ปืนอย่าวางใจ : 6 ทีมดังที่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2000

ตกชั้น

เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซน่อล เคยร่วงลงไปถึงอันดับ 15 ของตาราง โดยมีแต้มอยู่เหนือโซนแดงแค่ 4 คะแนน จนถึงขั้นมีการพูดกันว่าพลพรรคปืนใหญ่อาจจะตกชั้นขึ้นมาจริงๆ

ผ่านมายังไม่ถึงปี ใครจะไปคิดว่าทีมของมิเกล อาร์เตต้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากพวกเขาออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีกด้วยความพ่ายแพ้ 3 นัดรวด , ยิงไม่ได้สักประตู และโดนทะลวงไปถึง 9 ลูก พร้อมหล่นลงไปจมอยู่ในตำแหน่งบ๊วยของตาราง

เอาล่ะ ด้วยศักยภาพของทีม และหนทางที่ยังอีกยาวไกล แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากมากๆๆๆๆๆที่เดอะกันเนอร์สจะตกชั้น แต่ในอดีตที่ผ่านมา เอาแค่ในช่วง 21 ปีหลังสุด ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีสโมสรใหญ่โดนถีบร่วงจากลีกสูงสุดมาก่อน และในวันนี้ เราจะพาคุณไปดูว่ามีทีมไหนบ้าง

 

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (2008/09) , (2015/16)

หลังจากโลดแล่นบนเวทีพรีเมียร์ลีกมา 15 ฤดูกาลติดต่อกัน ทูนอาร์มี่ทั่วโลกคงไม่นึกไม่ฝันว่าซีซั่นต่อมาจะเป็นปีที่พวกเขาต้องใจสลาย เมื่อ นิวคาสเซิ่ล ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก และเป็นการตกชั้นจากลีกสูงสุดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1989

บางที หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้สาลิกาดงหล่นลงไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ คือการที่พวกเขาใช้กุนซือมากถึง 4 รายในฤดูกาลนั้น ไล่ตั้งแต่ เควิน คีแกน , คริส ฮิวจ์ตัน , โจ คินเนียร์ และปิดท้ายด้วย อลัน เชียเรอร์ โดยในรายของ คีแกน ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ ตัดสินใจลาออกหลังจากคุมทีมลงเล่นในลีกไปแค่ 3 นัดเท่านั้น เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งกับ ไมค์ แอชลี่ย์ เจ้าของสโมสร

เดอะแม็กพายส์ จบที่อันดับ 18 ของตาราง , คว้าชัยได้เพียง 7 นัดตลอดทั้งซีซั่น และที่น่าเจ็บใจก็คือพวกเขาต้องการอีกแค่ 1 คะแนนเท่านั้น จาก 2 นัดสุดท้ายที่เจอกับ ฟูแล่ม และ แอสตัน วิลล่า แต่สุดท้ายก็แพ้ไปด้วยสกอร์ 0-1 ทั้ง 2 นัด

หลังจากกลับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดได้ 6 ปี นิวคาสเซิ่ล ก็ตกชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 2015-16 พวกเขาจบที่อันดับ 18 เหมือนเดิม และมีแต้มตามหลังทีมอันดับ 17 อย่าง ซันเดอร์แลนด์ 2 คะแนน โดยทีมสาลิกาดงชุดนี้ มีนักเตะแกนหลักคือ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม , มุสซ่า ซิสโซโก้ , อโยเซ่ เปเรซ และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

 

แอตเลติโก มาดริด (1999/00)

ในปี 1996 แอตเลติโก มาดริด สามารถกลับมาคว้าแชมป์ลาลีก้าได้อีกครั้งหลังจากไม่ได้สัมผัสถ้วยใบนี้มานานถึง 19 ปี ทว่าเพียงไม่กี่ฤดูกาลต่อมา สโมสรกลับพบว่าตัวเองต้องมาเล่นอยู่ในเซกุนด้า ดิวิชั่น

