หลังจากพบความพ่ายแพ้ที่ไม่ยุติธรรมหรือสมควรจะได้รับ แฟนฟุตบอลหลายคนย่อมรู้สึกไม่โอเคกับผลลัพธ์ราวกับทีมรักของพวกเขาถูกสาปไม่ให้พบกับชัยชนะ
มีเพียงพลังเหนือธรรมชาติแและสิ่งลี้ลับเท่านั้นที่น่าจะสามารถสร้างโชคร้ายขึ้นมาได้ และแน่นอนว่าทุกสโมสรบนโลกใบนี้ย่อมพบเจอกับความโชคร้ายหนักหรือเบาแตกต่างกันไป แต่ก็มีบางสโมสรที่ไม่สามารถหลีกหนีจากอุปสรรคได้เลยจนต้องผิดหวังทุกครั้ง ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนมากแค่ไหนก็ตาม
ทาง UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 7 ทีมจากทั่วโลกที่ดูเหมือนจะพบความโชคร้ายตลอดเวลาราวกับต้องสาป เมื่อใดก็ตามที่เป้าหมายของพวกเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
พวกเขาอาจเป็นทีมอันดับต้นๆในพรีเมียร์ลีกช่วง 4-5 ปีหลัง มีลุ้นแชมป์ตลอด แต่เชื่อว่าแฟนบอลของ สเปอร์ส คงไม่ตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ หากพิจารณาจากประสบการณ์ที่พวกเขาพบเจอมาในอดีต
ถ้าคุณคิดว่า ลิเวอร์พูล ใช้เวลารอคอยแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี ซึ่งถือว่านานมากแล้วหลังทำได้สำเร็จในฤดูกาลก่อน ต้องบอกว่า ‘ไก่เดือยทอง’ รอนานยิ่งกว่าเท่าตัว เนื่องจากพวกเขาคว้าแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายในปี 1961 และในฤดูกาล 2015-16 ที่พวกเขาใกล้เคียงกับโอกาสชูถ้วยนี้มากที่สุด กลับเป็น เลสเตอร์ ที่สร้างปาฏิหารย์ในวงการลูกหนังแทน
สเปอร์ส ในมือของ เมาริซิโอ้ โปเช็ตติโน่ พยายามอย่างหนักในการยกระดับขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแย่งแชมป์ แต่ความกดดันของพวกเขาย่อมแตกต่างจาก เลสเตอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นม้านอกสายตาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ที่แย่ไปกว่าั้น สเปอร์ส หมดโอกาสลุ้นแชมป์ในปีนั้น เมื่อเสมอกับ เชลซี 2-2 ก่อนจะพ่ายอีก 2 นัดสุดท้ายของฤดูกาล จนโดน อาร์เซน่อล ทีมอริร่วมกรุงลอนดอนที่หมดลุ้นแชมป์ไปแล้วหลายสัปดาห์ก่อน แซงขึ้นไปเป็นที่ 2
หลายสิ่งเปลี่ยนแปลง และยังคงเหมือนเดิมไปพร้อม ๆ กัน เมื่อ สเปอร์ส จบอันดับเหนือ ปืนใหญ่ ในฤดูกาล 2016-17 และเข้าไปเล่นถึงรอบชิงชนะเลิศของ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2018-19 แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพัฒนาตัวเองมากแค่ไหน นับตั้งแต่ผลเสมอใน สแตมฟอร์ด บริดจ์
แต่ถึงอย่างนั้น สเปอร์ส ก็ต้องผิดหวัง และยังคว้าแชมป์อะไรไม่ได้เลย นับตั้งแต่ถ้วย ลีกคัพ ในปี 2008 ไม่แปลกที่ ยิด อาร์มี่ หลายคนจะรู้สึกราวกับว่าทีมรักของตนต้องสาปอยู่
และตอนนี้พวกเขาก็คาดหวังไว้สูงว่า อันโตนิโอ คอนเต้ และ แข้งสเปอร์ส จะล้มล้างคำสาปนี้ไปได้ด้วยการแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือ รายการใดซักถ้วยในฤดูกาลนี้
เบนฟิก้า
ระหว่างปี 1959-1962 เบล่า กัตต์มันน์ พา เบนฟิก้า คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของโปรตุเกส 2 สมัย รวมถึงยูโรเปี้ยน คัพ อีก 2 สมัย นั่นทำให้เขาเชื่อว่าตนเองสมควรได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น แต่ว่าสโมสรกลับปฏิเสธคำขอของเขา
นั่นทำให้ อดีตแข้งชาวฮังการี สาปส่งทีมแดนฝอยทองว่า “อีก 100 ปีจากนี้ เบนฟิก้า ไม่ได้เป็นแชมป์บอลยุโรป” และคำเหล่านั้นก็เป็นจริง เพราะเบนฟิก้าไม่สามารถคว้าแชมป์ระดับทวีปได้อีกเลย และไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่พยายามด้วย
