‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ เอริค เทน ฮาก เปิดหัวพรีเมียร์ฤดูกาล 2022-23 ไม่สวยเท่าไหร่ เมื่อพ่ายในเกมลีก 2 นัดเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
เริ่มต้นตั้งแต่เกมเปิดซีซั่นที่พ่ายให้กับ ไบรท์ตัน คา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 1-2 ในสัปดาห์ที่แล้ว และในสัปดาห์ล่าสุดก็ดูยับเยินยิ่งกว่าเก่า เมื่อพ่ายให้กับ เบรนท์ฟอร์ด แบบหมดสภาพ ด้วยสกอร์ 4-0 ส่งผลให้ ETH กลายเป็นกุนซือคนแรกในรอบ 100 ปีที่ประเดิมทีมด้วยการพ่าย 2 นัดติดในเกมลีก ต่อจาก จอห์น แชปแมน ที่เคยทำไว้ในปี 1921
หากนับเฉพาะเกมแรก นี่ถือเป็นครั้งที่ 7 แล้วที่ ยูไนเต็ด พ่ายให้ทีมนัดประเดิมสนามยุคพรีเมียร์ลีก แต่ความปราชัยก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะจบลงด้วยความผิดหวัง เพราะบางครั้งพวกเขาก็สามารถเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีก หรือประสบความสำเร็จในซีซั่นนั้นได้เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปย้อนรำลึก 6 ครั้งที่ ‘ปีศาจแดง’ สะดุดพ่ายในเกมนัดเปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก และบทสรุปของทีมหลังจบฤดูกาลเหล่านั้น
ฤดูกาล 1992-93
ลีดส์ ยูไนเต็ด ในยุคของ ฮเวิร์ด วิลกินสัน กลายเป็นทีมสุดท้ายที่คว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 เดิมก่อนที่จะรีแบรนด์ลีกใหม่ในชื่อของ พรีเมียร์ลีก ในปี 1992 ซึ่ง แมนฯยูไนเต็ด ที่จบรองแชมป์ในซีซั่นก่อน ก็ตั้งหน้าตั้งตาคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกให้ได้ นับตั้งแต่ปี 1967
อย่างไรก็ตาม พลพรรค ‘ปีศาจแดง’ ของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลับเริ่มต้นได้ไม่สวยเท่าไหร่ในฤดูกาล 1992-93 ด้วยการบุกไปพ่ายให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-2 โดยที่ ไบรอัน ดีน กองหน้าของทีม ดาบคู่ ถูกจารึกว่าเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีก
ผลงานของ ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้กระเตื้องขึ้นหลังจากนั้น ทั้งการพ่ายให้กับ เอฟเวอร์ตัน แบบหมดสภาพ 3-0 ในสัปดาห์ต่อมา และสะดุดเจ๊ากับ อิปสวิช ทาวน์ 1-1 ในอีกสัปดาห์ถัดมา แม้กลับมาโชว์ฟอร์มแกร่งด้วยการชนะ 5 นัด แต่พวกเขาก็ไม่ชนะใครอีกใน 7 เกมถัดมา จนทำให้ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ทีมรั้งอันดับ 10 ในตาราง มีแต้มตามหลัง นอริช ที่โผล่ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงสุดเซอร์ไพรส์ถึง 9 แต้ม
ทว่าการมาของ เอริค คันโตน่า คือคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมของ เฟอร์กี้ ไปตลอดกาล เพราะหลังดึงตัวดาวเตะเฟรนช์แมน จาก ลีดส์ มาร่วมทีม ‘ก็องโต้’ ก็พา ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกในบั้นปลาย และเป็นจุดเริ่มต้นทำให้กุนซือชาวสกอตครองความยิ่งใหญ่ในลีกอังกฤษร่วม 2 ทศวรรษหลังจากนั้น
ฤดูกาล 1995-96
ความพ่ายแพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า 3-1 ณ สนาม วิลล่า ปาร์ค ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 1995-96 ได้ก่อให้เกิดหนึ่งในประโยคสุดคลาสสิคจากปากของ อลัน แฮนเซ่น ตำนานกองหลังลิเวอร์พูล ที่แฟนบอลยุคนั้นไม่มีทางลืม
“ผมคิดว่าพวกเขามีปัญหานะ ผมไม่มองว่าเป็นปัญหาใหญ่หรอก แต่ชัดเจนว่ามีผู้เล่น 3 คนย้ายทีม เคล็ดลับก็คือการซื้อจะทำให้ทีมแข็งแกร่งเสมอ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องซื้อผู้เล่นเข้ามา คุณคว้าแชมป์ด้วยเหล่าดาวรุ่งไม่ได้หรอก” อดีตแข้ง หงส์แดง กล่าวผ่านรายการ Match of the Day
แฮนเซ่น วิจารณ์นโยบายของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ขายนักเตะหลายตัว และแทบไม่ซื้อใครเลย ในซัมเมอร์ซีซั่นนั้นโดยเสริมทัพเพียง 1 คนถ้วน คือ นิค คัลกิ้น เป็นผู้รักษาประตูซื้อเอามาสำรองปีเตอร์ ชไมเคิ่ล
อย่างไรก็ตาม เฟอร์กี้ ก็ยังเชื่อมั่นในผู้เล่นดาวรุ่งที่เขามี ซึ่งนักเตะเหล่านั้นก็ตอบแทนด้วยการพาทีมชนะ 5 นัดรวด และเก็บไปถึง 26 จากทั้ง 30 แต้มในเวลาต่อมา ซึ่งสุดท้าย พวกเขาก็ทวงแชมป์คืนจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส พร้อมเบียด นิวคาสเซิ่ล ของ เควิน คีแกน ชูถ้วยแชมป์ไปแบบสุดระทึก
ฤดูกาล 2004-05
โชเซ่ มูรินโญ่ ประเดิมการคุม เชลซี นัดแรกอย่างยิ่งใหญ่ ด้วการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาล 2004-05 ซึ่งนั่นกลายเป็นการประกาศกร้าวว่า ‘สิงห์บลูส์’ ในมือของ ‘เดอะ สเปชียล วัน’ พร้อมจะสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วลีกผู้ดีแล้ว
นายใหญ่ชาวโปรตุกีส พาทีมจากลอนดอนคว้าแชมป์ลีกได้ตามที่เขาลั่นวาจาไว้ พร้อมสร้างสถิติในเวลานั้น ด้วยการเก็บไป 95 แต้ม (ก่อน แมนฯซิตี้ ทำลายในปี 2018) และเสียประตูเพียง 15 ลูกตลอดซีซั่น ซึ่งกลายเป็นสถิติที่ยังไม่มีทีมไหนทำลายได้จนถึงปัจจุบัน
ด้าน แมนฯยูไนเต็ด ของ เฟอร์กี้ ก็มาตรฐานตกเมื่อพวกเขาคว้าอันดับ 3 เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันเป็นครั้งแรกในยุคพรีเมียร์ลีก พร้อมมีแต้มตามหลัง เชลซี ทีมแชมป์มากถึง 28 คะแนนด้วย
ฤดูกาล 2012-13
นี่ถือฤดูกาลสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับการคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนี่ถือเป็นช่วงเวลาที่หลายคนจดจำไม่ลืมเลือน กับการคว้าแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายในซีซั่น 2012-13
แม้จบด้วยการเป็นแชมปพรีเมียร์ลีก แต่ ‘ปีศาจแดง’ ก็ไม่ได้ประเดิมเกมแรกด้วยฟอร์มที่น่าพอใจเท่าไหร่ เมื่อบุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน 0-1 จากลูกโหม่งโทนของ มารูยาน เฟลไลนี่ โดยที่ โรบิน ฟาน เพอร์พี่ กองหน้าคนใหม่ที่คว้า อาร์เซน่อล ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ก็ไม่สามารถยิงประตูตีเสมอได้