ขุมกำลังของทีมตราหมีในฤดูกาล 1999-00 นำทัพมาโดย ฆวน การ์ลอส บาเลร่อน , รูเบน บาราฆ่า , โจน กัปเดบีล่า และ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ แต่ทั้งหมดก็ไม่สามารถช่วยให้ต้นสังกัดอยู่รอดบนลีกสูงสุดได้ แม้รายหลังจะกระหน่ำในลีกไปถึง 24 ประตูก็ตาม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาภายในคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ แอตเลติโก มาดริด ต้องร่วงลงไปเล่นในลีกรอง โดยในเดือนธันวาคมปี 1999 เฆซุส กิล ประธานสโมสร รวมถึงบอร์ดบริหารของเขา ถูกสั่งแบนเนื่องจากข้อกล่าวหาเรื่องการยักยอกเงินทุนของสโมสร

 

ลีดส์ ยูไนเต็ด (2003/04)

3 ปีก่อนที่จะตกชั้น หรือฤดูกาล 2000-01 ลีดส์ ยูไนเต็ด ยังลงเล่นในรอบรองชนะเลิศ ของศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกอยู่เลย และคนที่ต้องรับผิดชอบกับหายนะที่เกิดขึ้นก็คือ ปีเตอร์ ริดส์เดล อดีตประธานสโมสร

ริดส์เดล ทำการกู้เงินอย่างบ้าคลั่งเพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่ง แต่การไม่ได้ไปเล่นแชมเปียนส์ ลีกต่อเนื่อง 2 ซีซั่นติดต่อกันนับตั้งแต่ปีที่พวกเขาเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ทำให้สโมสรต้องทยอยขายสตาร์ดังเพื่อนำเงินไปจ่ายหนี้ ทั้งยังไม่สามารถซื้อนักเตะเข้ามาเพิ่มได้ และเมื่อสภาพทีมเละเทะขนาดนี้ ก็ไม่แปลกอะไรที่ทีมยูงทองจะตกชั้นในฤดูกาล 2003-04 หลังจากจบอันดับ 19 ในพรีเมียร์ลีก

ความพินาศยังไม่หมดแค่นั้น หลังจากหล่นลงไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพแล้ว ลีดส์ ก็ยังต้องขายผู้เล่นตัวหลักเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ต่อ แม้กระทั่งขายสนามเหย้าของตัวเองอย่างเอลแลนด์ โร้ด จนกระทั่งในปี 2007 พวกเขาต้องร่วงลงไปถึงลีกวัน หลังจากถูกฟุตบอลลีกอังกฤษสั่งตัดแต้ม เนื่องจากไม่สามารถหาเงินมาจ่ายหนี้ได้ตามกำหนดเวลา

 

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (2002/03) , (2010/11)

การจบอันดับ 7 ในฤดูกาล 2001-02 ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลเวสต์แฮมเป็นอย่างมาก และพวกเขาได้เข้าสู่ซีซั่นใหม่ด้วยนักเตะตัวเก๋าอย่าง เปาโล ดิ คานิโอ , เทรเวอร์ ซินแคลร์ และ เดวิด เจมส์ ผสมผสานกับเด็กท้องถิ่นอย่าง โจ โคล , ไมเคิ่ล คาร์ริค , เกล็น จอห์นสัน และ เจอร์เมน เดโฟ

อย่างไรก็ตาม กว่าที่ทีมขุนค้อนจะเจอชัยชนะในบ้านนัดแรกของตัวเอง ก็ปาเข้าไปถึงสัปดาห์ที่ 25 ของฤดูกาล ก่อนที่สุดท้าย พวกเขาจะจบซีซั่นในอันดับ 18 โดยมีแต้มน้อยกว่าทีมอันดับ 17 อย่าง โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2 คะแนน

เช่นเดียวกับ นิวคาสเซิ่ล หลังจากกลับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดได้ 6 ปี เดอะแฮมเมอร์สก็ร่วงลงไปอยู่ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพอีกครั้งในฤดูกาล 2010-11 โดยคราวนี้พวกเขาอาการหนักถึงขั้นจบในอันดับสุดท้ายของตาราง และมีผลต่างประตูได้-เสียแย่สุดในลีกที่ลบ 27 ลูก โดยทีมขุนค้อนชุดนี้ มีแกนหลักคือ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ , คาร์ลตัน โคล , แม็ตธิว อัพสัน และ มาร์ค โนเบิ้ล

 

บียาร์เรอัล (2011/12)