นับตั้งแต่ปี 1962 เบนฟิก้า เข้ารอบชิงชนะเลิศในบอลยุโรป 8 หน โดยแบ่งเป็น ยูโรเปี้ยน คัพ 5 ครั้ง และ ยูฟ่า คัพหรือ ยูโรป้า ลีก 3 ครั้ง ซึ่งแพ้ทั้งหมดในทุกครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือการแพ้ช่วงดวลจุดโทษชี้ขาดกับ เซบีย่า ในนัดชิงยูโรป้าฤดูกาล 2013-14 และหนึ่งปีก่อนหน้าก็แพ้ให้กับ เชลซี ด้วยการโดนยิงในนาทีสุดท้ายของรายการเดียวกัน
แฟนบอลหลายคนคงยินดีที่สโมสรสามารถคว้าแชมป์ในระดับประเทศได้หลายคน ทั้งแชมป์ไพรเมร่า ลีก้า 37 สมัย และทำได้ 4 ปีติดในทศวรรษก่อน แต่แฟนๆ ก็คงหวังว่าคำสาปจากบอลยุโรปจะหายไปในเร็ววันนี้เช่นกัน
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
ในฤดูกาล 2001-02 ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รั้งรองแชมป์บุนเดสลีก้า, เดเอฟเบ โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จนได้รับฉายาในช่วงนั้นว่าเป็น ‘Neverkusen’ ซึ่งเล่นกับคำว่าไม่เคยในภาษาอังกฤษเพื่อสื่อว่าพวกเขาอกหักจากทุกรายการในปีนั้น
คงไม่มีอะไรโชคร้ายกว่าการเป็นพระรอง 3 รายการในปีเดียวอีกแล้ว แต่นั่นก็เกิดขึ้นกับทีมห้างขายยา เมื่อพวกเขารั้งตำแหน่งรองแชมป์บุนเดสลีก้า 3 ปีติด ระหว่างปี 1999-2002
โดยครั้งล่าสุดที่ เลเวอร์คูเซ่น เข้าใกล้แชมป์ลีกมากที่สุดคือ ฤดูกาล 2010-11 ที่คว้าอันดับ 2 และ 2 ปีก่อนหน้านั้น พวกเขาก็แพ้ในเกมนัดชิงบอลถ้วยเมืองเบียร์ด้วย
เหลือเชือที่ทีมอย่าง เลเวอร์คูเซ่น ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกได้เลย แม้จะพยายามทุ่มเทมากมายแค่ไหน และความโชคร้ายลุกลามไปยังทีมชาติเยอรมันด้วย เมื่อทัพอินทรีเหล็กพ่าย บราซิล ในนัดชิงฟุตบอลโลกปี 2002 โดยมีผู้เล่นจากทีมห้างขายยาอยู่ในสนามถึง 5 คนในวันนั้น
ครูซ อาซูล
แชมป์ลีกเม็กซิโก 8 สมัย อย่าง ครูซ อาซูล พยายามสลัดอาถรรพ์ออกไปจากทีมนับตั้งแต่ปี 1997 เมื่อ คาร์ลอส เฮอร์โมซิลโล่ ยิงจุดโทษในเกมตัดสินแชมป์ หลังจากบาดเจ็บที่ศรีษะจนต้องเช็ดคราบเลือดออกจาใบเหน้าก่อนจะเข้ามายิงจุดโทษ
นั่นเป็นแชมป์ลีกครั้งที่ 8 ของ อาซูล ครูซ แต่หลายคนมองว่านั่นคือเลือดที่สาปแช่งสโมสร เพราะหลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกแดนจังโก้อีกเลย รวมถึงแพ้ในนัดชิงช่วงนาทีสุดท้ายหลายต่อหลายครั้ง
ที่เหลือเชือคือการที่ ครูซ กุมความไปเปรียบในเกมรอบตัดเชือกเลกแรกในฤดูกาลนี้ ด้วยการเอาชนะ พูมาส คู่ปรับถึง 4-0 แต่ไม่รู้เพราะคำต้องสาปหรืออะไร พวกเขาโดนตามยิงคืนเป็น 4-4 ในนัดสอง และตกรอบไปเนื่องจากมีอันดับในตารางลีกแย่กว่า อีกทั้งยังทำให้ พูมาส กลายเป็นสโมสรแรกใน ลีก้า เอ็มเอ็กซ์ ที่ผ่านเข้ารอบหลังโดนยิงไปก่อน 4 ลูกอีกต่างหาก
แม้จะคว้าแชมป์ทวีปอย่าง คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2014 แต่ ครูซ ก็ยังรอคอยแชมป์ลีกต่อไป ซึ่งกว่า 23 ปีเข้าไปแล้ว
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
นับตั้งแต่มีเงินถุงเงินถังในสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็ยึดครองวงการลูกหนังฝรั่งเศสแบบเบ็ดเสร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ลีก 7 ครั้งจาก 8 ปีหลังสุด อย่างไรก็ตามในเวทียุโรป กลับเป็นรายการที่พวกเขาต้องพบกับความผิดหวังมากที่สุด
เปแอสเช ลงทุนคว้า เนย์มาร์ จากบาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกกว่า 220 ล้านยูโร แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการนัก เนื่องจากดาวเตะชาวบราซิลเลี่ยน บาดเจ็บจนพลาดโอกาสลงเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นจุดที่ทีมตกรอบบ่อย ๆ