อย่างไรก็ตาม เฟอร์กี้ ก็กระตุ้นให้ทีมของเขากลับมาโชว์ในแบบที่ควรจะเป็นอีกครั้ง ด้วยการชนะไปถึง 9 จาก 10 เกมต่อมา และแทบไม่ทำสะดุดเดินหน้าเข้าเส้นชัย การันตีคว้าแชมป์ลีกเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน โดยที่ RVP กลายเป็นดาวยิงเบอร์หนึ่งของทีม หลังซัดไป 26 เม็ดในลีกแดนผู้ดีซีซั่นนั้น
ฤดูกาล 2014-15
ฤดูกาล 2013-14 กลายเป็นจุดเริ่มต้นความตกต่ำของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อ เดวิด มอยส์ โดนปลดพ้นตำแหน่ง หลังพาสโมสรจบอันดับที่ 7 ต่ำที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมาในยุคพรีเมียร์ลีก
ต่อมา ‘ปีศาจแดง’ ได้เลือก หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ ซึ่งเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงพรีซีซั่นด้วยการชนะรวดทั้ง 6 นัด ทำให้หลายคนเชื่อว่า นายใหญ่ชาวดัตช์คือคนที่ใช่ในการปลุกผีให้กลับมาผงาดอีกครั้ง
ทว่าเมื่อเปิดซีซั่น 2014-15 จริงๆ ยูไนเต็ด กลับสะดุดพ่ายให้กับ สวอนซี 1-2 ตั้งแต่เกมประเดิมสนาม อีกทั้งฟอร์มการเล่นโดยรวมก็ไม่น่าพึงพอใจเลย หลังชนะเพียงเกมเดียวจาก 5 นัด หรือเก็บได้เพียง 5 แต้มจากทั้งหมด 15 แต้ม
แต่อย่างน้อย เจ้าของฉายา ‘ทิวลิปเหล็ก’ ก็ค่อยพาทีมคืนฟอร์มอีกครั้ง แม้ไม่ได้ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นลุ้นแชมป์ แต่อย่างน้อยก็สามารถพาทีมคว้าตั๋วไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า หลังคว้าอันดับ 4 ในลีกปีนั้น
ฤดูกาล 2020-21
ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ดาวเตะคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ประเดิมประตูแรกกับต้นสังกัดใหม่ได้ตั้งแต่เกมแรก เพียงแต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่เกมนั้น ทีมของเขาดันพ่ายให้กับ คริสตัล พาเลซ คา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบหมดสภาพ 1-3 ในเกมเปิดพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020-21
“คุณเห็นว่าเราทำได้ไม่ดีพอ และพวกเขาสมควรมีแต้มกลับไป” โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กล่าวหลังเกม
“วันนี้เป็นฟอร์มการเล่นที่คุณอาจไม่ได้เห็นพวกเขาในทีมเป็นได้บ่อยๆ เราควรมองตัวเองผ่านกระจก ทุกคนรู้ตัวดีว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านี้”
ฟอร์มของทีมไม่ได้ดีขึ้นแบบทันตาเห็น เมื่อพ่ายคาบ้าน 2 นัดติดให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (1-6) และ อาร์เซน่อล (0-1) ก่อนที่ทีมของ โซลชา จะค่อยๆทำพัฒนาโชว์ฟอร์มดีขึ้น ด้วยการไม่แพ้ใครเลยในเกมนอกบ้าน ก่อนเป็นรองแชมป์ต่อจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้
นั่นกลายเป็น 1 ใน 2 ครั้งที่ แมนฯยูไนเต็ด เข้าใกล้แชมป์ลีกมากที่สุด ด้วยจบอันดับ 2 หลังยุคของ เฟอร์กูสัน