หนึ่งในสิ่งที่น่าฉงนงงงวยที่สุดในวงการลูกหนังคือการที่ทีมๆหนึ่งทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในแชมเปี้ยนส์ชิพ แต่กลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้ยามขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ นอริช ซิตี้ ที่ผงาดเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดแดนผู้ดี เมื่อฤดูกาล 2019-20 แต่สุดท้าย นกขมิ้นเหลืองอ่อน ก็ตกชั้นแบบหมดสภาพในปีนั้นด้วยการรั้งบ๊วยในลีก ด้วยการเก็บไปเพียง 21 แต้ม และชนะเพียง 5 จาก 38 เกมเท่านั้น
ถึง แดเนี่ยล ฟาร์เก้ พา นอริช กลับมาลุยบนลีกยอดนิยมเบอร์หนึ่งในเมืองมนุษย์อีกครั้งในฤดูกาล 2021-22 แต่ดูทรงแล้วก็ไม่แคล้วต้องไปเริ่มต้นกันใหม่ในลีกรองอีกหน เมื่อไม่ชนะใครตลอด 10 นัดแรก จมบ๊วยตามระเบียบ
แม้คว้าชัยชนะครั้งแรกได้สำเร็จในเกมเฉือน เบรนท์ฟอร์ด 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ ฟาร์เก้ ก็ไม่รอดโดนปลดพ้นตำแหน่งกุนซือเป็นรายที่ 4 ในลีกฤดูกาลล่าสุด
อย่างไรก็ตาม นอริช ที่ว่าแย่ หรือ นิวคาสเซิล ที่ยังไม่ชนะใครเลยในฤดูกาลนี้ ก็ไม่ได้ครองสถิติฟอร์มแย่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก และ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 6 ทีมเหล่านี้ที่ครองสถิติสุดแย่อย่างไม่น่าเชื่อ
แพ้ติดต่อกันมากที่สุด : ซันเดอร์แลนด์ | ฤดูกาล 2002-03 (15)
เทศกาลคริสต์มาสมีขึ้นเพื่อนำมาซึ่งความสุขและสนุกสนาน แต่ไม่ใช่สำหรับแฟนบอล ซันเดอร์แลนด์ ในช่วงฤดูกาล 2022-03
ทีม ‘แมวดำ’ ไม่ได้โชว์ฟอร์มดีเด่อะไรมากนัก แต่ก็ยังมีแต้มหากจากโซนตกชั้น 2 คะแนนช่วงก่อนวันคริสต์มาส รวมถึงหักปากกาเซียนเอาชนะทีมอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล หรือ สเปอร์ส ได้ด้วย แม้ว่า โทเร่ อังเดร โฟล กองหน้าป้ายแดงที่คว้ามาร่วมทีมในซัมเมอร์นั้น ยังปืนฝืด หลายคนก็มองว่าพวกเขาจะคว้าอันดับได้ดีกว่าปีก่อนที่รั้งอันดับ 17 อย่างแน่นอน
ทว่านับตั้งแต่วัน บ็อกซิ่งเดย เป็นต้นมา ทีมแดนอีสาน ก็ไม่ชนะใครอีกเลย และหลังเกมเจ๊ากับ แบล็คเบิร์น ในวันที่ 11 มกราคม ซันเดอร์แลนด์ ก็พ่ายคู่แข่ง 15 ติดหรือเป็นเวลา 4 เดือนจนกระทั่งจบฤดูกาล
เกมพ่าย เบอร์มิ่งแฮม ในเดือนเมษายน เป็นการการันตีว่า ซันเดอร์แลนด์ ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ในแชมเปี้ยนส์ชิพก่อนใครเพื่อนในปีนั้น แม้เลื่อนชั้นกลับมาได้ในอีก 2 ฤดูกาลต่อมา แต่การพ่าย 5 นัดแรกติดต่อกัน ก็ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่แพ้ติดต่อกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกด้วยสถิติ 20 นัด
แพ้ช่วงออกสตาร์ทติดกันมากที่สุด : พอร์ทสมัธ | ฤดูกาล 2009-10 (7)
