู่หวนกลับมาพบอีกครั้งในรอบแบ่งกลุ่มของกรุ๊ป B ซึ่งหลายคนมองว่าทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่พบกันในปี 2020 พอสมควร ขณะที่ ‘หงส์แดง’ ก็ต้องการทดสอบความแข็งแกร่งในทีมเช่นกันว่าสามารถต่อกรกับทีมแชมป์ลาลีก้าได้ดีแค่ไหน และคงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมหากคว้าชัยเหนือทีมของ ‘เอล โชโล่’ ได้ในครั้งนี้

เมื่อเทียบกับ ปอร์โต้ และ เอซี มิลาน ตัวแทนจากอังกฤษก็ยังคงเหนือกว่า แต่ถ้ามีทีมใดทีมหนึ่งพลาด คงต้องเหนื่อยสุดๆแน่กับการพยายามดิ้นรนเพื่อคว้าตั๋วในรอบน็อคเอ้าท์ต่อไป

 

เชลซี พบ ยูเวนตุส

วันแข่ง : นัดแรก 29 ก.ย. 2021 ,นัดสอง 23 พ.ย. 2021 

โรเมลู ลูกากู ย้ายกลับมาเล่นให้กับ เชลซี อีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันคงสถานะเป็นแชมป์เก่าของ UCL จะพบกับ ยูเวนตุส ที่ดึง มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กลับมากุมบังเหียนเป็นครั้งที่ 2

ต้องยอมรับว่า ‘เบี่ยงโคเนรี่’ ไม่ใช่ทีมแข็งแกร่งเหมือนเคยในบอลยุโรป ทำให้ตัวเต็งแชมป์กลุ่ม H ตกเป็นของ ‘สิงห์บลูส์’ แต่อย่างน้อยดีกรีที่ผ่านมาของ อัลเลกรี ก็แสดงให้เห็นว่าทีมที่เขาเคยสร้างมาก็แกร่งไม่แพ้ใคร และทางฝั่งของ โธมัส ทูเคิ่ล ก็ต้องรักษามาตรฐานของทีมให้ได้ หากหวังป้องกันถ้วยบิ๊กเอียร์ ในฤดูกาลนี้

การดวลกับ มัลโม่ และ เซนิต ไม่น่าใช้งานลำบากสำหรับยอดทีมจากลอนดอนและตูริน แต่การพบกันเองระหว่างพวกเขาต่างหากจะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะคว้าเบอร์หนึ่งในกลุ่มนี้ไปครอง

 

เรอัล มาดริด พบ อินเตอร์ มิลาน

วันแข่ง : นัดแรก 15 ก.ย. 2021 ,นัดสอง 7 ธ.ค. 2021 

2 ทีมชื่อดังในเวทียุโรป ที่ในปัจจุบันก็ยังไม่ใช่ทีมที่อันตรายหรือแข็งแกร่งที่สุด แต่การพบกันของ เรอัล มาดริด และ อินเตอร์ มิลาน ก็ถือเป็นเกมใหญ่ที่หลายคนรอคอยเสมอ โดยไม่ต้องคำนึงว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรในปัจจุบัน

นี่จะเป็นการต่อสู้ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่กลับมากุมบังเหียน ‘โลส บลังโกส’ หนที่ 2 กับ ‘งูใหญ่’ ของ ซิโมเน่ อินซากี้ ที่ต้องสร้างให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นกว่ายุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ตกรอบแบ่งกลุ่มมา 2 ปีติด

 

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ อาแจ็กซ์

วันแข่ง : นัดแรก 19 ต.ค. 2021 ,นัดสอง 3 พ.ย. 2021 

ทั้ง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ อาแจ็กซ์ ต่างเคยเป็นม้ามืดคว้าแชมป์ UCL ในยุค 90 และทั้งคู่โคจรมาพบกันอีกในกลุ่ม C ฤดูกาลนี้

แน่นอนว่าทีมของ มาร์โก โรเซ่ ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งของกลุ่มนี้เหนือยอดทีมจาก ฮอลแลนด์ แต่ก็มีเรื่องราวยิบย่อยระหว่างทั้ง 2 ทีมที่น่าสนใจเช่นกัน ทั้ง เอริค เตน ฮาก กุนซือของ อาแจ็กซ์ที่เคยเป็นอดีตมือขวาของ เป๊ป ในบาเยิร์น และช่วยขยี้ ‘เสือเหลือง’ ตลอดช่วงที่เขาทำหน้าที่นั้น หรือ ดอนเยล มาเลย กองหน้าคนใหม่ของทีมจากเยอรมัน ที่เคยเป็นตัวแสบของ อาแจ็กซ์ สมัยล่าตาข่ายให้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น

อีกทั้งเกมนี้น่าจะทำให้เราได้เห็นการต่อสู่กันอย่างดุเดือดในด้านเทคติกระหว่าง โททัล ฟุตบอล ปะทะ กีเก้นเพรสซิ่ง ที่จะทำให้พวกเนิร์ดสายกลยุทธลูกหนังฟินน้ำหูน้ำตาไหลไปตามๆกัน

 

ลีลล์ พบ เซบีย่า

วันแข่ง : นัดแรก 20 ต.ค. 2021 ,นัดสอง 2 พ.ย. 2021 

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากคุณจับทีมรองบ่อนไปร่วมอยู่ในกลุ่มเดียวกัน?

เชื่อว่ากลุ่ม G ใน UCL ในฤดูกาล 2021-22 คงเป็นกลุ่มที่แฟนบอลให้ความสนใจน้อยที่สุดในรอบนี้ที่มีทีมอย่าง ลีลล์, เซบีย่า, เร้ดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก และ โวล์ฟสบวร์ก อยู่ แต่ตัวเต็งก็คงเป็น เซบีย่า ที่มีโอกาสคว้าที่หนึ่งของกลุ่มมากที่สุด และไม่น่าจะตกรอบเพื่อหล่นลงไปลุ้นถ้วยยุโรป้าลีก เหมือนที่เคยทำในอดีต

แต่ ลีลล์ ก็ถือว่าเป็นอีกทีมที่ประมาทไม่ได้ แม้ชื่อชั้นในเวทียุโรปจะเป็นรอง รวมถึงประสบการณ์ที่อาจจะน้อยกว่า แต่การที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกเอิงได้ในฤดูกาลก่อนก็อาจทำให้พวกเขากลายเป็นม้ามืดที่ทะลุเข้าไปเล่นในรอบลึกๆก็เป็นได้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง