อาแจ็กซ์ นับเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการปั้นดาวรุ่งขึ้นมาเฉิดฉายในโลกฟุตบอล แน่นอนว่าการเสียนักเตะตัวหลักออกไปจากทีมเรียกได้ว่าแทบจะเป็นเรื่องปกติ แต่พวกเขาก็ไม่เคยขาดนักเตะชั้นยอดขึ้นมาทดแทนเลย แถมยังเป็นการทำธุรกิจที่ได้กำไรสุดๆไม่ใช่แค่เรื่องของผลงานในสนาม
วันนี้ UFA ARENA จะพาไปชมบรรดานักเตะตัวแทนที่ อาแจ็กซ์ นำเข้ามาเพื่อทดแทนนักเตะตัวหลักที่ย้ายออกไปจากทีม ได้อย่างไร้รอยต่อ แถมทำเงินให้กับทีมต่อได้อีกด้วย
ขาออก: ฮาคิม ซิเย็ค(45ล้านยูโร)
ขาเข้า: ควินซี่ โปรเมส(15.7ล้านยูโร)
แนวรุกชาวโมร็อคโค ถูกดึงมาอยู่กับทีมในปี 2016 ด้วยค่าตัว 11 ล้านยูโร และสามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงเป็นตัวหลักในชุดที่ทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2019 ด้วย ก่อนที่จะได้ย้ายทีมไปอยู่กับ เชลซี ในปี 2020 ด้วยค่าตัวสูงถึง 45 ล้านยูโร ฝากผลงาน 49 ประตู 81 แอสซิสต์จาก 165 นัดรวมทุกรายการ
การเสียแนวรุกตัวหลักของทีมไปแบบนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ผลดี แต่ทาง อาแจ็กซ์ ก็ได้เตรียมการสำหรับเรื่องนี้มาแล้ว 1 ปี จากการที่ไปดึง ควินซี่ โปรเมส มาจากเซบีญ่าในปี 2019 ด้วยค่าตัวเพียง 15.7 ล้านยูโร โดยแข้งชาวดัตช์ มีจุดเด่นด้านความเร็วทำให้สามารถเข้ามาทดแทน ซิเย็คได้อย่างไม่ติดขัดอะไร แม้จะด้อยกว่าในเรื่องของการผ่านบอล แต่เรียกได้ว่าสามารถฝากผีฝากไข้เรื่องเกมรุกได้เลยทีเดียว ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะแยกทางกับทีมไปในช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง
ขาออก: คลาส ยาน ฮุนเตลล่า (27ล้านยูโร)
ขาเข้า : มาร์โก้ ปานเตลิช (ฟรี)
ดาวยิงชาวฮอลแลนด์ ย้ายมาอยู่กับ อาแจ็กซ์ ในปี 2006 ด้วยราคาเพียง 9 ล้านยูโรแต่ผลงานกลับทำได้อย่างยอดเยี่ยมที่จำนวน 105 ประตู จาก 136 นัดรวมทุกรายการ ก่อนที่จะโดนยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดึงตัวไปด้วยราคา 27 ล้านยูโรในช่วงตลาดเดือนมกราคา 2009 ซึ่งพวกเขายังไม่สามารถหาตัวแทนเข้ามาได้ในทันที แต่ในช่วงซัมเมอร์ยอดทีมจากแดนกังหันก็ไปได้ตัว มาร์โก้ ปานเตลิช มาแบบฟรีๆ
ดาวยิงชาวเซอร์เบียเข้ามาในฐานะตัวแทนระยะสั้น แต่สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจจากการลงสนาม 38 นัดรวมทุกรายการกดไป 38 ประตู พร้อมทั้งยังสร้างสถิติมีส่วนร่วมกับแม้จะเป็นการอยู่กับทีมแค่ไม่นาน แต่ก็นับว่าเป็นการทำธุรกิจที่ได้กำไรอย่างคุ้มค่าทุกยูโรสำหรับ อาแจ็กซ์ แถมในตอนหลังพวกเขายังได้ตัว ฮุนเตลล่ากลับมาแบบไร้ค่าตัวในช่วงปี 2017-2021 อีกด้วย
ขาออก: เดวีย์ คลาสเซน (27 ล้านยูโร)
ขาเข้า: ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค (ทีมเยาวชน)
อาแจ็กซ์นับเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องของการปั้นดาวรุ่งอยู่แล้ว แต่ในกรณีของ เดวีย์ คลาสเซน ต้องบอกว่าเป็นการทำธุรกิจที่มีแต่คุ้มกับคุ้ม แข้งชาวดัตช์เป็นเด็กปั้นของทีมที่ถูกดันสู่ชุดใหญ่ในปี 2012 และเคยถูก โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานลูกหนังแดนกังหัน ยกย่องให้เป็นกองกลางในแบบที่ควรจะเป็น ร่วมกับ โทนี่ โครส และ ชาบี เอร์นานเดซ โดยเจ้าตัวได้ให้แสดงความเห็นต่อแข้งรายนี้ว่า “ทันทีที่คลาสเซ่นได้บอลในแดนกลาง บอลจะเล่นเร็วขึ้น”ด้วยฟอร์มการเล่นและคำการันตีจากตำนานแข้งทำให้เอฟเวอร์ตัน หอบเงิน 27 ล้านยูโร มาสู่ขอตัวไปร่วมทัพในปี 2017
ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 ปีทางอาแจ็กซ์ได้ดันเด็กจากอคาเดมี่อีกรายมาสแตนบายรอไว้แล้วอย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค โดยหลังจากการย้ายออกไปของรุ่นพี่ เดอ เบค ก็สร้างชื่อให้กับทีมจนมาเป็นที่รู้จักอย่างวงกว้างในฐานะหนึ่งในก๊วนเด็กนรกที่พาทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019 ก่อนที่จะได้ย้ายออกจากทีมไปในปี 2020 ด้วยค่าตัว 39 ล้านยูโร เรียกว่ามีแต่ได้กับได้ ส่วนคลาสเซ่น ปัจจุบันก็ได้ย้ายกลับมาอยู่กับทีมอีกหนด้วยค่าตัวเพียง 11 ล้านยูโรเท่านั้น
ขาออก: เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์(27ล้านยูโร)
ขาเข้า : เซียม เดอ ยอง(ทีมเยาวชน)
อีกหนึ่งการแทนที่ผลผลิตจากอคาเดมี่ด้วยผลผลิตจากอคาเดมี่ จอมทัพชาวฮอลแลนด์ เป็นเด็กปั้นที่ถูกดันสู่ทีมชุดใหญ่ของอาแจ็กซ์ในปี 2003 จนกระทั่ง เรอัล มาดริด เป็นทีมที่มาสอยตัวเขาไปในปี 2007 ด้วยค่าคัว 27 ล้านยูโร ฝากผลงาน 58 ประตู 47 แอสซิสค์จากการลงสนาม 180 นัดรวมทุกรายการ แม้การไปราชันชุดขาวจะไม่ปังอย่างที่คิด แต่สุดท้ายก็ได้ไปสร้างชื่อยิ่งใหญ่กับ อินเตอร์ มิลานด้วยการกวาดทริปเปิ้ลแชมป์ร่วมกับทีม
ในขณะที่ทาง อาแจ็กซ์ก็มีการดัน เซียม เดอ ยอง ขึ้นมาทดแทนทันทีที่ สไนจ์เดอร์ ย้ายออกไป แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนักเตะพรสวรรค์สูงเท่ารุ่นพี่ แต่ก็นับว่าเป็นหัวใจสำคัญของทีมไปจนถึงปี 2014 ก่อนจะได้ย้ายออกไปอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ด้วยค่าตัว 9 ล้านยูโร ฝากผลงานเป็นแชมป์ลีกดัตช์ 4 สมัยร่วมกับทีม ก่อนจะได้กลับมาอีกครั้งในปี 2017 แม้ว่าการกลับมาคำรบสองจะไม่สวยหรูหนัก ด้วยอาการบาดเจ็บที่ตามรบกวน จนถูกปล่อยฟรีไปในปี 2020 ที่ผ่านมานี้เอง
ขาออก: แฟรงค์กี้ เดอ ยอง (75ล้านยูโร)
ขาเข้า: ไรอัน กราเวนเบิร์ช (ทีมเยาวชน)
นับว่าเป็นดีลตัวแทนที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ อาแจ็กซ์ ก็ว่าได้กับการดันนักเตะจากอคาเดมี่อย่าง ไรอัน กราเวนเบิร์ช มาแทนที่ แฟรงค์กี้ เดอ ยอง ที่ย้ายออกไปเมื่อปี 2019 โดยเดอ ยอง เป็นหนึ่งในนักเตะชุดเด็กนรกเช่นเดียวกับ ฟาน เดอ เบค เจ้าตัวเป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งรุกและรับ ซึ่งก่อนที่จะย้ายออกไป แข้งชาวฮอลแลนด์ได้ฝากผลงาน 5 ประตู 13 แอสซิสต์จาก 89 นัดรวมทุกรายการ และเป็น บาร์เซโลน่า ที่มาดึงตัวเขาไปร่วมทัพด้วยค่าตัวสูงถึง 75 ล้านยูโร
เมื่อเสียแข้งตัวหลักไป อาแจ็กซ์ ก็ดันเด็กปั้นอย่าง กราเวนเบิร์ช ขึ้นมาแทนที่ทันทีในปีเดียวกับที่ เดอ ยอง ย้ายออกไป โดยเจ้าตัวมีจุดเด่นเป็นส่วนสูงที่มากถึง 190 เซนติเมตร แต่ก็ยังคงความคล่องเคล่วไว้สรุปผลงานของเขาฝากไว้กับทีม 12 ประตู 13 แอสซิสต์จาก 103นัดรวมทุกรายการ แถมยังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เล่นให้กับชุดใหญ่ของทีมด้วยวัยเพียง 16 ปี 130 วัน ก่อนที่ในปัจจุบัน ดาวเตะวัย 20 ปีจะได้ย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ในตลาดหนนี้เองด้วยค่าตัวราว 18.5 ล้านยูโร