พอร์ทสมัธ กลายร่างเป็นม้ามืด ผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2008 ภายใต้การกุมบังเหียนของ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ แต่ภายในเวลา 2 ปีหลังจากกลับเกิดเรื่องราวพลิกผันมากมายในถิ่น แฟรตตัน ปาร์ค โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาด้านการเงินของสโมสร
‘ปอมปีย์’ ผลงานตกลงชัดเจนในฤดูกาลต่อมา ด้วยการจบอันดับที่ 14 ก่อนย่ำแย่สุดๆในฤดูกาล 2009-10 จนตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก และไม่เคยกลับขึ้นมาได้อีกเลยจนถึงปัจจุบัน
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เริ่มต้นตั้งแต่นัดเปิดสนามที่พ่ายให้กับ ฟูแล่ม ก่อนปราชัยยาวต่อเนื่องรวม 7 นัดติด ซึ่งเป็นทีมแรกในลีกสูงสุดยุคใหม่ที่ครองสถิตินี้ ก่อนสะกดคำว่าชนะในลีกเป็นครั้งแรกในเกมเฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 เมื่อตุลาคม
ไม่ชนะใครนานที่สุด : คิวพีอาร์ | ฤดูกาล 2012-13 (16)
คิวพีอาร์ อีกทีมที่มีปัญหาเรื่องการใช้เงินเสริมทัพแบบตามใจเจ้าของ และก็เป็นอีกครั้งที่ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ต้องมาเจอกับปัญหาลักษณะนี้ หลังเข้ามารับช่วงต่อจาก มาร์ค ฮิวจ์ส ในเดือนพฤศจิกายนปี 2012
หลังจากรอดตกชั้นในฤดูกาลก่อน โทนี่ แฟร์นานเดส เจ้าของสโมสร คิวพีอาร์ ณ เวลานั้น ทำการเสริมทัพอย่างบ้าคลั่งเพื่อดึงดาวดังมาช่วยให้ทีมรอดตกชั้นในฤดูกาล 2012-13 ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น โชเซ่ โบซิงวา, คลินท์ ฮิลล์, ฟาบิโอ ดา ซิลวา, เอสเตบัน กราเนโร่, ปาร์ค จี-ซอง, โลอิก เลมี่ หรือ ฮูลิโอ เซซาร์
แต่ด้วยการเสริมทัพที่ดูไม่มีเป้าหมายชัดเจน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาขาดๆเกินๆ ไร้ความสมดุลในทีม และไม่สามารถเอาชนะใครได้เลยจาก 16 นัดแรก โดยแบ่งเป็นแพ้ 9 กับเสมอ 7 ก่อนคว้า 3 แต้มแรกในเกมพบ ฟูแล่ม
แต่ท้ายที่สุด คิวพีอาร์ ก็ฟอร์มบู่เหมือนเดิม และเป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งช่วงท้ายฤดูกาลที่เสมอ เร้ดดิ้ง ในเดือนเมษายน ส่งผลให้ทีมตกชั้นจากลีกสูงสุดในปีนั้นเป็นทีมแรก
ยิงไม่ได้ติดต่อกันนานที่สุด : คริสตัล พาเลซ | ฤดูกาล 1994-95 (9)
ในพรีเมียร์ลีกยุคแรกๆช่วงก่อตั้ง คริสตัล พาเลซ เป็นสโมสรโยโย่ทีมแรกๆที่ขึ้นๆลงๆในลีกสูงสุดกับลีกรองอยู่บ่อยครั้ง โดยตกชั้นเป็นครั้งแรกในปี 1993 ด้วยผลต่างประตูได้เสียน้อยกว่า โอลด์แฮม เพียง 2 ลูกเท่านั้น ก่อนที่พวกเขาจะกลับขึ้นมาอีกครั้งในในปี 1994 พร้อมด้วยดาวเด่นอย่าง คริส อาร์มสตรองที่ซัดประตูให้ทีมถึง 22 ตุงในดิวิชั่น 1