ฤดูกาล 2010-11 จูเซ็ปเป้ รอสซี่ และ นิลมาร์ ยิงรวมกันในลาลีก้าไปถึง 29 ประตู ช่วยให้ บียาร์เรอัล จบอันดับ 4 ในลีก พร้อมคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปียนส์ ลีกซีซั่นถัดไป อย่างไรก็ตาม ด้วยอนาคตที่ดูเหมือนจะสดใสของทีม ใครจะไปคิดว่าปีต่อมาทุกอย่างจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน

สองดาวซัลโวสูงสุดของทีมอย่าง รอสซี่ และ นิลมาร์ ต้องพลาดช่วงเวลาส่วนใหญ่ของฤดูกาล 2011-12 เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ เรือดำน้ำสีเหลืองยังใช้กุนซือถึง 3 คนในซีซั่นดังกล่าว ก่อนที่สุดท้ายพวกเขาจะตกชั้นหลังจากจบในอันดับ 18 ของตาราง

บียาร์เรอัล ต้องการอีกเพียงคะแนนเดียวจาก 2 นัดสุดท้ายเพื่ออยู่รอด เพราะพวกเขามีเฮ้ด-ทู-เฮ้ดที่ดีกว่าทีมอันดับ 17 อย่าง กรานาด้า แต่มันก็ไม่ใช่งานง่ายเมื่อ 2 เกมนั้นคือการเจอกับ บาเลนเซีย และ แอตเลติโก มาดริด

 

ยูเวนตุส (2005/06)

หากจะพูดถึงการตกชั้นที่ช็อคที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนัง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ ยูเวนตุส รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม เคสของทีมม้าลายนั้นต่างจากสโมสรอื่นโดยสิ้นเชิง

ยอดทีมจากตูริน คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอาในฤดูกาล 2005-06 ด้วยการเก็บได้ถึง 91 คะแนน ซึ่งเป็นสถิติทำแต้มได้สูงสุดในเวลานั้น ทว่าในเวลาต่อมา พวกเขากลับถูกริบแชมป์ พร้อมปรับตกชั้นลงไปเล่นในเซเรียบี หลังจาก ลูเซียโน่ มอจจี้ หนึ่งในผู้บริหารระดับสูง และ อันโตนิโอ จิราอูโด้ ประธานสโมสร ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานล็อคผลการแข่งขันและล็อบบี้ผู้ตัดสิน หรือที่รู้จักกันในคดี “กัลโช่โปลี”

นอกจากนี้ เบียงโคเนรี่ยังถูกตัดถึง 9 คะแนนก่อนเปิดซีซั่น แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์เซเรียบี พร้อมเลื่อนชั้นกลับคืนสู่ลีกสูงสุดได้ภายในปีเดียว ซึ่งทุกวันนี้ คงไม่มีแฟนบอลยูเว่พันธุ์แท้คนไหนลืม จานลุยจิ บุฟฟ่อน , อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ , เมาโร คาโมราเนซี่ , พาเวล เน็ดเว็ด และ ดาวิด เทรเซเก้ต์ ตำนานทั้ง 5 ที่ตัดสินใจอยู่ช่วยม้าลายตัวนี้แม้ในวันที่ตกต่ำ

“พวกเราทั้ง 5 คน เราสามารถย้ายไปที่ไหนก็ได้ เราได้รับข้อเสนอ แต่เราตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ” เน็ดเว็ด กล่าว “จากนั้นเราก็กลายเป็นอมตะในสายตาของแฟนบอล ทั้งที่ผมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องปกติ สโมสรกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเราก็แค่ตอบแทนสโมสรกลับคืน”

“บางครั้ง คุณต้องไม่คิดถึงความเสี่ยงในอาชีพการค้าแข้งของคุณ และตัดสินใจอย่างถูกต้องจากหัวใจของคุณ ผมมีทุกอย่างเสมอที่ ยูเวนตุส และผมไม่ได้พลาดอะไรเลย มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะเล่นในเซเรียบี”

 

บทความที่คุณอาจสนใจ : ตัวใหญ่ล้มดัง : เมื่อเฟเนร์บาห์เช่เคยกลายร่างเป็นทีมหนีตกชั้น

เฟเนร์บาห์เช่