ขณะที่ 3 ฤดูกาลก่อน พวกเขาที่ขึ้นนำ บาร์เซโลน่า ไปก่อนถึง 4-0 กลับแพ้ในเกมเลกสองด้วยสกอร์ 6-1 หลังจากนั้นในปีต่อมา พวกเขาก็แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกทั้งที่นำไปก่อน 2-0 แต่ก็มาโดน VAR เล่นงานจนเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมนัดสอง และตกรอบไปด้วยสกอร์ 3-3 เนื่องจากกฏอเวย์โกล
แม้จะอุตสาหะฝ่าอุปสรรคมาจนถึงนัดชิง แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร อีกทั้ง เนย์มาร์ ก็ฟิตพร้อมสมบูรณ์ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็เสียท่าให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ในฤดูกาล 2019-20
และปีนี้ก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าทีมดังจากแดนน้ำหอมจะคว้าแชมป์ยุโรปได้อย่างใจหวังหรือจะช้ำชอกต่อไปอีกฤดูกาล
ทีมชาติเม็กซิโก
หากจะบอกว่า เม็กซิโก คือทีมอาร์เซน่อลเวอร์ชั่นทีมชาติ ก็คงจะได้อยู่ เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะพวกเขาข้ารอบไปเล่นในฟุตบอลโลกทุกครั้งด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งไม่แพ้ใคร แต่ทุก ๆ ปี ทีมจังโก้ก็จะต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอยู่ร่ำไป
เม็กซิโก ตกรอบดังกล่าวในฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา ทั้งการแพ้ช่วงดวลจุดโทษกับ บัลแกเรีย หรือ โดน บราซิล อัดไป 2-0 ในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด แม้จะทำผลงานได้น่าประทับใจในรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม
การเกิดขึันซ้ำ ๆ แบบนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลลบในด้านจิตวิทยาเท่านั้น แต่ยังทำให้ทีมกังวลทุกครั้งที่เสร็จสิ้นรอบแบ่งกลุ่มด้วย และในปี 2022 เราก็คงรู้กันว่า เม็กซิโก จะก้าวข้ามคำต้องสาปนี้ได้หรือไม่
แชมป์เก่าในฟุตบอลโลกหลังศตวรรษที่ 21
The reigning World Cup holders have been knocked out at the group stage in four of the last five tournaments:
2002: 🇫🇷 France
2010: 🇮🇹 Italy
2014: 🇪🇸 Spain
2018: 🇩🇪 GermanyThe curse of the champions. pic.twitter.com/u8xINJ6yom
— Squawka (@Squawka) June 27, 2018
การคว้าแชมป์ระดับนานาชาติคือสิ่งที่นักฟุตบอลอาชีพทั่วโลกใฝ่ฝันถึงมากกว่าสิ่งใด และรางวัลอย่าง ฟุตบอลโลก ก็เป็นสิ่งที่แข้งคนไหนก็ไม่ทางลืม หากได้โอกาสสัมผัสมันซักครั้ง
อย่างไรก็ตาม เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นหลังโลกเดินทางมาศตวรรษที่ 21 เนื่องจากบรรดาแชมป์โลกต่างล้มเหลวกับการป้องกันแชมป์ตั้งแต่รอบแรก ๆ ของการแข่งขันเกือบทุกทีม
ฝรั่งเศส เจ้าของแชมป์ปี 1998 เปิดหัวเวิล์ด คัพ ฉบับเอเชีย ด้วยการพ่ายแก่ เซเนกัล 1-0 จากนั้นก็เสมอกับ อุรุกวัย 0-0 โดยที่ เธี่ยร์รี่ อองรี โดนไล่ออกในเกมนั้น ก่อนจะปิดฉากเก็บของกลับบ้านด้วยการพ่าย เดนมาร์ก 2-0
และหลังจากนั้นแชมป์โลกก็กลับบ้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี แชมป์ปี 2006 ที่ตกรอบในปี 2010, สเปน ดีกรีแชมป์โลกปี 2010 ก็หมดสภาพในปี 2014 เช่นเดียวกับ เยอรมันใน 4 ปีก่อน
มีเพียง บราซิล เจ้าของแชมป์ปี 2002 ที่รอดจากคำต้องสาปประหลาดนี้ ด้วยการเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกปี 2006
และหาก ฝรั่งเศส แชมป์โลกรายล่าสุด ตกรอบตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มในปี 2022 ที่กาตาร์ เป็นเจ้าภาพ ดูท่าว่าคำสาปนี้อาจเป็นเรื่องจริง…ก็เป็นได้