ทว่าเมื่อกลับมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง อาร์มสตรอง ก็ไม่สามารถยิงกระจายได้เหมือนสมัยเล่นในลีกรอง ด้วยการกดไป 8 ลูกในลีก ขณะที่ตัวรุกคนอื่นๆในทีมก็ไม่แบ่งเบาภาระในการทำประตูได้เลย ทำให้ทีมจากลอนดอนใต้ ยิงประตูได้น้อยที่สุดในฤดูกาลนั้นเพียง 34 ลูก
มากไปกว่านั้น พาเลซ มีอยู่หนึ่งที่ยิงใครไม่ได้เลยเป็นเวลา 9 นัดติดต่อกัน หรือคิดรวมเป็นเวลา 838 นาทีที่กระสุนบอด และด้วยเกมรุกที่ไร้ประสิทธิภาพให้พวกเขาค่อยๆร่วงไปอยู่โซนท้ายตาราง และตกชั้นไปในท้ายที่สุด ซึ่งเป็นปีที่สุดที่ลีกสูงสุดของอังกฤษมีจำนวน 22 ทีม ก่อนลดลงเหลือ 20 ทีม นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ไม่ชนะใครนานที่สุด : ดาร์บี้ | ฤดูกาล 2007-08 (32)
เขาอาจไม่ใช่คนที่ได้รับการยกย่องให้ฮีโร่ในถิ่น ไพรด์ ปาร์ค มากนัก แต่เชื่อว่าแฟนๆของ ดาร์บี้ ไม่มีลืมชื่อของ เคนนี่ มิลเลอร์ แน่นอน กับการยิงประตูช่วยให้ทีมคว้าชัยในเกมพบ นิวคาสเซิล ซึ่งถือว่าเป็นชัยชนะนัดแรกและนัดเดียวของสโมสรบนพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2007-08
หากไม่มีประตูของ ดาวยิงชาวสกอต ในวันนั้น พวกเขาคงกลายเป็นสโมสรแรกในลีกสูงสุดของอังกฤษที่ไม่ชนะใครเลยตลอดทั้งฤดูกาล แม้สภาพจริงๆในแต่ละนัดก็ดูไม่จืดอยู่แล้วก็ตาม
เกมเปิดรังเฉือน ‘สาลิกาดง’ ถือเป็นนัดที่ 6 ของ ‘แกะเขาเหล็ก’ ในฤดูกาลดังกล่าว และหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ชนะใครเลยในอีก 32 นัดต่อมา ตกชั้นไปพร้อมสถิติที่ตอกย้ำถึงความย่ำแย่ของพวกเขามากมาย
ไร้คลีนชีทนานที่สุด : เวสต์บรอม | ฤดูกาล 2010-11
เวสต์บรอม เป็นอีกทีมโยโย่ประจำพรีเมียร์ลีก และหากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ทีมภายใต้การดูแลของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ พวกเขาเป็นทีมที่มีเกมรับอ่อนยวบที่สุดในลีกเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่ามันอาจไม่ได้แย่ที่สุดในฤดูกาลนั้น แต่ 71 ประตูที่เสียไปนั้นอยู่ในระดับเดียวกับ แบล็คพูล (78) หรือ เวสต์แฮม (70) ที่ตกชั้นในปี 2011 แม้แต่ เบอร์มิ่งแฮม (58) ทีมสุดท้ายที่หล่นไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพ ยังเสียประตูน้อยกว่า ‘เดอะ แบ็กกี้ส์’ ด้วยซ้ำ
หลังเกมเบียดชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 พวกเขาก็เสียประตูอยู่เรื่อยมา แม้เปลี่ยนกุนซือเป็น รอย ฮอดจ์สัน ในเดือนกุมภาพันธ์ เกมรับของ เวสต์บรอม ก็ยังมีปัญหาในจุดนี้เหมือนเดิม
แต่อย่างน้อย ทีมในมือปู่รอย ก็ยังสามารถคว้าชัยชนะได้จนการันตีรอดตกชั้นแน่นอนในปีนั้น ก่อนมาเก็บคลีนชีทได้ครั้งแรกในรอบ 34 นัด จากเกมนัดรองสุดท้ายของฤดูกาลที่เปิดรังชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0